ร่างของคนสองคนยืนใกล้ชิด แขนเรียวของหญิงสาวโอบลำคอชายหนุ่ม ขณะใบหน้าคมโน้มลงมา ใบหน้าเรียวเงยขึ้น ริมฝีปากทั้งสองมอบจูบให้กันและกัน ภายในสวนหย่อมที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ยามค่ำคืนมีแสงไฟเพียงน้อยนิด บรรยากาศเป็นใจต่างจากสถานที่จัดงานเลี้ยงด้านในที่เต็มไปด้วยความรื่นเริง
คนที่เพิ่งก้าวมาถึงสวนชะงัก มองภาพที่เห็นด้วยความตะลึงงัน ก่อนจะถอยกลับอย่างสับสนขาแทบจะพันกัน ทว่ากลับชนเข้ากับใครบางคน และอีกฝ่ายรีบปิดปากเธอพาหลบออกไปจากสวนหย่อม
“เขาแค่จูบกันเอง ตกใจซะหน้าซีดเชียวเอม”
สุวัจนีรุ่นพี่พยาบาลสาวพูดอย่างเอ็นดูเมื่อทั้งสองมายืนใกล้ประตูทางเข้าที่แสงไฟสว่างชัดเจน
“พี่ก็คิดอยู่ว่าหมอหญิงหายไปไหน ที่แท้ก็...”
คนพูดยิ้มราวไม่ใช่เรื่องแปลก
“เขาสองคนคบกันอยู่เหรอคะ”
เฌอริตาถามเสียงเบาหวิว สายตายังดูว่างเปล่า
“ไม่แน่ใจ น่าจะเพิ่งเริ่มล่ะมั้ง”
“เพิ่งเริ่ม?”
คนถามดูไม่อยากเชื่อและงุนงง
“ทำไมพี่สุดูไม่แปลกใจเลยคะ”
“เอมมาทำงานที่นี่ไม่ถึงเดือน ก็เลยไม่รู้อะไร หมอพยาบาล สวยๆ น่ารักๆ ส่วนใหญ่คบกับหมอตุนท์ทั้งนั้น”
คิ้วเรียวงามขมวดอย่างไม่เข้าใจ
“เฮ้อ...ไหนๆ เม้าต์แล้วก็เม้าต์ต่อแล้วกัน พี่เห็นมานักต่อนัก แต่ละคนเป็นแค่คู่ควงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่จริงจังกับใคร”
“หมอตุนท์...เจ้าชู้เหรอคะ”
“จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ”
เจ้าตัวทำท่าคิดหนักก่อนตอบ
“ก็ควงทีละคนนะ แต่ไม่มีใครเป็นตัวจริง เขาเรียกแค่เพื่อนนอนน่ะ”
สาวรุ่นน้องเงียบไป แววตาเหมือนจะล่องลอยไปไกล ทว่าสุวัจนียังติดลมกับการเล่าเรื่องซุบซิบ
“ผู้ชายหล่อรวยผู้หญิงที่ไหนจะไม่สนใจ แต่ผู้ชายเลือกได้อย่างหมอตุนท์ เขาไม่หยุดที่ผู้หญิงคนเดียวง่ายขนาดนั้น พี่ว่าเผลอๆ ท่านผู้อำนวยการต้องมองลูกสะใภ้ไฮโซเอาไว้ในใจแล้วด้วยซ้ำ”
เพราะอยู่ๆ เฌอริตาก็หยุดเดิน สุวัจนีจึงหันมองอย่างแปลกใจ
“ไม่กลับเข้าไปข้างในเหรอ”
“ไม่ล่ะค่ะ เอมจะกลับแล้วน่ะค่ะ”
“อ๋อ พี่ก็ลืมถามไปเลยว่าทำไมเอมออกมาข้างนอก พี่เองก็ออกมาตามหาหมอหญิง อยากจะถามว่าจะกลับกี่โมงน่ะ จะได้กลับด้วยกัน เราอยู่อพาร์ตเมนต์เดียวกันใกล้ๆ โรงพยาบาลน่ะจ้ะ”
หญิงสาวพยักหน้าแกนๆ แล้วบอกลารุ่นพี่สาว ก่อนจะเดินก้มหน้าออกไปจากร้านโดยอ้อมไปอีกด้านเลี่ยงที่จะเดินไปทางสวนหย่อม
วันนี้ทางโรงพยาบาลจัดงานเลี้ยงส่งพยาบาลอาวุโสที่ทำงานมานานจนเกษียณ โดยเหมาร้านอาหารบรรยากาศดีไม่ไกลจากโรงพยาบาล คนที่ยังไม่เข้าเวรหรือเพิ่งออกเวรสามารถมาร่วมงานได้
เฌอริตาออกเวรแล้วนั่งแท็กซี่มาพร้อมกับสุวัจนี เมื่อเป็นอย่างนี้เธอก็คงต้องกลับแท็กซี่เหมือนตอนมา
‘พี่ไม่ชอบให้ใครบังคับ พี่รู้ว่าคุณย่าอยากให้เราลงเอยกัน แต่พี่ไม่เคยคิดถึงการแต่งงานกับเอมมาก่อน’
น้ำตาหยดลงบนแก้มเนียนซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นขณะยืนรอรถแท็กซี่หน้าร้าน กระทั่งเห็นป้ายไฟว่างจึงรีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วขึ้นรถ
ปริ้นๆ!!
ขณะกำลังเดินเข้าโรงพยาบาลในตอนเช้ามีเสียงแตรรถ เฌอริตาเพียงหลบให้ชิดริมถนนกว่าเดิมไม่ได้หันมอง ทว่าเมื่อรถขับผ่าน เธอจึงเห็นว่าเป็นรถของตุนท์พร้อมกระจกรถเปิดลง แต่หญิงสาวมองแวบเดียวแล้วรีบเดินต่อ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
เสียงดุดังขึ้นทว่าเฌอริตาไม่สนใจ เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในอาคารโดยเร็ว
“เอม”
สุดท้ายชายหนุ่มก็ทำได้เพียงส่ายหน้าพร้อมเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ
เฌอริตามองตามท้ายรถหรูของคุณหมอหนุ่มด้วยสายตาเศร้าหมอง เมื่อรู้ว่าเธอไม่คุยด้วยแน่นอนตุนท์ก็ส่งข้อความแทน
‘เมื่อเช้าคุณย่าบ่นพี่จนแทบกินมื้อเช้าไม่ลงที่กลับดึกแล้วปล่อยให้เอมกลับบ้านคนเดียว คราวหลังถ้าจะทำอะไร โทรมาบอกกันบ้าง’
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณย่าจะรู้เรื่อง เพียงแค่ถามจากแม่บ้านของเธอเท่านั้น
ตุนท์เป็นที่ชายข้างบ้านที่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก บิดาของเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน คุณย่าของตุนท์ชอบเด็กผู้หญิงมาก เพราะพ่อของเธอต้องทำงานหลังจากเลิกรากับแม่ คุณย่าจึงช่วยเลี้ยงเธอมาตั้งแต่สามขวบ ตุนท์เองก็เล่นกับเธอ ดูแลเธอไม่ต่างจากพี่ชาย กระทั่งเขาเริ่มโตและมีโลกส่วนตัวจึงห่างออกไป
แม้พยายามไม่คิดอะไรทว่าไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ ทั้งที่บอกตัวเองให้โฟกัสกับงานแต่เธอก็ยังเหม่อจนพลาดขึ้นมาจนได้
“ใครเตรียมชาร์ตคนไข้”
เจ้าของร่างบางรีบลุกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เมื่อตุนท์ที่เป็นหมอราวด์วอร์ดตอนเช้าเดินมาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนหน้านี้สุวัจนีกลับมาหาชาร์ตผู้ป่วยใหม่ เธอก็รู้แล้วว่าทำงานพลาดและขอโทษรุ่นพี่สาวไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าราวด์เสร็จแล้วคุณหมอจะมาด้วยตัวเอง
“ดิฉันเองค่ะ”
“คุณควรละเอียดมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องตรวจดูก่อนว่าถูกหรือเปล่า ไม่ควรมองข้ามอะไรทั้งนั้น เพราะผิดพลาดเล็กน้อยก็หมายถึงชีวิตคนคนนึง ไม่ใช่แค่หมอที่ต้องรับผิดชอบ พยาบาล ทุกตำแหน่งในโรงพยาบาลมีหน้าที่ดูแลคนไข้เหมือนกันทุกคน หวังว่าคุณจะใส่ใจหน้าที่ของตัวเองมากกว่านี้”
ดุเสียงเรียบจบแล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เดินจากไป
สุวัจนีกับรุ่นพี่พยาบาลอีกคนต่างหน้าเจื่อนแล้วหันมามองเธอ
“อะไรกัน พี่รีบกลับมาเอาชาร์ตให้หมอตุนท์ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร แถมยังยิ้มรับอีกต่างหาก แต่มาดุเอมซะงั้น”
“พี่เพิ่งเคยเห็นหมอตุนท์ดุครั้งแรกเลยนะเนี่ย”
รุ่นพี่อีกคนเสริมสุวัจนี
“คุณหมอทำถูกแล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ไม่ควรพูดต่อหน้าคนไข้อยู่แล้ว”
เฌอริตาฝืนพูดเสียงเบา ขอบตาร้อนผ่าวทำให้ต้องรีบหันไปทำอย่างอื่น กะพริบตาถี่ๆ เพื่อหลบสายตาของรุ่นพี่สาวทั้งสองคน
แม้จะบอกว่าหมอตุนท์ทำถูกแล้ว ทว่ากลับอดน้อยใจไม่ได้ เขาไม่เคยดุใครแต่กลับดุเธอ
‘คืนนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับพี่ตุนท์เลยจริงๆ สินะ’
ทั้งที่เป็นสิ่งที่ตุนท์บอกให้ลืม เป็นเรื่องที่เธอควรเสียใจ ทว่าเฌอริตากลับเต็มใจ ไม่นึกเสียใจสักนิด ไม่คิดว่าเป็นความผิดพลาดของใคร หากจะโทษใครสักคนก็เป็นเธอเองที่ไม่ต่อต้านหรือผลักไสชายหนุ่ม
=====