"เอ๊ะ? อ่ะ.. เอ่อ..แบบว่า.. รู้แล้ว รับทราบแล้ว เอ่อ แบบว่าเข้าใจแล้ว ล่ะมั้ง ฮ่า ฮ่า" พูดจบก็หัวเราะเสียงแห้งๆ
"ท่านพี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเจ้าคะ"
หญิงสาวเผยยิ้มเล็กน้อย ในตอนนี้สีหน้าของหมิงเยี่ยนเริ่มมีความสุขขึ้นมาบ้างแล้ว
"ง..งั้นหรอ ฮ่า ฮ่า ง..งั้นมั้ง.."
ใบหน้ามองทอดไปยังพระจันทร์ที่ยังคงฉายแสงส่องลงมายังพื้นเบื้องล่าง ในหัวกำลังคิดถึงแผนการที่จะแก้ไขอดีตให้เพื่อยุติความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น
...
"กึกๆ ...."
เสียงฝีเท้าวิ่งกระทบผืนหญ้า การไล่ล่าในช่วงราตรีกำลังเริ่มขึ้น
"อ๊าก!!!"
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ปนเปไปกับเสียงโหยหวนคำรามของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง ร่างชายหนุ่มล้มฟุบลงกับพื้นอย่างน่าอนาถก่อนที่จะถูกอะไรบางอย่างวิ่งเข้ามาใกล้แล้วฉีกร่างนั่นเป็นชิ้นๆ
"อึก! ปีศาจสิงร่างชาวบ้านงั้นหรือ?"
"พวกเราจะทำยังไงกันดี ต่อให้ใช้คนกันไว้สักกี่คนก็เอาไม่อยู่แน่ขอรับ! "
"ตั้งม่านอาคมเอาไว้! ยื้อเวลาจนกว่าคุณชายจะมาถึง!"
ม่านอาคมถูกกางออกเพื่อตั้งรับกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ปีศาจร้ายในคราบของชาวบ้าน ใบหน้าเหี่ยวย่นดวงตาแดงก่ำราวกับเลือดพยายามวิ่งชนม่านอาคมด้วยความรุนแรง แรงสั่นสะเทือนนี้ มันกำลังบ่งบอกถึงเวลาที่ไม่นานม่านนี้จะถูกทำลาย
"อ.... เราต้านไว้ไม่นาน มันกำลังจะสลาย"
"อดทนไว้! เพิ่มความหนาของม่านเข้าไปอีก! "
"มิไหวแล้ว คนของเราสูญเสียไปมาก จะสร้างม่านเพิ่มอีกมิได้! เหวอ!!" ม่านถูกทำลายโดยง่ายดายพร้อมๆ กับปีศาจวิ่งเข้าจู่โจมผู้เคราะห์ร้ายที่ใกล้ที่สุด
"หยุดนะ! ย..อย่า! อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา!!"
'กริ้ง.... กริ้ง...'
เสียงกระดิ่งดังก้องในทันใดก่อนที่ปีศาจจะถูกหยุดชะงักด้วยเสียง
"ป..ปีศาจมัน...หยุดเคลื่อนไหว.."
ใบหน้าแฝงไปด้วยความดุร้าย หันขวับมองตามหาเสียงกระดิ่งที่สั่นกังวาน และตามมาด้วยเสียงของขลุ่ยไม้ที่เริ่มบรรเลงด้วยเสียงอ่อนช้อย มนุษย์ปกติที่ได้ฟังเสียงนี้นั้น มันกลับเป็นทำนองดนตรีที่ไพเราะงดงามด้วยจิตวิญญาณ
"ส..เสียงขลุ่ยไม้เลานี้มัน..."
ปีศาจร้ายหันหน้าไปทางต้นตอของเสียงขลุ่ยที่ดังอย่างนุ่มลึกก่อนเผยให้เห็นถึงชายปริศนาในชุดสีเขียวอ่อนประจำสกุลหลินที่กำลังบรรเลงเป่าขลุ่ยไม้อยู่ไม่ไกลนัก
"ค..คุณชาย คุณชายจื่อฝาน!"
"ชายแก่ถูกครอบงำด้วยไอความมืด ใบหน้าจ้องมองหลงระเริงในเสียงดนตรีที่ดังกังวานราวกับกำลังถูกหลอกล่อ ฝีเท้าเดินตามเสียงขลุ่ยไล่บรรเลงมาใกล้จื่อฝานที่ยังคงเป่าขลุ่ยเลานั่นอยู่ที่เดิม ร่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนถึงระยะที่สามารถเกิดอันตรายได้ง่ายๆ เสียงดนตรีที่ถูกขับขานค่อยๆ เงียบลง
ริมฝีปากผละออกจากปลายขลุ่ยอย่างรวดเร็วพลางตวัดขลุ่ยเล็กน้อย ขณะเดียวกันนั้นเองเมื่อถูกแรงกระตุ้นจากการตวัดเบาๆ ขลุ่ยไม้ที่ดูไร้พิษสง กลับกลายสภาพเป็นกระบี่เล่มหนากวัดแกว่งปลายดาบเสียบศีรษะของปีศาจที่ถูกกลืนกินอย่างไร้เมตตา ไอปีศาจที่ครอบคลุมร่างระเหยหายออกไปจากร่าง ตอนนี้เหลือเพียงแค่ร่างที่ไร้วิญญาณนอนทรุดลงไปกับพื้นหญ้าอย่างหมดลมหายใจ
มือดาบกวัดแกว่งอย่างสง่างามกลับเข้าฝักที่มันเคยอยู่ก่อนกลายสภาพกลับเป็นขลุ่ยไม้ธรรมดาเช่นเดิม
".. ค..คุณชาย เหตุใดถึงลงมือฆ่าเขาล่ะขอรับ เขาเป็นเพียงแค่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์นะขอรับ"
".....ร่างกายและวิญญาณของเขาถูกไอปีศาจที่ควบคุมร่างกลืนกินจนหมด.... มิสามารถจะคงวิญญาณของเขาไว้ในร่างได้"
"... ช่างน่าเศร้า เขาคือชาวบ้านที่รับแจ้งมาว่าหายตัวไปเมื่อหลายวันก่อนหลังขึ้นไปบนเขากุ่ยอิงตามหาลูกสาวกับลูกชายที่หายไปหลังจากไปยังภูเขานั่นเพื่อเก็บผลไม้แล้วมิกลับมาอีกเลย บางที ข้าคิดว่าสาเหตุนั่นมาจากเขาลูกนั้น เราควรเข้าไป"
".......มิจำเป็นในยามนี้" จื่อฝานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ "ที่นั่นมีม่านอาคมสะกดไว้ มิอาจฝ่าเข้าไปยังปากถ้ำด้านในได้..... หรือต่อให้ฝ่าเข้าไป...อาจเจอภูตผีปีศาจขนาดใหญ่เฝ้ารออยู่"
จื่อฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบพลางขยับตัวนั่งลงเพื่อตรวจสอบศพของชายแก่ที่เนื้อตัวเริ่มเน่าเปื่อย
".....อวัยวะหัวใจหายไป"
"อ.. ม..หมายความว่ายังไง?"
"....พาร่างของชายผู้นี้กลับไปที่ตำหนักของแม่ข้า ท่านจะเป็นคนตรวจสอบมันอย่างละเอียด"
"ขอรับคุณชาย" สีหน้านิ่งเรียบกล่าวพลางเดินห่างออกไป
"เจ้าจะไปไหนจื่อฝาน?"
ร่างหยุดชะงักด้วยเสียเรียก ขณะฝีเท้าก้าวยาวๆ เดินตรงมาจากด้านหลัง "จะไปหอสมุดอีกอย่างนั้นหรือ?"
"ถ้าท่านพี่รู้ว่าข้าจะไปที่ใด เหตุใดถึงถามข้าอีก..." ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
"ข้าแค่อยากให้เจ้าอยู่ที่อื่นนอกจากห้องสมุด เจ้ามิได้ไปไหนเลย นอกจากอยู่แต่ในห้องของเจ้า ไปยังหอสมุด และออกล่าปีศาจ เจ้าควรพักผ่อนเพราะอีกมินานจะถึงวันสำคัญ"
"....ท่านพี่รู้ว่าข้ามิเคยอยากแต่งงาน... ข้ามิอยากแต่งงานกับนาง ทั้งที่มิเคยพบหน้า... ข้า... ท่านรู้ว่าเหลียงเหลียง น้องสาวของเราชอบนาง ท่านจะให้ข้าทำใจเย็นทั้งที่กำลังจะแต่งงานกับคนที่น้องสาวตนเองรักงั้นหรือ?"
จื่อฝ่านตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เริ่มสั่นคลอน มือกำขลุ่ยไม้ประจำกายไว้แน่น เพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่อึดอัดในใจ ก่อนเดินจากไป โดยไม่กล่าวอะไรต่อ
...
"หนึ่ง...คำนับฟ้าดิน"
ไม่กี่วันผันผ่านจนมาถึง พิธีแต่งงานได้เริ่มขึ้นอย่างราบรื่น ใบหน้าของผู้เป็นพ่อและแม่กำลังแสดงท่าทางปลาบปลื้มยินดีให้กับทั้งสองฝ่าย ชุดแต่งงานสีแดงกับใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีแดงที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอนั้นงดงามเพียงใด พิธีดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงขั้นตอนสุดท้าย
"ส่งตัวเข้าห้องหอ"
"อึก..." ชิบหายแล้ว เข้าหอ..ข..ลืมคิดไปเลยว่าจะเอาตัวรอดตอนเข้าหอยังไง
"เหวอ!" ร่างตัวลอยลิ่วขณะเจ้าบ่าวตรงหน้าคว้าตัวอุ้มขึ้นมา ฝีเท้าอุ้มเจ้าสาวตัวลอยเดินตรงไปยังห้องหอขณะผู้คนกำลังยืนปีติยินดีพร้อมส่งตัวทั้งคู่เข้าหอ
ตอนนี้เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น ไม่มีใครอื่นนอกจากว่าที่สามีภรรยาในห้องหอของเขาทั้งสอง จื่อฝานค่อยๆ เดินตรงอุ้มร่างที่เอาแต่แข็งทื่อตรงมายังเตียง ร่างพยุงอุ้มเจ้าสาววางลงที่เตียงอย่างเบาบางตามมาด้วยบรรยากาศที่เงียบอึมครึม
"....เอ่อ..."
"...." นิ้วมือเรียวยาวเคลื่อนใกล้เข้ามายังผ้าคลุมสีแดงพลางค่อยๆ เลิกผ้าคลุมนั้นขึ้นช้าๆ ใบหน้าของเจ้าสาวค่อยๆ เผยทีละน้อยจนกระทั่งเห็นใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นอย่างชัดเจน กลหลอกของเจ้าสาวกำมะลอโดยเฉิจือหานก็ได้เริ่มขึ้น ภายใต้ใบหน้าสะสวยที่แท้จริงนั้นมิ ใช่เจ้าสาวตัวจริงแต่เป็นจือหานที่ปลอมตัวเข้ามาเองต่างหาก
"...ค..คือว่า ท่าน.."
"เจ้านอนเถอะ"
"ฮ..ฮ่ะ? " ใบหน้าเบิกตากว้างตั้งรับกับคำพูดอีกฝ่ายไม่ถูก "ท..ท่านพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ? "
"นอน.. ข้าจะอ่านหนังสือ..." จื่อฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาพลางลุกตัวขึ้นเดินออกไปนั่งโต๊ะ ที่ด้านข้างนั้นมีชั้นวางหนังสือเล็กของตนเองอยู่
"..ฮ่า....ฮ่า...ฮา..." จือหานกลอกตาไปมาหัวเราะแห้งขณะเฝ้ามองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ไม่ได้สะสนใจอะไรในตัวเจ้าสาวเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นเป็นการดี ที่จือหานยังคงปลอมตัวเป็นหมิงเยี่ยนโดยไม่ให้ใครจับได้อยู่
"ถือว่ารอดแล้วล่ะนะแต่.. ทำไม.. ทั้งที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ชอบพอกัน พ่อกับแม่ถึงจับแต่งกันโดยไม่ถามไถ่ แถมหน้าก็ไม่แม้แต่จะเคยเห็นด้วยซ้ำนะ"
หลีเหว่ยในร่างจือหานยังคงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย ก่อนผละตัวย่องเบาแอบมองอีกฝ่ายจากด้านหลังที่จดจ่อกับหนังสือ
"....." ใบหน้าจ้องมองอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิค่อยๆ ผละหน้าออกห่างแล้วถอนหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงการก่อกวนในการอ่าน
"ข้าบอกให้เจ้าไปนอนพักผ่อน"
"..อ่ะ.. ข้าไม่ง่วงนี่ ยังไม่ดึกสักหน่อย ท่านไม่นอนข้าก็ไม่นอน"
'บางทีเราอาจจะตีสนิทกับเขาแล้วลองแอบถามข้อมูลเล็กน้อยที่พอจะช่วยแก้ไขอนาคตของฉันในชาตินี้ได้บ้าง'
"....." จื่อฝานถอนหายใจอีกครั้งก่อนกลับมาสนใจหนังสือของตัวเอง ครั้งนี้จือหานเริ่มที่จะขยับตัวลงมานั่งด้านข้างจ้องมองเพ่งนู่นนี่ทำเสียงเอะอะ "โอ๊ะ ท่านอ่านหนังสืออะไร? ตำราแพทย์หรอ?"
".....อืม"
"ท่าน อ่า..เป็นหมอ? "
".....มิใช่" ปลายคิ้วเริ่มขมวด พร้อมกับหายใจยาวเพื่อกดอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้
"ไม่ใช่หมอ แสดงว่าท่านชอบที่จะรักษาผู้คน ช่างเป็นคนที่มีจิต...ใจ..เอ่อ..." สายตาจับจ้องมองมายังจือหานเพื่อกำลังบ่งบอกว่าเขานั้นกำลังอารมณ์เสีย จื่อฝานถอนหายใจยาวอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม
"คนสกุลเฉินพูดมากแบบเจ้าทุกคนหรือไม่?"
"เอ๊ะ? อ่ะ..เอ่อ.. ฮ่า ฮ่า ...ไม่หรอก ข้าพูดมากเอง ซอรี่" 'ฉันตีสนิทเขามากไปหรือเปล่านะ บางทีอาจจะลองถามเขาเรื่องสาเหตุหรืออะไรสำคัญ เขาอาจจะไม่โมโหใส่ก็ได้...มั้ง..'
"...." จื่อฝานขมวดคิ้วตึงกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้ง และครั้งนี้เขาคงคิดว่ามันจะดีขึ้นที่เขาได้อ่านมันอย่างมีสมาธิเสียที
"....เอ่อ..." จือหานพยายามหาโอกาสที่จะถามเรื่องสำคัญที่อยากรู้หลายเรื่อง แต่มันกลับเหมือนกำลังจุดชนวนระเบิดลูกใหญ่เสียมากกว่า
"...." ใบหน้าผละออกจากหนังสือจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหมดอารมณ์ "จะไปนอนหรือมิไป? มิเช่นนั้นข้าจะจับเจ้าโยนออกไป"
"เอ๊ะ? ข้าบอกแล้วว่าถ้าท่านไม่นอนข้าก็ไม่นอนอ่ะ ท่านก็อ่านหนังสือไปสิ ข้าก็แค่..อ่ะ อะไร?"
จื่อฝานหลับตาลงเพื่อกลั้นความหงุดหงิด ปิดหนังสือลงเสียงดังแล้วดันมันไปไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย
"อะไร? จะให้ข้าอ่านหรือไง? ข้าไม่ชอบอ่านหนังสือหรอกนะ มันทำให้ข้าเบื่อ อ้ะ.. อึก.. ครอก.." สายตาจ้องมองอย่างหมดความอดทน มือหนายกขึ้นดีดนิ้วเบาๆ และทันใดนั้นเอง อีกฝ่ายที่เอาแต่กระโตกกระตากพลั้งหน้าจุ่มหนังสือหลับคาโต๊ะอย่างหมดเรี่ยวแรง
".....น่ารำคาญ"