จุดเริ่มต้น (2)

2287 คำ
“ค่ะ ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ ครั้งนี้ก็ถือว่าฉันทดแทนบุญคุณของคุณหมดแล้วนะคะ หลังจากหย่าจากลูกชายคุณฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป จะไม่เป็นหนี้บุญคุณคุณอีกต่อไป ไปค่ะแม่น้อย” ว่าแล้วพราวตะวันก็จูงมือนางน้อยเดินออกไป เมื่อทั้งสองเดินออกไปพิมพ์แพรก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ที่ละครฉากนี้จบลงซักที จากนี้ไปเธอยอมเป็นแม่ผัวตัวร้ายเพื่อให้ได้พราวตะวันมาเป็นลูกสะใภ้ แต่ก็โล่งใจได้ไม่ทันไรเมื่อร่างสูงของลูกชายเธอปรากฏตัวขึ้น “ไม่คิดว่ามาดามเวสเนียร์จะร้ายกาจขนาดนี้นะครับ” วินเซนต์บอกมารดาด้วยสีหน้ายียวน “แกหมายความว่าไง” มาดามเวสเนียร์ยังทำใจดีสู้เสือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ในใจเต้นไม่เป็นระส่ำกลัวว่าลูกชายจะดูออกว่าเล่นละครตบตาพราวตะวัน “ก็หมายความว่าแม่ร้ายไม่ใช่เล่นเลยน่ะสิครับ แค่จะหาไม้กันหมาให้ผมแม่ไม่จ้างเอาหละครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรเลยสักนิด ไม่คิดว่าแม่จะข่มขู่ให้ยัยเด็กนั่นมาแต่งงานกับผม ผิดคาดจริงๆนะครับแต่ก็อย่างว่าลงทุนก็ต้องหวังกำไรอยู่แล้ว แม่ลงทุนกับบ้านเด็กกำพร้านี่ไปตั้งเท่าไหร่ แค่ยืมตัวยัยเด็กนั่นมาใช้งานคงยังน้อยไปใช่ไหมครับแม่” วินเซนต์เห็นและได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเข้าใจว่าแม่เขาบังคับให้ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับเขาเพื่อเป็นไม้กันหมาจากผู้หญิงคนอื่นแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นจนมาดามเวสเนียร์เอ่ยออกมา “ก็เพราะแม่ไม่อยากขาดทุนอย่างที่แกว่านั่นก็ข้อหนึ่ง อีกอย่างไม่ต้องเสียตังจ้าง ไม่ต้องเสียเงินมาบำเรอแม่พวกนั้นและข้อสำคัญผู้หญิงคนนี้หัวอ่อน ขู่นิดๆหน่อยๆก็ทำตามทุกอย่างแล้ว ไม่แบล็กเมล์เราทีหลังอย่างแน่นอน” มาดามเวสเนียร์ไหลไปตามน้ำ เออออตามลูกชายไปโดยไม่ทันคิดเลยว่าผลเสียจากความเข้าใจผิดนี้จะส่งผลร้ายกับพราวตะวันต่อจากนี้ “สมกับเป็นมาดามเวสเนียร์จริงๆนะครับ แล้วตอนแม่บังคับผมตอนแรกทำไมแม่ต้องบอกว่าแต่งครบปีแล้วผมไม่รักยัยนั่นผมก็หย่าได้หรือแม่อยากให้ผมแต่งงานกับยัยนั่นจริงๆ” วินเซนต์ถามด้วยความสงสัย “แม่ก็แค่อยากถ่วงเวลาหาผู้หญิงดีๆให้แกแต่งงานจริงๆนั่นแหละ” มาดามเวสเนียร์หาทางไหลไปได้เรื่อยๆ “ความจริงแม่บอกผมมาตรงๆก็ได้ว่าอยากหาเมียให้ แต่ในระหว่างหาเมียให้ไม่อยากให้ผมมีข่าวเสียหายเลยหาผู้หญิงมาเป็นโล่กำบังให้ไม่เห็นต้องมาทำเรื่องราวใหญ่โตอย่างนี้เลยครับแม่ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมจะช่วยใช้ของให้คุ้มค่าก็แล้วกันนะครับ ไปหละครับไปเตรียมตัวก่อนแล้วเจอกันในงานนะครับแม่” วินเซนต์ขยิบตาให้และยิ้มอย่างมีเลสนัย พิมพ์แพรก็อดเป็นห่วงพราวตะวันขึ้นมาไม่ได้ ได้แต่หวังว่าลูกชายเธอจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับสาวเจ้า พิธีแต่งงานแบบไทยในช่วงเช้าผ่านไปด้วยการที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆที่แสดงออกว่ายินดีกับงานมงคลที่เกิดขึ้นเลย เมื่อแขกเหรื่อในงานรดน้ำสังข์เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นคู่บ่าวสาวที่ถูกบังคับให้แต่งงานด้วยความไม่เต็มใจก็ได้จรดปากกาเซ็นยอมรับสิ่งพันธนาการนี้ไปโดยไม่มีการพูดคุยระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวแม้แต่คำเดียว เหมือนกับว่าคนทั้งสองมาเพื่อต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองให้ลุล่วงเพียงเท่านั้น หลังจากพิธีในช่วงเช้าจบลง ในช่วงเย็นก็มีงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสซึ่งเชิญแขกมาร่วมงานมากมายเลยทีเดียวแต่ก่อนที่งานในช่วงเย็นจะเริ่มขึ้นนางน้อยก็เข้าไปคุยกับพราวตะวันที่ห้องแต่งตัวจากสีหน้าดีใจเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นนิ่งลงทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เดินมากับแม่ของตนคือพิมพ์แพร “แม่มีอะไรรึเปล่าคะ” พราวตะวันเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คือ...แม่กับคุณพิมพ์แพรอยากมาขอโทษหนูน่ะ” เสียงของนางน้อยอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษเรื่องอะไรคะ คนอย่างหนูไม่มีสิทธิโกรธอะไรคนอย่างคุณหรอกค่ะคุณพิมพ์แพร” เธอบอกอย่างยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางชนะคนอย่างพิมพ์แพรได้ “เรื่องที่ฉันด่าหนูเสียๆหายๆเมื่อเช้าน่ะจ้ะ จริงๆแล้วมันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่ฉันกับแม่น้อยร่วมมือกันแสดงเพื่อโกหกหนูเท่านั้นเองจ้ะ ฉันขอโทษหนูจริงๆนะ” พิมพ์บอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความจริงใจว่าคำขอโทษที่พูดออกมานั้นเป็นความจริง “นี่มันเรื่องอะไรกันคะแม่ หนูงงไปหมดแล้วค่ะแม่“ พราวตะวันสับสนอย่างมากกับเรื่องที่ได้ยิน เธอไม่รู้แล้วว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก “ที่คุณพิมพ์แพรบอกเป็นเรื่องจริงลูก ท่านอยากให้หนูแต่งงานกับลูกชายท่านแต่หนูปฏิเสธท่านก็เลยต้องใช้วิธีนี้หนะลูก” นางน้อยบอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกผิด “ใช่จ้ะหนูซัน ฉันอยากได้หนูเป็นลูกสะใภ้จริงๆนะ ฉันเชื่อว่าหนูจะช่วยเปลี่ยนตาวินได้ ยกโทษให้ฉันด้วยนะหนูซัน” พิมพ์แพรว่าพรางกุมมือพราวตะวันไว้บอกให้รู้ว่าเธอรู้สึกผิดจริงๆที่ทำอย่างนี้ “จริงเหรอคะ แต่คุณไม่คิดเหรอคะว่าหนูไม่คู่ควรกับลูกชายคุณเลยและการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักยังไงวันหนึ่งมันก็ต้องจบลงอยู่ดีนะคะท่าน“ พราวตะวันยอมเชื่อว่าเรื่องที่เธอเจอเมื่อช่วงเช้าเป็นแค่เรื่องที่สร้างขึ้นจากการยืนยันจากปากแม่น้อยของเธอที่เธอรักและไว้ใจมากที่สุดในชีวิตพร้อมทั้งเสนอความคิดเห็นจากมุมมองของเธอบ้าง “ฉันไม่เคยตีค่าคนจากเงินทองหรือสถานะอะไรเลยนะ ฉันชอบหนูที่หนูเป็นหนู ฉันอยากให้หนูลองดู ฉันเชื่อว่าคนน่ารักอย่างหนูใครอยู่ใกล้ก็ตกหลุมรักได้ไม่ยากรวมถึงลูกชายของฉันด้วย” พิมพ์แพรพูดอย่างเห็นแก่ตัวแต่มันก็ยังแอบมีหวังอยู่นิดๆว่าพราวตะวันจะยอมช่วย ด้านพราวตะวันก็เกิดความสับสนอยู่ในใจ ถ้าเธอทำแล้วทำให้ทั้งแม่น้อยและคุณพิมพ์แพรสบายใจเธอก็พร้อมจะทำ ที่ท่านทั้งสองลงทุนทำขนาดนี้เพราะคงอยากให้เธอช่วยจริงๆ ดังนั้นพราวตะวันจึงเห็นว่านี่คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องทดแทนบุญคุณบุคคลทั้งสอง “หนูตกลงค่ะ หนูจะยังไม่หย่าจากคุณวินเซนต์ตอนนี้แต่ถ้าภายในหนึ่งปีหนูไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หนูก็ขอเดินออกมานะคะ” พราวตะวันตั้งเงื่อนไขอย่างชัดเจน ถึงเธอจะอยากตอบแทนพระคุณมากมายเพียงใดแต่สุดท้ายแล้วชีวิตเธอก็ยังต้องการอิสระที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ “ตกลงจ้ะ ยินดีต้อนรับหนูเข้าสู่ครอบครัวเวสเนียร์นะจ๊ะ” พิมพ์แพรแสดงความดีใจด้วยอาการลิงโลด เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยและทุกคนเข้าใจกันแล้วแม่น้อยของพราวตะวันก็สบายใจและขอตัวไปดูความเรียบร้อยภายในงานต่อ ระหว่างนี้พิมพ์แพรก็นั่งคุยกับลูกสะใภ้ป้ายแดงไปพรางพลันนึกขึ้นได้เรื่องที่วินเซนต์เข้ามาได้ยินและเข้าใจผิดเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้จึงนัดแนะกับพราวตะวันว่าเธอจะแกล้งทำเป็นร้ายใส่เธอตามที่วินเซนต์เข้าใจ “ตอนนี้วินเซนต์เข้าใจว่าแม่อยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาไว้ใจแม่ดังนั้นเขาคิดไม่ถึงหรอกว่าเรารู้กัน แล้วอย่าถือสาหละถ้าแม่พูดอะไรร้ายๆใส่น่ะ เข้าใจไหมหนูซัน” ก่อนที่พราวตะวันจะทันได้เอ่ยปากปฏิเสธว่าเธอคงไม่สามารถทำได้เพราะเธอโกหกไม่เก่งกลัวว่าวินเซนต์จะจับได้เสียงเย็นเยียบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่ไว้ใจแม่แล้วหละสิ แม่หักหลังผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเล่นละครฉากใหญ่โดยมีผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงสมทบหลอกให้ผมตายใจ” ว่าพรางชี้ไปที่พราวตะวัน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแสดงออกชัดเจนว่าอยู่ในอารมณ์โกรธและไม่พอใจอย่างรุนแรง ส่วนพราวตะวันทำได้เพียงยืนนิ่งๆ เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับแผนการในครั้งนี้เลยแต่ตอนนี้เธอกลับถูกกล่าวหาและตกเป็นผู้ต้องหาในบทสนทนานี้ไปเสียแล้ว “วินฟังแม่ก่อน แม่อธิบายได้ แม่มีเหตุผลวิ....” พูดได้แค่นั้นเสียงวินเซนต์ก็สวนขึ้นมาทันทีอย่างเกรี้ยวกราด เขาไม่สนใจคำแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างที่เขาได้ยินมันชัดเจนหมดแล้ว แม่เขานั่งหัวเราะคุยเรื่องเขาที่หลงเชื่อละครฉากใหญ่นั่นอย่างเมามัน แล้วยังมีการนัดแนะกับผู้หญิงคนนั้นที่ในตอนแรกเขานึกว่าเธอน่าสงสารที่ตกเป็นเหยื่อให้แม่เขาหลอกใช้แต่มาตอนนี้เธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับแม่มาหลอกเขาอีกที ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นและคนอย่างวินเซนต์ก็ไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆอย่างแน่นอน “ผมรู้แล้วว่าเหตุผลแม่คืออะไร แม่อยากได้ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสะใภ้ ก็ได้ในเมื่อแม่อยากได้คนนี้ผมก็ตามใจแม่แต่ถ้าผมทำอะไรร้ายๆใส่ลูกสะใภ้แม่ แม่ก็ช่วยเข้าใจผมด้วยแล้วกัน” พูดจบวินเซนต์ก็เดินออกไปทันที พิมพ์แพรได้เห็นอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าอีกไม่นานพายุลูกใหญ่จากวินเซนต์ต้องพัดเข้าใส่ทั้งเธอและหนักที่สุดก็เห็นจะเป็นพราวตะวันด้วยเพราะรู้ดีว่าวินเซนต์เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นและไม่ยอมใคร “หนูจะไปอธิบายให้คุณวินเซนต์ฟังเองค่ะท่าน” พราวตะวันทำท่าจะลุกตามเขาไปแต่พิมพ์แพรเรียกไว้ก่อน “ไปตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรอกลูก ปล่อยเขาไปก่อนเถอะลูก” พิมพ์แพรบอกอย่างเหนื่อยใจ เธอเองก็มีส่วนผิดที่เลี้ยงลูกแบบตามใจมากเกินไปเพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวจึงทุ่มเททุกอย่างให้ ไม่คิดว่าจนถึงตอนนี้นิสัยนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย เมื่อเป็นอย่างนั้นผู้หญิงต่างวัยทั้งสองคนก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากไปเตรียมตัวให้พร้อมกับงานเลี้ยงฉลองในตอนค่ำ เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป งานเลี้ยงก็ถูกจัดขึ้นที่สนามหญ้าหน้าบ้านเด็กกำพร้าพิมพ์ดาวเช่นเดิมแต่เพิ่มแขกคนพิเศษทางฝั่งเจ้าบ่าวขึ้นมานั่นก็คือ วัตสัน เวสเนียร์ บิดาของวินเซนต์ซึ่งติดงานด่วนทำให้มาไม่ทันพิธีในช่วงเช้าแต่ในช่วงงานเลี้ยงเขาจะพลาดไม่ได้เพราะภรรยาสุดที่รักอย่างพิมพ์แพรโทรไปกำชับและย้ำเตือนเขาอยู่หลายครั้งว่าต้องมาให้ได้ด้วยอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้ที่ภรรยาคุยนักหนาว่าน่ารักอย่างโน้นสวยอย่างนี้เขาจึงอยากมาเห็นกับตาว่าลูกสะใภ้คนนี้สวยอย่างที่ภรรยาบอกหรือไม่ และก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเมื่อได้เห็นลูกสะใภ้คนสวยมาในชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวยาวฟูฟ่องบวกกับผิวขาวนวลเนียนดุจน้ำนมยิ่งส่งให้เจ้าสาวดูเด่นเป็นสง่าราวกับหลุดมาจากเทพนิยายติดก็แต่ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มหรือความปรีติยินดีกับงานในค่ำคืนนี้ มันดูเป็นงานแต่งงานที่แปลกพิกลในความคิดของเขา พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลูกชายร่างสูงสมาร์ตในชุดสูทสีดำเข้าชุดกับชุดเจ้าสาวในมือถือแก้วไวน์แกว่งไปมาสายตาเหม่อมองไปข้างหน้าราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ วัตสันจึงเอ่ยเรียกออกไป “เป็นไง เจ้าบ่าวป้ายแดง เมื่อเช้าพ่อติดงานด่วนน่ะ จะไม่ไปก็ไม่ได้” วัตสันบอกเหตุผลกับลูกชาย “ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ มันไม่ได้สำคัญอะไร ความจริงพ่อไม่ต้องเสียเวลามาก็ยังได้ ยังไงซะผมก็จะพาลูกสะใภ้คนนี้ไปเยี่ยมพ่อที่อังกฤษอยู่แล้ว” วินเซนต์บอกยิ้มๆ ซึ่งเขาไม่เข้าใจความหมายที่ลูกชายต้องการจะสื่อแม้แต่นิดเดียว “หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ” พ่อก็ลองไปถามแม่ดูนะครับ ผมไปก่อนล่ะ อยากทำหน้าที่ที่นี่ให้มันจบๆไปเพราะผมอยากทำหน้าที่อื่นใจจะขาดแล้ว” วินเซนต์ขยิบตาข้างหนึ่งพร้อมกับยิ้มเย็นส่งให้บิดาก่อนจะเดินจากไป วัตสันรู้ดีว่าต้องมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นที่นี่และเขาต้องไปหาคำตอบจากพิมพ์แพรตามที่ลูกชายบอกไว้ในตอนแรกให้ได้ ด้านวินเซนต์เมื่อถึงเวลาบ่าวสาวกล่าวความรู้สึกและให้ผู้ใหญ่อวยพรเขาหยุดคิดสักขณะหนึ่งจากนั้นก็พูดผ่านไมค์ออกไป....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม