EP1 ‘Rajah’
ช่วงพักกลางวันในโรงเรียนอินเตอร์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงที่สุดในประเทศเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันดังจอแจของนักเรียนซึ่งหัวข้อยอดนิยมในวันนี้ที่ทุกคนพูดถึงกันก็คืองาน Prom หรืองานเลี้ยงจบการศึกษาที่จะจัดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้
“มึงเตรียมชุดหรือยังอะเจส”
“เรียบร้อยแล้วสิ คืนพรุ่งนี้กูต้องสวยที่สุดในงานพูดเลย”
“ขอดูได้ปะ กลัวทับไลน์กันอ่า”
“no no ให้ดูก็ไม่ตื่นเต้นสิ”
“แรงมาก!”
‘เอริ’ ทำหน้างอใส่ ‘เจสสิก้า’ เพื่อนสาวคนสนิทที่อุบอิบเรื่องชุดไปงานไม่ยอมเปิดเผยให้เพื่อนดู เจสสิก้าแลบลิ้นใส่เพื่อนอย่างกวนๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนในกลุ่มตามประสาแก๊งเด็กสาวที่จับกลุ่มเม้ามอยกันในช่วงพักกลางวัน
“แล้วมึงอะมิวมิวเลือกได้ยังว่าจะควงใครไปงานด้วย นู่นมานู่นอีกคนแล้ว”
เจ้าของชื่อ ‘มิวมิว’ หันไปตามทางที่เจสสิก้าชี้ให้ดูก็พบเข้ากับหนุ่มหล่อคนที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้กำลังเดินตรงมาหาเธอ
‘ทีเจ’ หนุ่มฮอตประจำเกรดสิบสอง (หรือมอหก) ซึ่งเป็นขวัญใจของใครหลายคนเดินตรงมาหามิวมิวตามคาด หนุ่มหล่อชวนคนสวยที่ได้ชื่อว่าฮอตที่สุดในโรงเรียนให้ออกมาคุยกันตามลำพังซึ่งมิวมิวก็เดินตามออกไปแต่โดยดีท่ามกลางเสียงโห่แซวและเสียงซุบซิบกันของเพื่อนร่วมชั้น
‘เหมาะสมกันชะมัด’
‘กูว่าคนนี้แหละมิวมิวเลือกชัวร์’
‘เสียดายอะอุตส่าห์เล็งทีเจไว้’
‘กูยังไม่ได้ชวนมิวมิวเลยอะ อย่าตอบตกลงนะ’
แน่นอนว่าการมาเจอกันของหนุ่มฮอตและสาวฮอตประจำโรงเรียนต้องเป็นที่จับตามองและเป็นที่พูดถึงอยู่แล้ว แค่ทั้งคู่เดินข้างกันก็เหมือนมีแสงออร่าบางอย่างเปล่งประกายออกมาเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันยิ่งกว่าอะไรไม่ว่าจะในเรื่องหน้าตาหรือฐานะ...
ท่ามกลางสายตาชื่นชมยินดีและลุ้นไปกับคู่ #ทีมิว ก็มีสายตาอีกคู่ที่จ้องมองอยู่และไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับคู่จิ้นสุดฮอตประจำโรงเรียนนี่เลยสักนิด
“มึงจะไปมั้ยวะราชา”
คำถามจาก ‘เควิน’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในโรงเรียนเรียกความสนใจจาก ‘ราชา’ ที่กำลังมองตามคู่จิ้นคู่นั้นอยู่ให้หันมามอง
“อะไร”
“งานพรอมคืนพรุ่งนี้ไง”
“คงไม่ว่ะ กูขี้เกียจหาชุด”
“ร้านเช่าเยอะแยะน่า”
“เสียดายเงินค่าเช่า ชุดหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ”
“ยืมกูก่อนก็ได้”
“ไม่เอา คืนพรุ่งนี้กูมีงานด้วย”
“งานอีกแล้ว ใช้ชีวิตให้สมกับเป็นเด็กมัธยมหน่อยเหอะมึง”
“คนมีจะแดกแบบมึงไม่เข้าใจหรอก”
“เออๆ ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นกูไปชวนสาวแล้วนะ ไว้เจอกัน”
เควินโบกมือลาเพื่อนแล้วเดินไปชวนคนที่เล็งไว้เพื่อควงไปงานวันพรุ่งนี้ เด็กวัยนี้ก็ตื่นเต้นกับงานแบบนี้เป็นธรรมดาอีกทั้งยังเป็นงานสุดท้ายที่เด็กเกรดสิบสองอย่างพวกเขาจะได้มารวมตัวกันก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อในระดับมหาลัยอีกด้วยแต่ราชากลับไม่สนใจหรือมีความรู้สึกอยากไปงานแบบนี้เลยสักนิด
มันเสียเวลาทำงานน่ะ
ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงขนาดนี้แถมนักเรียนในโรงเรียนยังมีแต่พวกลูกหลานนักธุรกิจซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชนชั้น elite แต่ราชานั้นกลับแตกต่าง...
ในขณะที่เด็กวัยเดียวกันตื่นเต้นกับการไปงานเลี้ยงฉลองแต่เขากลับต้องไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง
สงสัยล่ะสิว่าคนที่ดูไม่มีอะไรเหมือนคนอื่นอย่างราชาทำไมถึงได้มาเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ที่ค่าเทอมแพงเหยียบล้านและเต็มไปด้วยลูกหลานชนชั้นอีลีทแบบนี้
เหตุผลก็เพราะเขาเองก็เคยเป็นคนที่อยู่ในชนชั้นเดียวกับเพื่อนร่วมโรงเรียนเหล่านี้เหมือนกันยังไงล่ะ!
ในตอนที่ราชาอายุสิบห้าครอบครัวของเขาก็ล้มละลายจนพ่อแม่ต้องฆ่าตัวตายทิ้งเขาไว้แค่คนเดียว จากลูกชายของตระกูลมหาเศรษฐีกลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย
แม้แต่เงินในบัญชีก็ไม่เหลือสักบาท...
หัวใจของเด็กชายวัยสิบห้าต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงผ่านเรื่องเลวร้ายในอดีตมาได้ ราชานึกโกรธพ่อกับแม่ที่เลือกใช้วิธีนี้และทิ้งเขาไว้คนเดียวแต่โกรธไปก็ไม่ได้อะไรในเมื่อพวกท่านจากไปแล้ว
ในเมื่อพ่อกับแม่อยากให้อยู่เขาก็ต้องอยู่ให้ได้
ราชายังโชคดีตรงที่ก่อนจากไปพ่อกับแม่ยังทิ้งกัลยาณมิตรที่ดีไว้ให้นั่นก็คือ ‘ป้าเมย์’ เจ้าของโรงเรียนที่เขากำลังเรียนอยู่นั่นเอง
ป้าเมย์เป็นเพื่อนสนิทของแม่เขาซึ่งหลังจากที่รู้ข่าวการเสียชีวิตของพ่อกับแม่เธอก็รีบมาหาราชาและรับเขาไปอยู่ด้วยทันทีด้วยความเมตตาของป้าเมย์ทำให้ราชาได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่ซึ่งป้าเมย์และสามีเป็นเจ้าของเขาจึงไม่ต้องจ่ายเงินค่าเทอมสักบาท
ป้าเมย์จะขอรับราชาไว้เป็นลูกบุญธรรมและสัญญาว่าจะเลี้ยงดูเขาเหมือนลูกคนหนึ่งแต่ราชาไม่รับ เขารับความหวังดีของเพื่อนแม่ผู้แสนดีไว้แค่เรื่องการศึกษาเท่านั้น
ราชาอาศัยอยู่ในบ้านของป้าเมย์อยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะย้ายออกมาอยู่หอพักคนเดียวเพราะป้าเมย์มีลูกสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เขาคิดว่าคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน อีกอย่างคือเขาไม่อยากรบกวนเวลาของครอบครัวด้วย
ราชากลายเป็นเด็กที่โตเกินวัยเพราะต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ค่าหอพักและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากค่าเทอมเขาหาด้วยตัวเองจากการทำงานพาร์ทไทม์แม้ว่าจะเป็นงานที่ป้าเมย์ช่วยหาให้ก็เถอะแต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ราชาจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเด็ดขาดจนป้าเมย์นับถือใจ
แม้จะเป็นห่วงลูกชายเพื่อนสนิทมากแค่ไหนเมย์ก็ทำได้แค่คอยดูแลอยู่ห่างๆ และคอยเอาใจช่วยทุกการเติบโตของราชาถ้าหากวันไหนที่เขาไม่ไหวขึ้นมาเธอก็พร้อมยื่นมือเข้าไปช่วยเสมอ
แม้จะมีช่วงที่รู้สึกแปลกแยกจากเด็กคนอื่นในโรงเรียนเพราะเขาไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยอีกต่อไปแล้วแต่ราชาก็ไม่เอามันมาบั่นทอนตัวเอง เขาเป็นเด็กฉลาดและรู้จักวางแผนให้กับอนาคตของตัวเอง ราชาเชื่อว่าการที่ได้รับการศึกษาในโรงเรียนที่ดีจะเป็นใบเบิกทางให้กับเขาได้ในอนาคต หากท้ายที่สุดแล้วเขามีปัญญาเรียนจบได้แค่มอปลายความรู้ที่เขาได้จากในโรงเรียนนี้ก็คงเอาไปต่อยอดได้ไม่มากก็น้อยเขาจึงอดทนเรียนในโรงเรียนที่ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกแตกต่างมาจนถึงปีสุดท้าย...
แน่นอนว่าชีวิตมัธยมมันมีเรื่อง school drama หรือการบูลลี่ในโรงเรียนอยู่แล้วแทบจะทุกโรงเรียนเลยก็ว่าได้ เรื่องโดนเหยียดไม่ได้มีแค่ในละครเพราะเขาเจอมาแล้วกับตัว
‘ราชาอะไรนี่มันยาจกชัดๆ’
‘ไอ้เด็กเหลือขอนั่นน่ะเหรอ’
‘หล่อแต่จนขนาดนั้นใครจะเอา’
‘อี๋ ให้คบกับราชากูขอโสดไปตลอดชีวิตดีกว่า’
เป็นคำพูดที่ราชาได้ยินจนชินชา มีเงินมากมายแต่ไม่ได้ทำให้ความคิดของคนเหล่านี้สูงขึ้นเลย แต่ก็ไม่ได้มีแต่คำพูดลบๆหรอกนะที่เขาได้ยินเพื่อนหลายคนในโรงเรียนนี้ก็นิสัยดีและไม่ตัดสินเขาจากฐานะทางการเงินยกตัวอย่างเช่น ‘เควิน’ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ (เพราะคนอื่นเลิกคบไปหมดแล้ว) ส่วนคนอื่นก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันปกติถึงจะไม่ได้เหยียดแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาตีสนิทกับเขามากนักหรอก
หลังจากที่เควินเดินออกไปราชาก็ทิ้งตัวลงนอนซบหน้าลงกับโต๊ะในขณะที่สายตาก็ยังคงมองไปที่ ‘มิวมิว’ คุณหนูผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะเป็นที่หมายปองของใครหลายคนที่จนถึงตอนนี้ก็ยังคุยกันไอ้หนุ่มที่เป็นคู่จิ้นของเธอไม่เสร็จ
‘จะตอบตกลงมั้ยนะ?’
ตลอดช่วงพักกลางวันมีผู้ชายมากมายต่อคิวกันมาหามิวมิวไม่ขาดสายจนเธอแทบจะไม่ได้ใช้เวลาช่วงพักกลางวันก่อนสอบวิชาสุดท้ายในช่วงบ่าย ไม่รู้ว่าเธอปฏิเสธหรือตอบรับคำขอของใครไปบ้างแต่ราชาทนมองภาพเหล่านั้นไม่ได้อีกแล้วเขาจึงปลีกตัวเดินหนีไปเข้าห้องน้ำซึ่งทางที่เขาต้องเดินไปต้องผ่านหน้ามิวมิวกับผู้ชายคนนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้...
.
.
ร่างบางเจ้าของส่วนสูงประมาณร้อยหกสิบเซนติเมตรผิวขาวเนียนละเอียดที่แค่มองก็รู้ว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีกำลังยืนรอใครสักคนอยู่ที่หน้าห้องน้ำชั้นสามซึ่งเป็นโซนที่ไม่ค่อยมีใครมาใช้ ริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ถูกฟันซี่สวยขบกัดใบหน้าสวยหวานและดวงตากลมโตฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ยืนรออยู่ประมาณสิบนาทีคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำก็ไม่ยอมออกมาสักทีจนคนรอทนไม่ไหว
คนตัวเล็กมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นเธอก็แอบเข้าไปในห้องน้ำชายทันที...
ราชาที่กำลังวักน้ำจากก๊อกล้างหน้าอยู่ถึงกับชะงักเมื่อเห็นเงาสะท้อนของคนที่ทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่นกำลังกอดอกมองเขาอยู่ในกระจก
“มิวมิว...”
“ทำอะไรของเธออะราชา เปียกหมดแล้ว”
มิวมิวบ่นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่รู้ว่าล้างหน้ายังไงของเขาถึงได้ทำเสื้อยูนิฟอร์มตัวในซึ่งเป็นสีขาวเปียกจนชุ่มไปทั้งตัวแบบนี้ คนตัวตัวเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เธอมักจะพกติดตัวมาด้วยทุกวันไปเช็ดหน้าให้คนตัวสูงที่กำลังยืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามองเธออยู่ ราชาเป็นคนตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตรซึ่งขนาดตัวที่แตกต่างกันทำให้มิวมิวต้องเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อเช็ดหน้าให้เขาได้ถนัด ใบหน้าหล่อเหลาที่ใต้ตาคล้ำเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวโหมทำงานหนักทำเอามิวมิวแอบขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ตามมาทำไม?”
“ก็เหมือนมีคนแถวนี้งอน”
“ใครงอนเธอ”
คนตัวเล็กไม่ตอบแต่บุ้ยปากไปทางราชาเพื่อชี้ว่าเขานั่นแหละที่งอนจนโดนคนตัวสูงบีบปากเข้าให้
“เราไม่ได้งอนเหอะ”
“จริงอะ?”
“อืม พอแล้วจะถึงเวลาสอบแล้วรีบไปเถอะ”
“เหลืออีกตั้งเกือบยี่สิบนาทีคุยกันก่อนสิ”
“จะคุยอะไร ไม่รีบไปคุยกับหนุ่มๆ ของเธอหรือไงป่านนี้มารอกันเต็มหน้าห้องแล้วมั้ง”
“งอนจริงด้วย”
“ไม่ได้งอน!”
“ราชางอนมิว”
“บอกว่าไม่ได้งะ...” เสียงของราชาหายไปในลำคอเมื่อโดนคนตรงหน้าเขย่งปลายเท้าขึ้นประกบริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากของเขาโดนไม่ทันตั้งตัว
จุ๊บ!
มิวมิวจุ๊บเร็วๆ แล้วรีบผละออก เธอทำเพียงแค่ปากแตะปากเท่านั้นแต่มันกลับทำเอาคนที่โดนเธอขโมยจุ๊บหัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมารู้สึกร้อนที่หน้าจนทำตัวไม่ถูก
“ทะ ทำอะไรของเธอ”
“มิวง้อไง~”
“ง้อทำไมก็บอกแล้วว่าไม่ได้งอน”
ปากก็บอกว่าไม่ได้งอนแต่พอโดนเธอจุ๊บจากที่หน้าตึงๆ อยู่ก่อนหน้านี้ก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาแถมยังแอบอมยิ้มจนโดนมิวมิวทำหน้าทำตาล้อเลียนใหญ่
“ไม่ได้งอนเนอะ อืมๆ”
“ให้ตายเหอะ ยัยตัวแสบ” ราชาแลบลิ้นเลียริมฝีปากมองคนตรงหน้าด้วยความมันเขี้ยว ใครที่คิดว่ามิวมิวเป็นคุณหนูผู้เรียบร้อยน่ะกลับไปคิดใหม่ได้เลยยัยคนนี้แสบกว่าที่คิดเยอะ
“อ๊ะ! จะไปไหนราชา”
มิวมิวสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ คนตัวสูงก็คว้าเอวเธอก่อนจะพาเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วรีบล็อกประตูก่อนจะดันร่างเธอให้ชิดกับกำแพง เขากักขังเธอไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งอีกข้างก็กระชับกอดเอวบางไว้แน่นแล้วกดริมฝีปากลงไปทาบทับบนอวัยวะเดียวกันโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“อะ อื้อ~”
คนตัวสูงไล้ลิ้นเลียไปตามขอบปาก ดูดดึงขบเม้มริมฝีปากบางอย่างหยอกเย้าจนร่างบางเคลิ้มตามก็สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปดูดดึงความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างดูดดื่ม
คนตัวเล็กที่กำลังถูกสอนให้รู้จักจูบที่แท้จริงเหมือนคนหมดแรงทำได้แค่ขยุ้มมือกำเสื้อเปียกๆ ตรงหน้าอกของราชาจนมันยับยิ่งกว่าเดิม
“อึก อืม...”
ร่างสูงบดจูบดูดดึงริมฝีปากเล็กอย่างร้อนแรงจนมิวมิวเกือบหายใจไม่ทัน มันทั้งอ่อนหวานและดุดันในบางทีเหมือนเขากำลังถ่ายทอดความรู้สึกไม่พอใจอะไรบางอย่างให้เธอรับรู้ได้ผ่านจูบนี้ซึ่งมิวมิวก็เอียงหน้ารับและพยายามขยับลิ้นจูบตอบเขากลับไปเหมือนกัน
ยิ่งจูบความรู้สึกต้องการมันยิ่งมากขึ้น มือหนาเริ่มขยับลูบไล้ไปมาบนเอวบางราชาจึงตัดสินใจถอนจูบออกก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
จ๊วบ!
เสียงน่าอายหลังจากที่เขาถอนจูบออกทำเอามิวมิวถึงกับหน้าแดง ความรู้สึกหวานๆ ยังติดอยู่ตรงปลายลิ้นอยู่เลย คนตัวเล็กพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติเธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองสบตาราชาด้วยซ้ำ
ไม่ใช่จุ๊บครั้งแรกของทั้งคู่แต่จูบที่ดูดดื่มขนาดนี้...
เป็นครั้งแรกเลย
ที่ผ่านมาราชาไม่กล้าทำอะไรเธอมากไปกว่าการหอมแก้มด้วยซ้ำไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาคิดอะไรอยู่ถึงได้...
ราชามองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงจัดด้วยความเอ็นดูพอรู้ว่าโดนจ้องก็ซุกหน้าลงกับอกเขาเพื่อซ่อนใบหน้าเขินอาย คนตัวสูงก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูเธอซึ่งทำเอามิวมิวเขินหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก!
“ทีหลังถ้าจะง้อน่ะ...”
“….”
“ต้องง้อแบบนี้”