" อ้าวตาดินไหนว่าไปฉีดปุ๋ยไงลูกแล้วไงกลับมาสภาพนี้ละ " งามตา แมของดินหรือที่คนงานเรียกแม่เลี้ยงงามตา ดินที่เดินกลับบ้านมาด้วยความสงสัยกับสายตาท่าทาง ของเด็กสาวที่ดูเปลี่ยนไปคำพูดคำจาของเธอเหมือนกับเป็นคนโตพูด ระหว่างที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่นั้นดินก็ต้องสะดุ้งได้สติเมื่อแม่ของเขาทักเขา
ด้านแก้ว
" นี้มันบ้านฉันจริงๆเหรอเนี่ย " เมย์ที่อยู่ในร่างของเด็กสาวพอเธอเห็นบ้านใหม่น่ารักที่หญ้ารกอย่างกับป่าช้าหรือว่าบ้านร้างก็ไม่ปานเมย์ถึงกับอ้าปากค้างตกใจเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้จะคิดสั้นได้ เพราะเท่าที่เธอเห็นเด็กคนนี้ถ้าบ้านหลังนี้ทำดีๆหญ้าที่ขึ้นรกๆนี้ๆ ตัดให้เรียบร้อยซะบ้านหลังนี้จะหน้าอยู่มากเลย และเมย์ ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้าน เพราะภายในบ้านมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายและที่สำคัญเงินในบัญชีเด็กคนนี้มันมีเยอะมากๆเลย
" ในตายสิยัยเด็กคนนี้ทำไมเธอถึงได้คิดสั้นแบบนี้นะ ทั้งที่มีทุกอย่างแท้ๆ " เมย์เธอบ่นอุบให้กับเจ้าของร่างเมื่อรู้ว่าเธอกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ก่อนที่เธอจะมานึกถึงชีวิตตัวเองเมื่อครั้งที่เป็นเด็ก เธอต้องอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า กว่าจะมีชีวิตดีขึ้นมาได้ก็เล่นเอาแทบเลือดตากระเด็น แต่พอนึกมาถึงตอนนี้ตอนโตภาพเหตุการณ์ของเพื่อนกับแฟนเธอที่มีอะไรกันบนเตียงแล้วก็คอนโดของเธอมันก็เข้ามาในหัว เมย์ที่คิดได้แบบนั้นเธอก็ถึงกับกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น จากนั้นเธอก็เริ่มเดินดูรอบๆบ้านเพื่อทำความรู้จักและก็คุ้นเคยกับที่ๆเธอต้องอยู่ใหม่ แต่ระหว่างที่เธอกำลังเดินดูรอบๆบ้านเมย์ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเธอเห็น รูปร่าง หน้าตาของเธออย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
"เหี้ย........เธอน่ารักมากเลยนะเนี่ยยัยแก้ว ถ้าแต่งดีๆบำรุงหน้อยๆคงจะดีไม่เบา " เมย์เธอยืนพิจารณาหน้าตาแล้วก็รูปร่างผอมแห้งของแก้ว เธอก็พูดออกมาอย่างชื่นชม เพราะเด็กคนนี้น่ารักจริงๆ ถ้าแต่งดีๆรับรองว่านางเอกดีๆนี้เอง
เวลาต่อมา
แง๊นๆ แง๊นๆ วึด....
หลังจากที่เธอกลับมาบ้านแล้วก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวใหม่แต่ดูชุดของเด็กสาวเจ้าของร่างจะดูเก่าโกโลโกโสอย่างกับผ้าขี้ริ้วก็ปานด้วยความที่เมย์เป็นถึงนางแบบระดับตัวท๊อบของโลก พอเธอได้มาใส่เสื้อผ้าแบบนี้ก็รู้สึแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกแต่เธอก็ต้องใส่มันไปก่อนเพราะวันนี้มีเรื่องมากมายที่จะต้องทำ นั้นก็คือตัดหญ้า
" นี้ยัยตัวกาลกิณีเป็นอะไรมากไหม อยู่ดีๆก็อยากตัดหญ้าหน้าบ้าน ปกติไม่เห็นมีันจะทำสงสัยไม่อายที่โดนด่าว่าเป็นตัวซวยแล้วมั้ง " เสียงป้าข้างบ้าน ที่เห็นแก้วตัดหญ้าหน้าบ้าน เธอก็พูดออกมาอย่างเหน็บแนมกับเพื่อนบ้านอีกคนว่าเด็กคนนี้สงสัยไมรู้สำนึกถึงได้กล้าที่จะมาสู้หน้าชาวบ้านแบบนี้ พลอยที่ตัดหญ้าไปเธอก็ไม่ได้ยินที่ป้างข้างบ้านพูดหรอก แต่สงสัยดวงยัยป้านั้นจะกุดอยู่ๆก็เดินเข้ามาพูดกับแก้วพร้อมกับเพื่อนบ้านของเธอ
" นี้นังแก้ว แกไม่กลัวชาวบ้านแล้วเหรอว่ะถึงได้ลุกมาตัดหญ้า ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า " ป้าข้างบ้านเดินเข้ามาเรียกแก้วพร้อมกับกระแหนะกระแหนเธอออกไปด้วย แก้วที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ดับเครื่องตัดหญ้าในทันทีก่อนจะเดินเข้ามาหาแฟนคัพของเจ้าของร่าง พร้อมกับเดินมาที่ประตูรัวหน้าบ้าน จากนั้นเธอก็ยืนเอามือค้ำกับประตูข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งเธอก็ท้าวสะเอว ท่าทางของเธอเหมือนคนไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ด้วยความที่เมย์เป็นนางแบบแล้วก็เป็นคนสมัยใหม่ ถึงแม้เธอจะมาอยู่ในร่างของเด็กน้อยก็ตามแต่ความมั้นหน้าของเธอก็ไม่เคยลดลงเลย พอป้าข้างบ้านกับเพื่อนของเขาเห็นแบบนั้นก็ตกใจพร้อมกับทำท่าทางเลิ่กลักอย่างกับเหมือนคนทำตัวไม่ถูก
“ ป้าคะ ทำไมเหรอคะคนเรามันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เลยเหรอคะ แล้วอีกอย่างช่างกล้าเรียกคนนู่ คนนี้ว่าเป็นตัวซวย ขอโทษนะคะป้าที่บ้านมีกระจกไหมคะถึงได้มาว่าคนอื่น ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ แก้ว เธอว่าป้าข้างบ้านพร้อม กับเสียงหัวเราะก่อนจะเดินมาติดเครื่องตัดหญ้าแล้วก็ตัดหญ้าโดยที่เธอไม่ได้ยินเสียงของสองหญิงวัยกลางคนพูดหรือไม่ก็ด่าเธอ เธอฮำเพลงไปด้วยแล้วก็ตัดหญ้าไปด้วยการกระทำของเธอทำให้สาวเหลือน้อยขี้นินทาต่างก็มองเธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกเมื่อเด็กสาวที่ไม่เคยพูดเคยจา หรือว่าด่าทอปากกล้าเหมือนตอนนี้มาก่อนทั้งสองถึงกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ด้านตลาดสด
“ นี้จริ๊งเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายัยเด็กนั้นจะกล้าว่าเธอสองคนแบบนั้น แถมยังเรียกเธอสองคนว่าป้าอีก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ “ เสียของสาวขี้เม้าในตลาด ที่ได้รับข่าวจากสองสาวท่คาบเอาข่าวการเปลี่ยนแปลงตัวเองของเด้กสาวที่ทุกคนต่างก็เรียกเธอว่ายัยตัวซวยมาพูดให้พวกเธอฟัง เจ๊เขียวคนขายผักที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยเสียงที่สูง แล้วก็หน้าตาท่าทางที่ตกใจแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่า สิ่งที่เพื่อนขี้นินทาของเธอพูดจะเป็นความจริงได้
“ อ้าวววววว อีงูเขียวแกก็รู้ว่าคนอย่างอีแดงไม่มีทางพูอะไรที่ไม่ใช่ความจริงแน่นอน แล้วอีกอย่างนังเด็กนั้นมันด่าฉันกับยัยผักบุ้งด้วย ไม่เชื่อก็ถามยัยผักบุ้งดูสิ “ เจ๊แดง แล้วก็แดงสมชื่อเพราะเธอเป็นช่างเสริมสวยประจำหมูบ้านแล้วก็เป็นคนที่โคตรจะขี้นินทา แต่ก็อย่างที่เธอโปรโมทตัวเองนั้นแหละถ้าเรื่องไหนไม่จริงเจ๊แดงคนนี้จะไม่พูดมันออกมาเด็ดขาด เมื่อเจ๊แดงรับประกันเรื่องความจริงของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย พ้องเพื่อนที่อยู่ในตลาดต่างก็ยอมเชื่อกันทันที
“ ลุงเผือก คนที่ตลาดเขามีอะไรกันเหรอครับทำไม ดูวุ่นวานขนาดนั้น “ นที ลูกชายคนโตของตะกูลไร่ส้มที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ด้วยความที่ชายหนุ่มอกหักแล้วก็โดนบังคับให้กลับมาช่วยงานที่ไร่ พอเขามาถึงก็ไม่เคยไปไหนเลย ดีแต่คลุกอยู่ที่ผับในเมืองหลวงจนกระทั้งแม่ของเขายื่นคำขาดให้เขามาช่วยงานที่ไร่ เพราะตอนนี้ไร่คู่แข่งอย่างไร่งามตา ที่มีผู้บริหารเป็นลูกชายของคุณหญิงงามตานั้นเอง แต่พอเขามาถึงแม่เขาก็ใช้ให้ไปเก็บค่าเช่าแผงที่ตลาด แต่พอเขาเข้ามาถึงนทีก็ต้องแปลกใจว่าคนที่นี้ไม่รู้จักทำมาหากินกันรึไง ทำไมถึงได้มายืนชุมนุมอย่างกับว่าจับกลุ่มซื้อหวยอย่างนั้นแหละ ลุงเผือกคนขับรถของไร่พอได้ยินเจ้านายถามแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะตอบผู้เป็นเจ้านายทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมคนที่นั้นถึงได้ยืนจับกลุ่มกันแบบนั้น
“ หึหึหึ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณนที คนที่นี้ก็เป็นแบบนี้แหละครับชอบจับกลุ่มสุมหัวนินทากัน ถ้าไม่พูดเรื่องหนึ่งก็พูดเรื่องหนึ่ง เป็นปกติครับคุณนที ไปกันเถอะครับ รีบเก็บเงินแล้วก็รีบกลับกันครับคุณหญิงรออยู่ครับ “ ลุงเผือก บอกเจ้านายก่อนจะชวนนทีให้ลงมาจากรถไปเปิดตัวกับทุกคนว่านี้เป็นเจ้านายคนใหม่ แล้วก็เป็นเจ้าของที่นี้ และนี้คือเหตุผลว่าทำไมคุณหญิงดวงดาวถึงได้เรียกตัวลูกชายให้มาช่วยงานที่นี้ นทีก็ไม่ได้ขัดขื่นอะไรเขาก็ลงจากรถเดินมาพร้อมกับลุงเผือก แล้วเมื่อหนุ่มรูปหล่ออย่างกับพระเอกซีรี่ย์เกาหลีลงมาจากรถก็สะกดสายตาของทุกคนในตลาดไม่ว่าจะเป็นทั้งแม่ค้า พ่อค้า และก็ลูกค้า ต่างก็มองนทีเป็นตาเดียวอย่างตกตะลึงรวมทั้ง 4สาวชาวสุมหัวที่กำลังนินทาแก้วอย่างออกรสออกชาติแต่พอเห็นคนหล่อเดินมาทั้ง4คนต่างก็ตกตะลึงในความหล่อแล้วก็อ้าปากค้างกับความหล่อของเจ้าของตลาด จนเลิกสนใจเรื่องของแก้วเอาง่ายๆซะงั้น