ตอนที่2

1120 คำ
เช้าตรู่ที่จวนแม่ทัพ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจบดี ตะวันก็ตื่นขึ้นมาในห้องที่ใหญ่โตโอ่อ่าแต่เย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ฝ้าเพดานไม้ฉลุลายแบบจีนโบราณทำเอาเธอหลงนึกว่าตัวเองอยู่ในกองถ่ายซีรีส์ย้อนยุค ...แต่ความจริงก็คือ นี่ไม่ใช่กองถ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน “ยาชาในน้ำชานั่นมันกลิ่นประหลาดชัด ๆ โชคดีที่ข้าดูซีรีส์มามากเลยรู้จักเทคนิคหลอกคนร้าย!” เธอแอบเทชาทิ้งตอนที่สาวใช้ผู้ไม่น่าไว้ใจคนนั้นเผลอ แล้วแสร้งทำเป็นหมดสติ จนรอดชีวิตจากแผนร้ายได้อย่างเฉียดฉิว แต่... ใครกันที่อยากให้เธอตาย? คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบ ยังไม่ทันคิดให้ลึก บ่าวสาวนางหนึ่งก็ผลักบานประตูเข้ามาพร้อมชามทองเหลืองใส่น้ำล้างหน้า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านแม่ทัพจะมาตรวจดูท่านช่วงสายเจ้าค่ะ” “เขาจะมาตรวจ...อะไร?” ตะวันทำตาโต สาวใช้ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนตอบเบา ๆ “อันที่จริง ท่านแม่ทัพไม่ได้กล่าวอะไรเจ้าค่ะ เป็นแม่นมหลิวต่างหากที่ส่งคนมาบอกว่า...ท่านอาจจะไม่สบายได้ เลยให้บ่าวมาดูแล” ตะวันย่นคิ้ว ความสงสัยเพิ่มขึ้นอีกขั้น แม่นมหลิว เป็นผู้ติดตามคนสนิทของ พี่สาว นางร้ายที่ควรมาแต่งงานจริง ๆ ...แต่ดันส่งน้องสาวมาเป็นเหยื่อเสียเอง สายวันนั้น จวนแม่ทัพดูเงียบเหงา ต้นบ๊วยหน้าศาลากลางเริ่มผลิดอกบางตา ลมหนาวปลายฤดูยังพัดมาไม่ขาดสาย เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นก่อนร่างของชายผู้หนึ่งจะก้าวเข้ามาในศาลา เขาคือ แม่ทัพซือหยาง ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ เย็นชา และมีดวงตาคมกริบราวเหยี่ยว เขามองตะวันเพียงแวบเดียวก่อนจะนั่งลงอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “เจ้าดูแข็งแรงกว่าที่ข้าคิด” เสียงของเขาไม่สูงนัก แต่กระแทกใจเหมือนค้อนเหล็ก ตะวันนั่งอยู่เบื้องหน้าเขา พยายามเก็บอาการไว้สุดฤทธิ์ “ท่านแม่ทัพ... ข้าก็เป็นแค่คนธรรมดา ยังไม่ตายง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ” เธอส่งยิ้มให้แบบพยายามเฟรนด์ลี่สุดฤทธิ์ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เขาหรี่ตา มองหญิงตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ “ก่อนหน้านี้ เจ้าส่งจดหมายมาว่าป่วยหนักจนเดินทางไม่ได้ จู่ ๆ กลับฟื้นตัวดีในวันเดียว และมาแต่งงานได้...ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล” อ้าวเฮ้ย จดหมายบ้าอะไร? ตะวันกัดฟันในใจ รู้ได้ทันทีว่านั่นต้องเป็นแผนจาก พี่สาวสุดงดงามผู้แสนร้ายลึก แน่ ๆ “ก็...ข้าคงหายเพราะบารมีของท่าน..เท่าแผ่นฟ้าเจ้าค่ะ” เธอหลอกยิ้มแบบนางร้ายบทรองในละครไทย แม่ทัพหนุ่มไม่ได้หัวเราะ เขาเพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้วลุกขึ้น “หากเจ้าไม่มีธุระใดเร่งด่วน ข้าจะให้บ่าวจัดหาที่อยู่ให้เจ้าแยกจากเรือนหลัก” “หา? แล้วข้าจะอยู่กับใคร?” “อยู่กับตัวเองนั่นแหละ” เขาตอบเสียงนิ่งพอ ๆ กับหน้าตาไร้ความรู้สึกนั่น “เราสองคนมีเพียงสถานะในนาม เจ้าคงรู้ดีว่า...หัวใจของข้าไม่ได้อยู่กับเจ้า” คำพูดนั้นกรีดแทงหัวใจร่างบางจนชา แม้จะรู้อยู่เต็มอกจากเนื้อเรื่องในซีรีส์ ว่าชายผู้นี้รักใคร แต่พอได้ยินกับหู มันก็ยังจุกอย่างบอกไม่ถูก “เจ้าจะอยู่ก็ได้ จะไปก็ได้ จะใช้ชีวิตเยี่ยงใดข้าก็ไม่สน ขอเพียงอย่าก่อปัญหาในจวน” แม่ทัพซือหยางเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป ทั้ง ๆ ที่เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่ตัวเธอสักนิด แต่ตะวันก็อดที่จะอึ้งไปไม่ได้ คำพูดของเขาเย็นเยียบจนทะลุเข้ามาในหัวใจ จะบอกเขาได้อย่างไรว่าเธอเป็นเพียงหญิงสาวที่มาจากอีกภพ เมื่อลับร่างเขาไป ตะวันก็ทรุดตัวลงบนเบาะรองนั่ง “โอ๊ย ฉันแค่ทะลุมิติมาเฉย ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็โดนตัดหางปล่อยวัดแล้วเหรอ” เธอถอนหายใจเฮือกยาว มองขึ้นฟ้าผ่านช่องหน้าต่างไม้ “นี่มันไม่ใช่แค่ซีรีส์แล้วนะ มันคือสงคราม!” หลังจากถูกตัดหางปล่อยวัดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตะวันหรือในชื่อใหม่ที่ทุกคนเรียกเธอว่า “หลินเหยียนหรง” ภรรยาในนามของท่านแม่ทัพผู้เย็นชา ก็ถูกส่งมาพำนักในเรือนเล็กท้ายจวนตามคำสั่งของ "สามีในนาม" ผู้ไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอ เรือนเล็กหลังนี้ดูจะถูกปล่อยให้รกร้างมานาน ฝาไม้บางส่วนถูกซ่อมด้วยไม้เก่า พื้นไม้กรอบจนต้องเดินย่อง นกกระจอกทำรังอยู่ตรงขื่ออย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน เธอถอนหายใจรัวสามรอบ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าต่างด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “ให้ตายสิ...นี่มันไม่ต่างจากโดนจับแยกไปอยู่หอพักโรงเรียนสมัยประถมเลย…” ตะวันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะกอดเข่า เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังใกล้เข้ามา พร้อมสาวใช้ตัวเล็กหน้ากลมที่หอบชะลอมผ้าห่มเข้าห้องอย่างทุลักทุเล “เจ้า...ชื่ออะไรนะ?” ตะวันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ สาวใช้ค้อมตัวรีบตอบ “บ่าวชื่อเสี่ยวผิงเจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลคุณหนูตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าค่ะ” “โอเค เสี่ยวผิง งั้นเรียกฉันว่า เอ่อ… ข้า…ว่าเหยียนหรงก็พอ ถ้าเป็นไปได้ไม่ต้อง ‘เจ้าค่ะเจ้าขา’ เยอะแยะหรอก มันเขินน่ะ” ตะวันยกมือลูบต้นคอเก้อ ๆ แล้วส่งยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า เสี่ยวผิงกะพริบตาปริบ ๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือตกใจดี “เจ้าค่ะ...เอ๊ย! ขะ...ข้า...จะพยายามเจ้าค่ะ เอ๊ย!” ตะวันหัวเราะกับความพยายามน่าเอ็นดูนั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินสำรวจรอบห้อง ไม้พื้นยังพอใช้งานได้ ตู้เสื้อผ้าคือไม้สนที่กลิ่นแรงจนแทบแสบจมูก เตียงมีฟูกเก่า ๆ และข้างฝายังมีรอยรั่วตรงกระเบื้องหลังคาให้ลมหยอกลอดเข้ามา “ก่อนจะหาทางกลับโลก...ฉันต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากบ้านหลังนี้ให้ได้ก่อนต่างหาก!” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ แต่เสียงนั้นกลับดังพอให้เสี่ยวผิงได้ยิน สาวใช้น้อยเลิกคิ้ว “คุณหนูว่าอะไรหรือเจ้าคะ?” “อ้อ เปล่า ๆ!”ตะวันยิ้มแห้ง ๆ แล้วหันไปคว้าผ้าห่มมาโยนบนเตียง ภารกิจแรกของหลินเหยียนหรงในโลกโบราณนี้…คือการยึดหัวหาดในเรือนเล็กให้มั่นเสียก่อน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม