บทที่ 8/2 คนที่ไม่คู่ควรกับความรัก

1902 คำ
“นายเป็นยังไงบ้าง?” ปัฐทวีเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนเตียง “ยังไม่ตายครับ พ่อเลี้ยงปัฐทวีไม่ต้องเป็นห่วง” ทัศตอบด้วยสรรพนามที่ห่างเหิน พร้อมเบนหน้าหนีไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย “แล้วนายเห็นยาที่หมอเอาไว้ให้กินไหม?” “เห็นครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี ผมต้องขอบคุณพ่อเลี้ยงปัฐทวีด้วยนะครับที่อุตส่าห์ลำบากพาหมอมารักษาผมถึงที่นี่ แต่ผมคงจะรบกวนพ่อเลี้ยงปัฐทวีแค่นี้แหละครับ เพราะเดี๋ยวผมจะย้ายลงไปนอนที่ห้องเดิม” “ฉันไม่อนุญาต! แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าพ่อเลี้ยงปัฐทวีซ้ำ ๆ สักที มันน่ารำคาญ!” “ครับคุณปัฐทวี” เพียงคำตอบสั้น ๆ ของทัศทำเอาพ่อเลี้ยงยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น เขาเบือนหน้าหนีเล็กน้อย พลางถอนหายใจยาวเหยียดราวต้องการระบายอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในอก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คืนนี้มีงานประมูลการกุศล นายไปกับฉันด้วยนะ” “ให้ไปในฐานะอะไรครับ คนใช้? คนงาน? หรือกรรมกร?” ปัฐทวีสะบัดหน้ามองอีกฝ่ายอย่างเหลืออด ก่อนที่ริมฝีปากจะขบกันแน่น “หยุดประชดประชันฉันสักทีได้ไหม ฉันจะให้นายไปในฐานะคู่สมรสของฉัน แล้วก็ช่วยทำหน้าให้มันดี ๆ ด้วย นี่คือคำสั่ง! ห้ามขัด ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด เข้าใจไหม?” “ครับ พ่อเลี้ยงปัฐทวี” ปัฐทวีขยับกายเล็กน้อย ก่อนจะล้วงโทรศัพท์เครื่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นมันให้กับคนบนเตียง “ส่วนนี่มือถือนาย ฉันอนุญาตให้นายใช้ได้” “ขอบคุณครับ พ่อเลี้ยงปัฐทวีที่กรุณาคืนมือถือให้ผม” ☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆ ณ งานประมูลอัญมณีเก่าแก่ที่จัดขึ้นอย่างหรูหรา ภายในห้องโถงกว้างใหญ่ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟระยิบระยับจากโคมไฟคริสตัล สายตาของผู้คนที่มาร่วมงานต่างจับจ้องไปที่เวทีประมูล แสงไฟจับประกายจากอัญมณีที่ถูกนำมาโชว์ให้เห็นอย่างเด่นชัดประจักษ์ต่อหน้าผู้คน ปัฐทวีและธารันต์เดินเข้ามาในงานด้วยชุดทักสิโดที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดึงดูดสายตาของหญิงสาวและชายหนุ่มในงานอย่างมิอาจละไปได้ ทัศยิ้มแย้มให้กับแขกเหรื่อในงานอย่างเป็นกันเองโดยเฉพาะชายหนุ่มที่กำลังยกยิ้มให้อย่างเปิดเผย เมื่อเห็นอย่างนั้นปัฐทวีจึงยื่นแขนให้ทัศจับเพื่อแสดงสถานะของตนกับอีกฝ่าย “นายเป็นของฉันนะ จำไม่ได้เหรอ?” รอยยิ้มที่เคยเปล่งประกายอยู่ในดวงหน้าของทัศกลับหายไปทันทีเมื่อปัฐทวีปริปากพูด มือเรียวของเขาค่อย ๆ เอื้อมไปเกาะแขนแกร่งนั้นไว้ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มองมา ...และการกระทำครั้งนี้ของพ่อเลี้ยงปัฐทวี ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า ธารันต์...มิใช่ของใครอื่น พ่อเลี้ยงยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปหาผู้คนอย่างสง่าผ่าเผย พร้อมกับแนะนำทัศให้ผู้คนได้รู้จักเพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว “นี่ธารันต์ครับเขาเป็นภรรยาของผม” เมื่อปัฐทวีได้ประกาศออกไปก็ทำให้บรรยากาศ ณ ตอนนั้นตกอยู่ในความเงียบทันที พร้อมกับสายตาของหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนที่มองมายังพวกเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่อาจปกปิดได้ รอยยิ้มของพวกเขาที่เคยมีตอนแรกเริ่มแฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย บ้างก็มองด้วยความตกใจ บ้างมองด้วยความประหลาดใจ บ้างก็แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความสงสัย ...ว่าทั้งสองไปแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ “คุณปัฐ!!! คุณจะเล่นอะไรของคุณ ผมไม่สนุกด้วยนะ!” ทัศกัดฟันพูดเสียงต่ำ พร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของคนเอาแต่ใจอย่างไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ฉันขอ ฉันก็ไม่ทำหรอก!” ที่แท้...ที่ปัฐทวีเปิดตัวเขากับสาธารณชนในฐานะ คู่สมรส มันไม่ใช่สิ่งที่ปัฐทวีต้องการ และมันก็ไม่ใช่เพราะปัฐทวีอยากให้เกียรติเขาในฐานะ “คู่ชีวิต” หากแต่มันเป็นแค่การกระทำที่ต้องทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์และตามคำขอจากผู้มารดาเท่านั้น ...เลิกคิดว่าพ่อเลี้ยงปัฐทวีจะหันกลับมาเป็นสามีที่ดีได้แล้วทัศ มัจจุราชยังไงก็เป็นมัจจุราชวันยังค่ำ “เมื่อกี้พี่ปัฐว่ายังไงนะคะ?” เสียงของหญิงสาวดังมาจากด้านหลังของเขาทั้งสอง ทำให้ทั้งต้องหันกลับไปมองในทันที “เอื้องคำ!” ปัฐทวีอุทานออกมาเสียงเบา เมื่อเห็นเอื้องคำยืนอยู่ตรงหน้าด้วยชุดราตรีสีน้ำเงินดูสง่า “เมื่อกี้พี่ปัฐพูดว่าอะไรนะคะ!!!” หล่อนตะคอกออกมาเสียงดังอย่างไม่แยแสสายตาของผู้คนที่จ้องมองมาที่เธอ คนถูกถามสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตอบออกไปด้วยความหนักแน่น “พี่แต่งงานและจดทะเบียนกับทัศอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเอื้องคำ” “ไอ้ขี้ข้าเนี่ยเหรอคะ ที่พี่ตัดสินใจแต่งงานจดทะเบียนสมรสด้วยแทนที่จะเป็นเอื้อง พี่บ้าไปแล้วเหรอพี่ปัฐ!!!” “คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกผมด้วยสรรพนามแบบนั้นนะครับ คุณหนูเอื้องคำ” ทัศเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ทำไมจะเรียกไม่ได้ ไอ้ขี้ข้า! ไอ้ขี้ข้า! ไอ้ขี้ข้า! ไอ้ขี้ข้า!!!” “เอื้องคำหยุดได้แล้ว!!! ถ้ายังไม่หยุดก็ไม่ต้องมาให้พี่เห็นหน้าอีก!!!” ในที่สุด ปัฐทวีก็ไม่อาจทนฟังต่อไปได้ เขาตวาดออกมาเสียงดังก่อนจะจูงมือคู่สมรสของตนไปนั่งที่เก้าอี้ที่หน้าเวทีประมูล เอื้องคำกำหมัดแน่น ดวงหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปด้วยความขัดเคืองใจที่พ่อเลี้ยงปัฐทวีกล้าตะคอกใส่เธอ ร่างเพรียวเดินไปทิ้งตัวลงเก้าอี้ด้านหน้าอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด เธอไม่คิดว่าชายที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่เด็กจะชอบผู้ชายจริง ๆ ตอนแรกหล่อนก็คิดว่าปัฐทวีคงจะหน้ามืดตามัวไปชั่วขณะหนึ่ง ที่ไปคว้าเอานายเกริกนั่นเข้าบ้านมาในฐานะนายใหญ่ แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่นายเกริกได้หายไปจากชีวิตของปัฐทวี เอื้องคำก็รู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์ที่เคยถูกเมฆบดบังเริ่มส่องแสงออกมาอีกครั้ง เธอเลยรู้สึกเหมือนมีความหวังว่าเธอจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สามารถครอบครองหัวใจที่เย็นชาและโดดเดี่ยวของปัฐทวีได้ แต่มาวันนี้เธอได้รู้แล้วว่า...เธอไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเข้าไปอยู่ในหัวใจของชายที่เธอรักได้เลย แต่ถึงอย่างไรเอื้องคำก็ยังคงหวังว่าสักวันหนึ่ง ตำแหน่งนายหญิงของบ้านโสวราการณ์จะต้องตกเป็นของเขา ไม่ว่าจะได้มันมาด้วยวิธีใดก็ตาม “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ปกป้องผม” “ฉันปกป้องตัวเองต่างหาก ใครมาดูหมิ่นคนในตระกูลโสวราการณ์ฉันก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ” “ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณพ่อเลี้ยงปัฐทวีอยู่ดี รออีกหน่อยนะครับ...เดี๋ยวอีกหน่อยพอหย่ากับผมแล้วคุณก็จะได้สมหวังกับคุณหนูเอื้องคำสักที” “นี่นายคิดว่าฉันกับเอื้องคำ...” “แล้วไม่ใช่เหรอครับ เห็นตอนวันงานวันเกิดพวกคุณสองคนก็ดูสนิทสนมกันดี ใคร ๆ เห็นก็ต้องคิดว่าเป็นคู่รักกัน” “หยุดเพ้อเจ้อสักที!” “ครับ พ่อเลี้ยงปัฐทวี โสวราการณ์!” ทัศกล่าวชื่อจริงของคู่สมรสของตนอย่างประชดประชัน ก่อนจะหันไปมองที่แท่นการประมูลตรงหน้า “นี่คือเข็มกลัดเพชรสีแดงหายาก ซึ่งล้อมด้วยเพชรสีดำงดงามและเต็มไปด้วยความลึกลับ มันถูกสร้างขึ้นด้วยช่างฝีมือในศตวรรษที่สิบแปดและเคยเป็นของพระราชวงศ์จากยุโรปมาก่อน ใช้ในงานหรือพิธีสำคัญต่าง ๆ ราคาเริ่มประมูลอยู่ที่ห้าสิบล้านบาท” ผู้ประมูลกล่าวต่อ พร้อมทั้งเคาะไม้ประมูลลงเสียงดัง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชิ้นงานอย่างไม่อาจละสายตาได้ “ฉันประมูลด้วยราคาห้าสิบเอ็ดล้าน” หนึ่งในหญิงสาวในงานเอ่ยขึ้นเสียงดัง ทัศจ้องมองเพชรสีแดงที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งกลางของเข็มกลัดที่ประกายร้อนแรงสู้แสงไฟ เส้นขอบของมันถูกล้อมด้วยเพชรสีดำดูลึกลับและดูเยือกเย็น ซึ่งความเปล่งประกายของเพชรสีดำยิ่งทำให้สีแดงที่อยู่จูดศูนย์กลางดูเด่นชัดมากยิ่งขึ้น “นายชอบเหรอ?” “ครับ?” “ฉันเห็นนายจ้องเพรชนั่นไม่วางตา ชอบเหรอ?” “เปล่าครับ ก้อนกรวดอย่างผมไม่เหมาะกับของมีค่าแบบนั้นหรอกครับ” ทัศปฏิเสธออกไป เมื่อได้ยินอย่างนั้นปัฐทวีจึงยกไม้ขึ้นเหนือหัวพลางมองไปยังอีกฝ่ายอย่างนึกหงุดหงิด ที่มักเอาเรื่องเก่าออกมาพูดให้ขัดหูอยู่ได้ “ห้าสิบห้าล้าน!!!” “ห้าสิบเจ็ดล้านค่ะ!” “หกสิบล้าน!!!” ทุกคนในห้องประมูลต่างสะดุ้งด้วยความตกใจกับราคาที่พ่อเลี้ยงปัฐทวีเสนอ จนแทบไม่มีใครกล้าประมูลต่อตามราคานั้น “เจ็ดสิบห้าล้านค่ะ” เอื้องคำเอ่ยขึ้น “แปดสิบล้านครับ” ชายอีกคนเสนอ “เก้าสิบล้านค่ะ” เอื้องคำเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ทำให้ทุกคนในห้องต่างร้องโหขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจและทึ่งในราคาประมูลที่สูงลิบ “หนึ่งร้อยล้านครับ!!!” ปัฐทวีเพิ่มราคาประมูลอย่างไม่ลังเล และในทันใดนั้นบรรยากาศในห้องประมูลก็เงียบสนิท ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เขาด้วยความตะลึง “หนึ่งร้อยล้านครั้งที่หนี่ง” “หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สอง” “หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สาม เข็มกลัดเพชรตกเป็นของพ่อเลี้ยงปัฐทวีแห่งไร่โสวราการณ์ครับ” เสียงเคาะไม้ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าเพรชชิ้นนี้ได้ตกเป็นของพ่อเลี้ยงปัฐทวีเป็นที่เรียบร้อย ผู้คนต่างก็พากันลุกขึ้นและปรบมือดังไปทั่วทั้งห้อง ปัฐทวีหันไปมองอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งแล้วมองไปที่เพรชนั่นอยู่อย่างสนใจ “ฉันให้นาย” คำพูดนั้นประหนึ่งคำสะกิดให้ทัศหลุดจากภวังค์ จนต้องละสายตาแล้วหันมามองอีกฝ่าย ก่อนถามอย่างระคนระรานในน้ำเสียง “ให้ผม? ให้ทำไมครับ?” “ก็ให้ในฐานะที่นายเป็นคู่สมรสของฉัน เป็นนายใหญ่ของบ้านโสวราการณ์ไง” “แต่ผมว่ามันไม่น่าใช่นะครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี” ทัศตอบออกไปตามคำเป็นจริง ถึงแม้ว่าเราทั้งสองจะเป็นคู่สมรสกันแต่มันก็เป็นเพียงแค่ในนาม เพราะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในบ้านโสวราการณ์ ปัฐทวีก็ให้เขาอยู่ในสถานะคนใช้มาตลอด “นี่ทัศ...นายเลิกเก็บทุกอย่างมาคิดเล็กคิดน้อยได้แล้ว ตอนนี้ฉันจะปฏิบัติกับนายในฐานะนายใหญ่ และนายก็ควรทำหน้าที่ของนาย” ปัฐทวีว่าพลางจะเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่าย แต่ทว่าทัศกลับเลื่อนมือหนีทันที “หน้าที่ของผมคือคนรับใช้ กรุณารักษาระยะห่างด้วยนะครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม