เกือบหนึ่งเดือนก่อน...
เฌอริตาย้ายมาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนรักษ์การแพทย์ โรงพยาบาลของตระกูลชญากุลได้สองอาทิตย์หลังจากทำงานใช้ทุนให้กับโรงพยาบาลครบสี่ปี เธอเลือกเรียนพยาบาลตามคำแนะนำของคุณย่า ท่านบอกว่าอย่างน้อยก็สามารถทำงานในโรงพยาบาลของท่านได้ บิดาของเธอเห็นด้วย แต่ขอปฏิเสธเมื่อคุณย่าจะให้ทุน เฌอริตาเองก็อยากช่วยลดภาระของบิดาจึงสอบเข้าเรียนวิทยาลัยพยาบาลและขอทุนเรียนต่อ
วันนั้นฝนตกหนักมาก น้ำท่วมขังถนนทั้งเส้น รถติดเป็นเวลานาน เฌอริตาออกเวรแล้วกลับบ้านไม่สะดวกนัก จึงโทรไปบอกแม่บ้านว่าต้องพักที่โรงพยาบาล ผ่านไปครู่ใหญ่คุณย่าก็โทรมาบอกให้เธอไปพักที่คอนโดข้างโรงพยาบาลของบ้านท่าน
‘จะดีเหรอคะ เอมเกรงใจน่ะค่ะ’
‘เอมก็หลานย่าอีกคน ย่าเลี้ยงมาเองกับมือ เป็นคนในครอบครัวอยู่แล้ว ย่าจะให้ลุงเขาบอกที่คอนโดว่าหลานสาวจะเข้าไปพัก ให้เขาพาไปที่ห้อง เดี๋ยวย่าถามรหัสกับลุงเขาให้ด้วย อย่างน้อยย่าจะได้สบายใจว่าเอมนอนหลับสบายแล้วก็ปลอดภัยดี’
สุดท้ายเฌอริตาก็ทำตามความต้องการของคุณย่าเพื่อความสบายใจของท่าน
เธอรีบอาบน้ำแล้วนอนพักเพราะถูกละอองฝนมา ทว่ากลางดึกคืนนั้นตุนท์กลับมาพักที่คอนโด เฌอริตารู้ว่าชายหนุ่มไม่อยู่เพราะเขาไปสัมมนาทางการแพทย์ที่ต่างจังหวัด แต่ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกลับในคืนนั้นแถมยังเมาด้วย
เฌอริตารู้สึกเหมือนตัวเองจะมีไข้ รู้สึกตัวขึ้นมาจึงหายาทาน แต่อีกห้องเปิดประตูทิ้งไว้ เห็นขายาวพาดออกมาจากเตียงจึงตกใจรีบเข้าไปดู เจ้าของร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงก็ตกใจรีบเรียกชายหนุ่ม
“พี่ตุนท์ ขยับไปนอนดีๆ ดีกว่านะคะ”
“อืม ใคร”
ชายหนุ่มพึมพำเสียงรำคาญ
“เอมเองค่ะ”
“เอม?”
อีกฝ่ายเงียบไปเลย เฌอริตาไม่รู้จะทำอย่างไร แต่จะกลับไปนอนเลยก็เป็นห่วง จึงไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ทว่าตุนท์นอนเอียงหน้าไปด้านข้างจึงทำได้ยาก คิ้วเข้มเริ่มขมวดราวขัดใจเมื่อความเย็นชื้นแนบลงที่แก้มและหน้าผาก อยู่ๆ ดวงตาคู่คมกริบก็เปิดขึ้นทำเอาหญิงสาวถึงกับชะงัก
“มาทำอะไรที่นี่”
สายตาคมดุจ้องพร้อมถาม น้ำเสียงเห็นชัดว่าค่อนข้างดื่มไปเยอะมาก
“เช็ดหน้าเช็ดตัวหน่อยนะคะ จะได้นอนสบายขึ้น”
ตุนท์ไม่ยอมขยับตัว แต่แล้วเขากลับคว้าข้อมือบางดึงให้หญิงสาวล้มลงไปบนเตียง แล้วเคลื่อนตัวขึ้นมาเหนือร่างบอบบาง
“ถามว่ามาอยู่นี่ได้ไง”
ไม่รู้เพราะอะไร เฌอริตารู้สึกว่าแววจากดวงตาคู่คมเข้มดูน่ากลัวกว่าปกติ
“คุณย่าให้เอมมาพัก...”
“คุณย่า? หึ...”
อีกฝ่ายทำเสียงเยาะ
“เอมทำทุกอย่างที่คุณย่าสั่งเลยหรือไง”
คำถามแปลกๆ ทำให้หญิงสาวงุนงง ทั้งลมหายใจร้อนที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของชายหนุ่มทำเอาพลอยมึนตามแต่ก็ตอบไปตามตรง
“ค่ะ”
ดวงตาคู่คมดุวาบพร้อมมุมปกได้รูปยกยิ้ม แล้วไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากแกร่งก็ประทับแนบลงบนริมฝีปากเธอ หญิงสาวนิ่งงันไป หัวใจเต้นแรงโครมคราม การใกล้ชิดเกินความคาดคิดทำให้เฌอริตาชะงักทิ้งความคิด ร่างกายเกร็งรับรู้เพียงปากแกร่งที่บดเบียดจูบซับอย่างบังคับยัดเยียด พอรู้ตัวคิดจะผลักร่างสูงใหญ่ แต่ไม่ทันได้ออกแรง ริมฝีปากอิ่มเผยออีกฝ่ายก็ส่งปลายลิ้นล่วงล้ำเข้ามา บางอย่างแล่นปรู๊ดปร๊าดในอกสาว รู้สึกว่ามือตนอ่อนแรงลงดื้อๆ สุดท้ายมือบางก็เพียงวางแนบอกกว้างไว้อย่างนั้น
ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามการกระทำของชายหนุ่ม
‘ย่าอยากได้เอมเป็นหลานสะใภ้ เอมต้องเป็นหลานสะใภ้ของย่านะลูก’
คำบอกนี้เธอจำได้ดี ตอนอายุยังน้อยอาจยังไม่คิดอะไร เพียงรับคำตามประสาเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นคุณย่าก็ยังพูดเช่นเดิมและความรู้สึกของเธอที่มีต่อตุนท์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สี่ปีที่แล้วตุนท์กลับมาพร้อมคว้าหัวใจของเฌอริตา ในวันที่เธอรับปริญญาแล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินมาพร้อมคุณย่าและมีดอกไม้ช่อใหญ่
‘ย่าพาของขวัญวันรับปริญญามาด้วย ดีใจไหมลูก’
เธอรู้ว่าตุนท์กำลังจะกลับมาแต่ไม่คิดว่ากลับมาพอดี วันนั้นเฌอริตาจำได้ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงมากเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อได้สบตาคู่คมกริบ
“พี่อยากพูดกับเอมให้เข้าใจ เอมอาจจะเชื่อฟังคุณย่า ยึดติดกับคำพูดของคุณย่า แต่ไม่ใช่พี่ พี่ไม่ชอบให้ใครบังคับ พี่รู้ว่าคุณย่าอยากให้เราลงเอยกัน แต่พี่ไม่เคยคิดถึงการแต่งงานกับเอมมาก่อน”
นี่คือคำพูดของชายหนุ่มในตอนเช้าที่เขารู้สึกตัวก่อนหลังเกิดเรื่องแล้วนั่งรอคุยกับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผู้หญิงกับผู้ชาย อยู่ใกล้กันในเวลาที่ควบคุมตัวเองได้ยาก มันก็พลาดพลั้งกันได้...พี่ไม่ได้นอนกับเอมเพราะอารมณ์พาไปคนแรก เรื่องเมื่อคืน...เอาเป็นว่าพี่ขอโทษ พี่เมาแล้วก็กำลังโมโหมาก มันอาจจะยากสักหน่อย แต่ยังไงเราก็ต้องเจอหน้ากันไปตลอด ลืมมันซะ ถือว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นจะดีกว่า”
เฌอริตาตัวแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออก แม้แต่จะร้องก็ยังร้องไม่ออก
“ค่ะ”
เธอเพียงรับคำก้มหน้าเก็บเสื้อผ้าของตัวเอง ใช้ผ้าห่มพันตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่หันไปมองตุนท์อีกเพราะกลัวจะปล่อยโฮต่อหน้าเขาให้ได้อาย
ในเมื่อปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาเอง เธอจะมีสิทธิ์ไปตีโพยตีพายอะไร
จริงอย่างที่ตุนท์บอก คุณย่าจะบอกอย่างไร ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาและเธอ เป็นเธอเองที่ยึดติดเกินไป มองโลกแคบเกินไป หลงรักเขาไปแล้วก็คิดว่าเขาจะเอ็นดูเธอเหมือนกับคุณย่า
ทว่าตุนท์กับคุณย่าเป็นคนละคนกัน
สายตาของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมาบอกชัดเจนว่าไม่ชอบเธอสักนิด ทั้งยังหงุดหงิดที่รู้ว่าเธอมายังคอนโดตามความต้องการของคุณย่า แม้เขาจะเข้าใจไปคนละประเด็น แต่เธอกลับยินยอมยกตัวเองให้เขาไปอย่างง่ายดาย
‘จบแล้ว รักแรกที่หลงรักมาตลอดสี่ปี’
“อ๊อก...”
เสียงอาเจียนหลายครั้งดังมาจากในห้องน้ำทำให้รุ่นพี่สาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำเริ่มเป็นห่วง กระทั่งเจ้าตัวออกมาพร้อมหน้าซีดเซียวก็เข้าไปลูบหลังและถาม
“เป็นอะไรจ๊ะ แพ้อาหารหรือเปล่า อาการไม่ดีเลย หน้าซีดเชียว”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ มึนๆ แล้วก็หน้ามืดบ่อยมาพักนึงแล้ว น่าจะนอนน้อยน่ะค่ะ”
“เหรอจ๊ะ”
เฌอริตารู้สึกว่าเธอทนกลิ่นของทอดไม่ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนทานได้ทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาอะไร
“เป็นทุกเช้าหรือเปล่าจ๊ะเนี่ย นี่ถ้าเอมแต่งงานแล้วพี่จะยุให้ตรวจเลย อาการเหมือนคนจะมีข่าวดี”
“ข่าวดี?”
“ก็ท้องไงจ๊ะ”
ได้ยินแล้วเฌอริตาราวหูอื้อไปชั่วขณะ จะว่าไปแล้วอาการของเธอก็ดูเป็นแบบนั้นจริง ที่สำคัญ เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
ประจำเดือนของเธอยังไม่มาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว ทั้งที่ปกติแล้วจะมาตรงตามกำหนดไม่คลาดเคลื่อนสักครั้ง
“ว่าแต่พอไหวไหมจ๊ะ”
“ไหวค่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ออกเวรแล้ว”
เฌอริตาพยายามอดทนเอาไว้ เพราะลากะทันหันจะหาคนมาสลับเวรไม่ทัน สุวัจนีต้องอยู่เวรคนเดียว
“ไหวแน่นะจ๊ะ”
“ค่ะ”
“ไม่ไหวก็บอกพี่ได้ พี่จะช่วยขอพี่เอให้”
สุวัจนีบอกอย่างห่วงใย เอรินีที่เป็นหัวหน้าก็ค่อนข้างใจดี ถ้ามีเหตุจำเป็นอีกฝ่ายก็มักจะอนุญาตเพราะเรื่องเจ็บป่วยไม่สบายห้ามกันไม่ได้
เฌอริตาพยักหน้าพลางยิ้มให้สาวรุ่นพี่ ให้รู้ว่าตนไหวจริงๆ อาการเธอไม่ได้แย่นักแต่ปัญหาอยู่ที่คำพูดของสุวัจนีทำให้เธออดกังวลไม่ได้
เพราะความสงสัยปนวิตกกังวล หลังเลิกงานหญิงสาวจึงต้องทำบางอย่างเพื่อให้แน่ใจ ทว่าการทำใจเข้าไปซื้อของในร้านว่ายากแล้ว การกลั้นใจตรวจและดูผลยิ่งยากกว่า แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำเอาเฌอริตาถึงกับทรุดลงไปนั่งแปะบนพื้นห้องน้ำ
‘ท้อง...จะทำยังไงดี’
=====