เธอจึงหันขวับกลับไปมองข้างหลังตามสัญชาตญาณ แต่ไม่พบอะไรเลยมีเพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้คนหรือสายตาจับจ้อง เรียวคิ้วจึงขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง ก่อนจะหันหลังแต่ดวงตากลมโตแสนหวานชะงักกึก หัวใจเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ เขามีเรือนผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ ใบหน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสันและที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ก็คงจะเป็นนัยน์ตาคมกริบสีดำที่ทั้งเย็นชา และน่าดึงดูดจนไม่อาจถอนสายตาออกไปได้ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมู บ่งบอกว่าเป็นนักศึกษาคณะวิศวะ
ยิ่งเขาเข้ามาใกล้มากเท่าไร เดวายิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูกมือชื้นเหงื่อไปหมด ใบหน้าเหม่อมองเขาอยู่เนิ่นนานจนอีกฝ่ายเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ชั่วขณะนั้นราวกับว่าเวลาได้หยุดหมุนลง นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ!”
เดวาสะดุ้งดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกราวกับกระต่าย เมื่อเขาโน้มตัวลงมาจนเธอได้กลิ่นหอมเย็นอันเป็นเอกลักษณ์จึงเผลอสูดดมอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นทำให้คนที่โน้มตัวลงมาถึงกับกระตุกมุมปาก แต่เดวากลับหลุบตาลงด้วยความประหม่า ใบหน้าเรียบนิ่งแสนอันตรายทำให้เธอเกร็งมาก อีกทั้งยังควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอตัวเหมือนยามที่อยู่ด้วยกัน
นี่พี่เขาจะทำอะไร ไหนว่าทำตัวไม่ให้รู้จักกันไง!
เธอก้มหน้างุดพลางบ่นพึมพำกับตัวเองในใจ ก่อนจะรวบรวมความกล้าช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่าย แต่กลับพบว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นห่างจากใบหน้าของเธอไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ….นี่มันอะไรกัน ใกล้เกินไปแล้วนะ!
“ถอยออกไปหน่อยจะเอาเบียร์”
“เอ่อ…ค่ะ ๆ”
คนตัวเล็กทำหน้าเหลอหลาใบหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะรีบขยับตัวถอยออกจากบริเวณนี้ เมื่อมองขึ้นไปบนชั้นที่เต็มไปด้วยเบียร์ ถึงเห็นว่าตัวเองเซ่อซ่ายืนขวางทางเขาอยู่จริง ๆ
เธอมองมือเรียวยาวของเขาที่คว้าเอาเบียร์หลายกระป๋องอย่างว่องไว แล้วอดเบะปากไม่ได้ สำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ต้องอยู่กับเรื่องความเป็นความตายของคน เห็นแบบนี้แล้วอดห่วงสุขภาพตับของเขาขึ้นมาไม่ได้เลย แต่จะทำไงได้ล่ะเธอไม่ใช่เจ้าชีวิตของเขาสักหน่อย
“กินเยอะระวังตับแข็ง…”
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับเบา ๆ เมื่อเห็นเขากำลังจะหอบเอาเบียร์ยี่ห้อหนึ่งอีกแพค ทั้งที่ในอ้อมแขนมีแล้วสามสี่กระป๋อง เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองเธอเพียงชั่วครู่ ทำเสมือนว่าเราทั้งคู่ต่างไม่รู้จักกัน
“แต่ถ้าวุ่นวายก็ขอโทษด้วย…” เห็นเขายังนิ่งเธอจึงก้มหน้างุดทำปากขมุบขมิบเบา ๆ ไม่ให้มีเพื่อนเขาที่กำลังเดินเข้ามาสังเกตเห็น
ก่อนจะเบี่ยงตัวมาทางขวาเดินออกห่างจากชั้นวางเบียร์ แต่ไม่คาดว่าพอขยับตัวแล้ว เขาจะเบี่ยงตัวมาทิศทางเดียวกัน กลายเป็นว่าเรือนร่างสูงโปร่งแสนโดดเด่น ยืนคร่อมร่างเธอโดยที่มือของเขาเท้ากับชั้นวางกระป๋องเบียร์ ท่านี้ดูคล้ายกับว่าชายหนุ่มใช้แขนกักขังเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
“ทะ,,,ทำอะไร” เดวาถลึงตามองเขาอย่างไม่ชอบใจ และไม่เข้าใจกับการกระทำด้วย เพราะเธอคุ้นเคยกับผู้ชายตรงหน้าดี
จะไม่คุ้นได้ยังไงล่ะ ในเมื่ออยู่กับเขามาเป็นปี!
เธอช้อนตามองเขาแล้วพานนึกไปถึงเรื่องราวที่ทำให้เราทั้งสองคนได้เข้ามาพัวพันกัน เรื่องที่ทำให้เธอผูกพันกับเขามาจนถึงวันนี้ ตอนเข้ามหา’ลัยปีหนึ่งเดวายังคงเป็นเฟรชชี่น่าใสและใส่ใจกับข่าวสารรอบตัว เธอจบจากโรงเรียนประจำหญิงล้วนจึงค่อนข้างให้ความสนใจกับเรื่องราวความรักมากเป็นพิเศษ
ช่วงชีวิตในรั้วมหา’ลัยเปิดเทอมแรกก็ไม่มีอะไรมาก การเรียนการสอนอยู่ในระดับพื้นฐาน ยังไม่ได้เข้าหลักสูตรการเรียนการสอนแบบจริงจัง เธอจำได้ว่าในช่วงนั้นมีข่าวลือมากมายและหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องราวความรักของหนุ่มหล่อแสนอันตรายอย่าง รามิล ที่มีความรักลึกซึ้งต่ออดีตคู่หมั้นที่ตายจากไป บางคนบอกไร้สาระ บางคนก็ว่าเขาจมปลัก แต่สำหรับเธอนั่นคือความรักและหัวใจอันบริสุทธิ์ ที่คนคนหนึ่งมอบให้อีกคน
ครั้งแรกที่ได้ยินเธอก็ประทับใจมากจนอยากจะเห็นหน้าคร่าตาของเขา ได้ยินทุกคนพูดว่าเขาอันตรายจึงคิดว่าต้องโหดและน่ากลัวมากแน่ ๆ แต่พอเจอกับตาจริง ๆ ถึงกับลมหายใจสะดุดเพราะเขามีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบแต่ก็แฝงความอันตราย ดูเย็นชาและเคร่งขรึม ทำให้คนอยากเข้าไปค้นหา
นับว่าเธอก็เอาแต่พุ่งความสนใจไปที่เขา จนกระทั่งไม่รู้ตัวเลยว่าไม่ใช่แค่ความสนเสียแล้ว เพราะเธอชอบเขาเข้าเต็มเปา อาจจะชอบตั้งแต่เรื่องราวที่ได้ฟัง จนกระทั่งเกิดเป็นความประทับใจ วันหนึ่งเหมือนโชคชะตาลิขิตให้เขาเดินผ่านมาตรงหน้าในวันที่เธอยืนตากฝนเพราะทำกิจกรรมเลิกดึก และเสียงทุ้มต่ำกดลึกก็ดังขึ้นจากด้านหลังเหมือนว่าเขากำลังเรียกชื่อใครบางคน เมื่อเธอหันกลับมาเห็นจึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนสงสัย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นจนยากจะระงับ เดวาเผลอฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวและมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย นั่นคือก้าวแรกที่เธอถลำลึกเข้ามาในความสัมพันธ์นี้
ในวันที่ฝนตกเราต่างยืนเผชิญหน้ากันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เธอมองเขาด้วยความประทับใจและเผลอไผล แต่เขากลับมองใครอีกคนผ่านตัวเธอ เพราะเห็นแววตาคู่นั้นจึงได้รวบรวมความกล้าเอ่ยปากบอกความในใจกับเขาไป แม้อีกฝ่ายจะยังคงเงียบแต่เธอกลับไม่ยอมแพ้
และหาโอกาสที่จะได้เจอเขาอยู่เรื่อย ขยับเข้าหาอย่างไม่เคยทำกับใครมาก่อน เธอรู้ดีว่าเขาคิดอะไรและตัวเองก็ยินดีเพราะหวังว่าสักวันพี่รามิลจะมองเดวาเป็นเดวาจริง ๆ ไม่ใช่มองว่าเป็นตัวแทนของใคร ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นมาได้หนึ่งปี
ความสัมพันธ์ที่ทำได้เพียงอยู่เคียงข้าง ได้ดูแลอย่างที่อยากจะทำ แต่ไม่อาจเป็นอะไรในชีวิต แค่หวังว่าความดีจะเอาชนะใจเขาได้เท่านั้น
“หึ แล้วคิดว่าจะทำอะไรล่ะ”
เสียงทุ้มแหบพร่าปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ความคิด ใบหน้าหวานจึงชะงักกึก เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร แต่เหมือนเขาจะไม่ได้สนใจนอกจากเท้าแขนกักขังเธอไว้และโน้มตัวลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน
“ถอยออกไป…เดี๋ยวคนมาเห็น” เดวาเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“มาเห็นแล้วยังไงต่อ”
รามิลเอ่ยไล่ต้อนให้เดวาจนมุม ที่จริงวันนี้เขามีนัดกับเพื่อนว่าจะไปดื่มที่คอนโดลูแปง เลยพากันแวะซื้อแอลกอฮอล์แต่ในระหว่างนั้นกลับเห็นพวกเด็กเทคนิคที่ยืนไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังคุยกันสนุกปากถึงหญิงสาวคนหนึ่งด้วยคำพูดที่หยาบโลน เขาจะไม่สนใจเลยถ้าเกิดว่าหัวข้อสนทนาของพวกมันจะไม่ใช่เธอ
“กะก็…คนอื่นจะคิดยังไงล่ะ” ก็เขาเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ใครรู้น่ะ
“ถ้ากลัวคนรู้ก็อย่าออกมาเดินเที่ยวคนเดียวดึก ๆ แบบนี้อีก”
“หา…อะไรนะคะ” เธอเงยหน้ามองเขาทันที นัยน์ตาคู่สวยพราวระยับเหมือนหมาที่ได้เจอเจ้าของไม่มีผิด…เขาห่วงเธอเหรอเนี่ย
“แต่ถ้าอยากมาเดินยั่วคนอื่น ก็เลิกยุ่งกับฉัน”
อ้าว! อะไรของเขาอีก…เดวาขมวดคิ้วมุ่น
รามิลเอ่ยเสียงแข็งพลางผละตัวออกจากเธออย่างรวดเร็วเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พวกเพื่อนอีกสามคนอย่างลูแปง แบร์ และอาไกกำลังเดินเข้ามาสมทบ
“อะไรวะไอ้ราม เผลอเป็นไม่ได้อยู่กับสาวอีกแล้ว” อาไกเอ่ยปากแซวพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่มใส่รามิลและเดวาที่พึ่งผละออกจากกัน
“แล้วนี่ใคร?” แบร์เอ่ยปากถามทั้งที่รู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาว แต่ทำให้เดวาหัวใจเต้นรัว มือกำเข้าหากันแน่นแม้จะรู้อยู่แล้วว่าสถานะระหว่างทั้งคู่คืออะไร แต่เพราะคนที่ถามคือเพื่อนสนิทเขา เธอจึงรู้สึกคาดหวังขึ้นมา
“นั่นสิน้องคนนี้ใครวะ เหมือนจะคุ้นหน้า” อาไกเอ่ยอย่างอยากรู้อยากเห็นพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้เดวา ทำให้หญิงสาวเผลอถอยหลังอย่างตื่นตระหนก รามิลปรายตามองเพื่อนอย่างเย็นชาแต่คงไม่เท่าคำตอบที่คมกริบบาดลึกถึงหัวใจใครอีกคนที่ยืนก้มหน้านิ่ง
“ไม่รู้จัก…” สามคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่พอได้ยินเดวาก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาไม่ได้ เธอบีบมือตัวเองแน่นก่อนจะเงยหน้าสบตาเขา
“ใช่ค่ะไม่รู้จักและไม่คิดจะรู้จักด้วย!” คำตอบของหญิงสาวแสนบอบบางดูแข็งกระด้างจนทำให้คนฟังหนังตากระตุก เดวาเอ่ยจบก็เบี่ยงตัวออกห่างจากพวกเขาและไม่ลืมที่จะเข็นรถเข็นของตัวเองกลับ สงสัยวันนี้จะไม่ได้ของที่ต้องการแล้วเพราะไม่มีอารมณ์เดินต่อ!