บทที่ 8/1คนที่ไม่คู่ควรกับความรัก

1945 คำ
พ่อเลี้ยงปัฐทวีอุ้มร่างสูงเข้ามาในบ้านพักคนงานหลังเล็ก ก่อนจะทิ้งร่างในอ้อมแขนลงบนโต๊ะไม้กลางห้องอย่างแรง “สงบสติอารมณ์ตัวเองซะ ก่อนที่เราทั้งคู่จะหนาวตายกันที่นี่” ร่างสูงของพ่อเลี้ยงยังคงยืนกอดอกอยู่ข้างโต๊ะ ใบหน้าเปียกชื้นคิ้วขมวดพร้อมสายตาที่จับจ้องไปยังร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่นายรักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ใช่!!! ผมรักเขามาก เพราะพี่ดอนคู่ควรที่จะได้รับมัน แต่สำหรับคุณมันไม่คู่ควรกับความรักเลยสักนิด!” “บอกรักชายอื่นต่อหน้าผัวตัวเอง มันใช้ได้เหรอ” “แล้วที่คุณหลอกใช้ความรู้สึกของผม เพื่อทำร้ายพี่ดอนล่ะ มันใช้ได้เหรอ!!!” ทัศตวาดออกมาเสียงดังลั่นบ้าน พร้อมกันกับเสียงฟ้าที่ฝ่าลงมาดังสนั่น “นายจะทำให้ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงไปหมดหรือไง?” “ใครกันแน่ที่ทำให้ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงไปหมด ผมก็อยู่ของผมดี ๆ ทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง จะให้ผมไปขัดส้วม แบกหาม หรือการที่ผมต้องเล่นละครหลอกแม่ของคุณ ว่าคุณดีอย่างนั้นอย่างนี้กับผม... ผมก็ทำ แล้วทำไมคุณถึงยังจงเกลียดจงชังผมถึงขนาดนี้!!! ผมไม่เข้าใจ” “ก็เพราะคนประเภทอย่างนายมันน่ารังเกียจยังไงล่ะ แค่นี้มันก็น่าจะเป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้ฉันเกลียดนายได้” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ภายในใจจะยังคงมีคำถามมากมายก็ตาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แบบนี้ผมค่อยตัดสินใจง่ายขึ้นหน่อย” “ตัดสินใจอะไรของนาย?” ทัศยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ก็ตัดสินใจที่จะหย่ากับคุณทันทีที่ครบสัญญาไง ซึ่งมันก็เหลือแค่ไม่กี่เดือน ทนหน่อยก็แล้วกันนะครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี” คำพูดของทัศทำเอาปัฐทวีใจตกวูบ เขาไม่ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่ค่อย ๆ นั่งลงข้างร่างที่กำลังสะอื้นไห้ พลางหันไปมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “ถ้าไม่มีไอ้ตำรวจนั่น นายยังจะอยากหย่ากับฉันอยู่ไหม?” “ต่อให้ไม่มีเขาผมก็จะหย่ากับคุณ” ทัศตอบกลับแทบจะทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรยาก เมื่อได้ยินคำตอบที่สุดแสนจะเย็นชานั้น น้ำตาก็ทะลักออกมาแทบจะทันที จนปัฐทวีต้องรีบยกมือเช็ดน้ำตาของตนเอง “คิดอย่างนั้นได้ก็ดี เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเห็นหน้านายไปตลอดชีวิตเหมือนกัน” สิ้นเสียงของปัฐทวี บ้านทั้งหลังก็กลับเข้าสู่ความเงียบ ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของทั้งคู่ มีเพียงเสียงฝนเท่านั้นที่ยังคงตกกระทบหลังคา และยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น ความชื้นจากน้ำฝนที่ยังคงเกาะอยู่บนเสื้อผ้าทำให้ร่างกายของทัศและปัฐทวียิ่งรู้สึกเย็นเฉียบไปมากกว่าเดิม ทัศที่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่บนโต๊ะไม้ ร่างสั่นเทาจากความหนาวขนาดที่ว่าร่างแกร่งผู้นั่งหันหลังให้รับรู้ได้ถึงแรงสั่นนั้น ร้อนให้เขาต้องหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง เมื่อลองเอามือไปทาบตามตัวของทัศ ปัฐทวีก็รู้สึกได้ถึงความร้อนของพิษไข้ “ทัศ...ทัศนายได้ยินฉันไหม?” ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ จากอีกฝ่าย เห็นท่าไม่ดีปัฐจึงรีบเดินไปหาผ้าห่มของคนงานที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในบ้านหลังนี้ แล้วรีบเอามาคลุมให้คนที่นั่งกอดเข่าอยู่ “ทัศ!!!” ปัฐทวีลองเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่ก็ยังไร้คำตอบกลับมา “โถเอ๊ย! ทำไมฝนไม่หยุดตกสักทีวะ!!!” ปัฐทวีทำการถอดเสื้อให้คู่สมรสของตนเองอย่างถือวิสาสะ ก่อนแทนที่เสื้อนั้นด้วยผ้าห่มผืนบาง เมื่อเสร็จแล้วเขาก็รีบวิ่งฝ่าฝนที่ตกไม่หยุดไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่บนถนนที่ห่างออกไปไกล แล้วรีบขับมาจอดที่หน้าบ้านทันที โดยไม่สนใจว่ามันจะทำให้รถชนพืชผลการเกษตรตามข้างทางหรือไม่ ร่างแกร่งค่อย ๆ ช้อนขาและลำตัวขึ้นมาอย่างเบามือ เดินตรงไปยังรถที่จอดติดเครื่องอยู่ด้านนอก วินาทีนี้เขาไม่สนแล้วว่าสภาพอากาศมันจะย่ำแย่จนทำให้ทัศนวิสัยแทบจะเป็นศูนย์ เขาสนแค่ว่าเขาต้องพาอีกฝ่ายกลับบ้านไปให้ได้ ...ในเวลาเกือบจะเที่ยงคืน มีเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังมาตั้งแต่ถนนในไร่ จนกระทั่งรถยนต์คันดำก็ปราดเข้ามาจอดเทียบบันไดโถงทางเข้าซึ่งทอดยาวไปยังตัวบ้าน แม่นายคำจันทร์ ผู้เป็นแม่ของปัฐทวีมองดูรถคันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ กระทั่งลูกชายของเธอได้ลงมาจากรถก่อนจะรีบวิ่งมาเปิดประตูรถจากอีกฝั่งแล้วอุ้มเอาลูกสะใภ้ของนายแม่คำจันทร์ออกมาจากรถ “ตาปัฐ ทัศเป็นอะไร!” เสียงของแม่นายคำจันทร์ดังขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปดูคนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของลูกชาย “ทัศไข้ขึ้นครับแม่” เขาหันกลับไปตอบมารดา ก่อนจะหันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ “ใครก็ได้ไปเอาเสื้อผ้าหนา ๆ มา แล้วก็เอาน้ำมาเช็ดตัวให้คุณทัศที ขอด่วน ๆ ” ว่าแล้วพ่อเลี้ยงก็พาทัศขึ้นไปยังห้องนอนของตน แล้ววางร่างนั้นลงบนเตียงเบา ๆ โดยที่มีแม่ของตนเฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง “ทำไมทัศอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ ฉันให้แกไปตามทัศกลับบ้านมาไม่ใช่รึไง?” “เรื่องมันยาวครับแม่ ไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน” ค่ำคืนอันแสนหนาวเหน็บผ่านไปได้ด้วยดี ดวงตากลมค่อย ๆ ลืมขึ้นมาในยามเช้า ร่างสูงที่ยังคงอ่อนแรงอยู่ใต้ผ้าห่มหนารู้สึกถึงอาการปวดหัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสมองจนต้องยกมือขึ้นไปสัมผัสหน้าผากของตนเอง เมื่อเขาหรี่ตามองไปโดยรอบก็พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของปัฐทวี ทัศยกศีรษะขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปมองข้างเตียงและเห็นร่างแกร่งที่นั่งฟุบหน้าอยู่ข้าง ๆ โดยที่มือใหญ่ยังคงจับมือของเขาเอาไว้แน่น “คุณปัฐ?” ปัฐทวีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขายกมืออีกข้างขึ้นมาลูบที่มือของทัศอย่างแผ่วเบาด้วยความลืมตัว “นายไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” “ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่คุณทำไมถึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้” ทัศเอ่ยถามพลางมองไปยังมือหนาที่กำลังกุมมือของเขาเอาไว้แน่น ซึ่งปัฐทวีเองก็มองตามสายตาของอีกฝ่ายลงมาที่มือเช่นเดียวกัน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะจับ ฉันแค่เผลอตอนหลับก็เท่านั้น!!!” เจ้าของห้องรีบโกหกเป็นพัลวัน ก่อนจะรีบชักมือออกจากอีกฝ่าย “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักกระหน่อย” “ฉันแค่อยากบอกให้นายรู้เอาไว้ ก็เท่านั้น” เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากห้องทันที นัยน์ตากลมไล่ตามร่างแกร่งจนหายออกไปก่อนจะเหลือบมามองมือที่ยังคงหลงเหลือไออุ่นจากอีกฝ่าย “คุณพาผมกลับมาที่บ้าน แล้วเฝ้าไข้ผมทั้งคืนอย่างงั้นเหรอคุณปัฐ? ตกลงคุณเป็นคนแบบไหนกันแน่พ่อเลี้ยงปัฐทวี” ☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆ ปัฐทวีประคองพวงมาลัยผ่านตามเนินเขาลงไปเรื่อย ๆ ในใจกลับย้อนนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อคืนว่าตนเองทำเกินไปหรือเปล่า แล้วที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายขับรถเพื่อพาทัศกลับบ้านมันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทั้งที่เขาไม่ควรจะเป็นห่วงคนประเภทนั้นเลยด้วยซ้ำ ร่างแกร่งผ่อนลมหายใจอย่างนึกหงุดหงิดสับสนในความรู้สึกลึก ๆ มือใหญ่บังคับรถเลี้ยวไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดแล้วจอ “แล้วทำไมฉันต้องมาตามหมอให้นายด้วยวะเนี่ย!!!” ไม่นานนัก...ปัฐทวีก็พาคุณหมอมาที่บ้านเพื่อตรวจอาการป่วยของทัศ “คุณหมอครับช่วยเช็คให้ละเอียดเลยนะครับ” นายหมอวัยกลางคนพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นไปตรวจอาการของคนที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนห้องจากพิษไข้ “จากการตรวจเบื้องต้นแล้ว อาการของคุณทัศไม่พบความผิดปกติที่น่าเป็นห่วงครับ ให้คุณทัศพักผ่อนอย่างเต็มที่ประมาณหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการไข้ก็พอ” “ครับ” “แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจาง อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอกว่าคนทั่วไป หมอขอแนะนำให้ระวังเรื่องอากาศเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติมได้นะครับ หมอได้จัดยาแก้ไข้และวิตามินบีรวมสำหรับเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายไว้ให้แล้ว หมั่นทานตามที่แนะนำและพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น” “ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณหมอ เดี๋ยวให้คนขับรถลงไปส่งนะครับ” พ่อเลี้ยงยกมือไหว้คุณหมออย่างสุภาพ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปหาทัศด้านใน ทว่าแม่นายคำจันทร์กลับเอ่ยเรียกจนฝีเท้าต้องหยุดชะงัก “ตาปัฐมาคุยกับแม่หน่อย” “ครับแม่?” ปัฐทวีหันกลับมาหาแม่ของตน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด “ในฐานะที่แม่เป็นแม่ของปัฐ แม่คิดว่าแม่ไม่เคยสอนให้ปัฐปฏิบัติต่อใครแบบนี้ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว” “แม่... มันไม่ใช่...” “แม่เข้าใจว่าในบางครั้งมันอาจจะมีปัญหาหรือความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่แม่ขอร้องเถอะถ้าปัฐไม่ได้รักทัศจริง ๆ ก็ขอให้ปัฐให้เคารพและให้เกียรติทัศบ้าง” “แม่รู้?” “แม่รู้ทุกอย่างนั่นแหละ” “แต่เขาเป็นพวกเห็นแก่เงิน อยู่ต่อหน้าสามีตัวเองยังพูดถึงชายคนอื่นได้ แม่จะให้ผมทำดีกับเขา แล้วเขาล่ะเคยเห็นผมเป็นสามีบ้างไหม” “ปัฐฟังแม่!!!” เธอรีบพูดขัด “การที่ปัฐทำแบบนี้มันไม่ใช่แค่ทำร้ายตัวเขาแต่มันยังทำร้ายตัวปัฐเองด้วย แม่ไม่อยากเห็นลูกต้องทุกข์ทรมานจากการกระทำของตัวเอง และถ้าครบหนึ่งปีเมื่อไหร่ แม่จะไม่บังคับให้ปัฐต้องอยู่ในทะเบียนสมรสต่อ แม่จะเคารพการตัดสินใจของลูก แต่ในตอนนี้แม่ขอแค่ให้ปัฐเห็นค่าของความรู้สึกของทัศบ้างก็เท่านั้น ทำให้แม่ได้ไหม?” “หย่า? นี่แม่ก็เห็นดีเห็นงามกับการหย่าครั้งนี้เหรอครับ?” “ก็คนไม่ได้รักกัน จะอยู่ด้วยกันให้ทรมานทำไมล่ะ” “ปัฐก็คิดว่าแม่ชอบเขามาก จน...ไม่ให้ผมหย่าซะอีก” “ที่ปัฐคิดมันไม่ผิดหรอก แม่ชอบหนูทัศมากจริง ๆ คนที่เพียบพร้อมทั้งงานบ้านงานเรือน พูดจาไพเราะ กตัญญูแบบนี้มันหายาก แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ก็ต้องปล่อยไป” “แล้วถ้าผมไม่หย่าล่ะ แม่จะยินดีไหม?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม