ตอนที่ 1.2 คนแปลกหน้า

1388 คำ
ตอนที่ 1.2 คนแปลกหน้า “ให้ผมไปส่งเถอะครับ คุณเดินมาไกลแล้ว” ชายคนนั้น ลูกน้องของคนที่ช่วยชีวิตเธอเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงสุภาพ พลางสืบเท้าเข้ามาใกล้ ขณะที่เธอนั้นมองเลยผ่านช่วงไหล่ของเขา เห็นใครคนนั้นกำลังนั่งมองดูเธอจากในรถคันหรูอยู่ก่อนแล้ว “เอ่อ...” “อย่าปฏิเสธเลยครับ หารถตอนนี้ก็ยาก แถมระยะทางก็ยังอีกไกล ขึ้นไปนั่งพักในรถดีกว่าครับ” หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างลังเล ใจนั้นก็อยากปฏิเสธ ไม่อยากรบกวนใคร แต่เธอก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อน้ำใจของเขาที่มีต่อเธอได้ ขนาดคนที่ควรต้องห่วง ยังไม่คิดใยดีกันเลย จะมาทนเดินให้ลำบากไปเพื่ออะไร “ขอบคุณนะคะ” หล่อนส่งยิ้มบาง ๆ ให้ ก่อนจะเดินนำเขาไปยังรถที่จอดติดแช่อยู่ เขาคงเห็นเธอเดินอยู่ริมถนน จึงแสดงน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันละมั่ง แผ่นดินไหว เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด แต่เธอก็ได้เห็นน้ำใจ และ ไมตรีจากคนแปลกหน้ามากมาย ที่หยิบยื่นให้ตลอดเส้นทางที่เธอเดินผ่าน “ไหวไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เสียงทุ้มเข้มจากชายแปลกหน้าท่าทางดี เอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากที่เธอก้าวขึ้นมานั่งในรถคันหรู “เอ่อ...ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ...ขอบคุณนะคะ” เอ่ยตอบตามปกตินิสัย ที่ชอบปฏิเสธก่อน ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วนั้น เมื่อได้ขึ้นมานั่งรถ อาการปวดเมื่อยทั่วร่าง กลับสำแดงฤทธิ์ สองเท้าที่เดินมาตลอดหนึ่งชั่วโมงด้วยรองเท้าส้นสูงราคาแพง บวมแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “นี่ครับ” เจลประคบเย็นบรรเทาอาการปวด ถูกหยิบยื่นให้จนเธอถึงกับชะงักอึ้งไปชั่วขณะ ช้อนสายตาขึ้นมองเขา ใบหน้าคมคายหล่อเหลาดูคุ้นเคย คลับคล้ายเหมือนจะเคยพบหรือเห็นที่ไหนมาก่อนนั้น ทำให้หญิงสาวเผลอจ้องมองใบหน้าหล่อเข้ม ภูมิฐานอยู่นานพอควร “คุณ?” ชายคนนั้นเอ่ยเรียก คล้ายดึงสติที่กำลังเหม่อลอย ให้กลับคืนมา ก่อนจะยื่นมือไปรับเจลประคบเย็นจากห่อสีขาวที่เขาหยิบส่งมาให้ “เอ่อ...ค่ะ...ขอบคุณนะคะ”หล่อนยิ้มรับ ด้วยใบหน้าเก้อเขินเล็กน้อย เพราะเผลอคิดอะไรไปเรื่อย ก่อนจะใช้เจลนั้นประคบข้อเท้า บรรเทาอาการบาดเจ็บ ด้วยน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะปาดทิ้ง พยายามเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอให้ใครได้เห็น คอนโดหรูที่อยู่ในย่านใจกลางเมือง ห่างจากโรงแรมนั้น...ไกลพอสมควร หากเป็นเวลาปกติ ให้หล่อนเดินเท้า คงเดินไม่ไหว เพราะแค่โดยสารด้วยรถส่วนตัวก็ใช้เวลานานเกินครึ่งชั่วโมง หากนั่งรถไฟฟ้าก็อีกหลายสถานี ตลอดเส้นทางใช้เวลาเดินทางค่อนข้างยาวนานเกือบสามชั่วโมง ภายในรถที่ไม่ค่อยมีบทสนทนากันเท่าไหร่ เขาที่เอาแต่ก้มหน้าอ่านข้อความบางอย่างยาวพรืดจากไอแพดหรู น่าจะเป็นเนื้อหาในงานของเขา ส่วนคนที่อยู่บริเวณด้านหน้าข้างคนขับนั่นเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่พูดคุยอะไร ทว่า บรรยากาศภายในรถนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกต้องอึดอัดเลยสักนิด กระทั่งถึงตัวคอนโดที่เธอพักอาศัยอยู่ ผู้คนจำนวนหนึ่งยังคงยืนออกันอยู่เต็มบริเวณด้านหน้า บ้างก็หามุมนั่งพักรออยู่ในละแวกใกล้ ๆ ไม่ไกล มากนัก หญิงสาวมองผู้คนตรงหน้านิ่งไปด้วยความกลัวและกังวลที่แทรกเข้ามาในความรู้สึก ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะสร้างความเสียหายให้แก่อาคารที่เธอพักมากขนาดไหน...ห้องพักของเธอจะเสียหายเท่าไหร่ คืนนี้เธอจะพักอาศัยที่นี่ได้หรือไม่ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ยังมีใครอีกคนที่เธอต้องทักไปหาเพื่อถามไถ่ คิดถึงตรงนี้สมองกลับตึงเครียดขึ้นมาด้วยความกดดัน ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มหวานให้กับชายหน้าขรึมที่กำลังก้มหน้าอ่านบางอย่างในไอแพดเครื่องหรู เสมือนไม่ได้สนใจเธอเสียเท่าไหร่ “ขอบคุณที่ให้ติดรถมาด้วยนะคะ” เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึม นัยน์ตาเรียวรีสีสนิมเหล็กคู่นั้น ละขึ้นมองใบหน้าสวยหวาน โดยไม่เอ่ยคำใดออกมา จนกระทั่งเธอหันไปเอ่ยคำขอบคุณชายหนุ่มทั้งสอง ที่นั่งอยู่บริเวณโซนด้านหน้า แล้วถึงได้ก้าวลงจากรถซึ่งจอดอยู่ห่างจากบริเวณทางเข้าคอนโดของเธอพอสมควร ทำให้ต้องเดินเท้าต่อไปอีกเล็กน้อย เขาคงไม่อยากให้เธอตกเป็นเป้าสายตา หรือขี้ปากของใคร ถึงไม่เลือกจอดส่งเธอบริเวณด้านหน้าที่มีผู้คนรวมตัวอยู่จำนวนมาก หญิงสาวยืนเคว้งอยู่ตรงนั้นหลายวินาที แม้ว่าบรรยากาศโดยรอบ ไม่ได้ดูสับสนวุ่นวายเหมือนตอนที่เกิดเหตุใหม่ ๆ แต่ก็ยังมีผู้คนร่วมตัวกันอยู่บริเวณนั้นค่อนข้างมาก บ้างก็กระจายหาที่นั่งพักระหว่างรอเวลา บ้างก็เดินไปเดินมา อยู่ในบริเวณแถวนั้น สองเท้าหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องมองดูเธอเป็นตาเดียว ด้วยความสนใจ แม้จะอาศัยอยู่ในคอนโดเดียวกัน แต่ก็ไม่บ่อยเลยที่จะได้เห็นนางเอกสาวปรากฏกายอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างเช่นตอนนี้ “คุณเซลีนครับ ไหวหรือเปล่า ...// นี่เดินมาเหรอคะ” คำทักทาย ถามไถ่จากคนแปลกหน้า ต่างพากันหันมาให้ความสนใจเธอ และตกใจอยู่ไม่น้อย “รับน้ำเย็นไหมครับ” “ขอบคุณนะคะ” “คนเยอะจังเลยนะคะ ยังขึ้นไปบนห้องไม่ได้เหรอคะ” หันไปถามลูกบ้านที่อาศัยอยู่ในคอนโดเดียวกัน แม้จะไม่เคยเห็นหน้า หรือเคยรู้จักกันมาก่อน แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับมีน้ำใจหยิบยื่นผ้าและน้ำเย็นจากขวดมาให้ “ครับ นิติแจ้งว่าคงอีกพักใหญ่เลย เขาขอเวลาตรวจสอบอาคารก่อนน่ะครับ” ชายคนหนึ่งบอกเล่าสถานการณ์ที่มีในตอนนี้ให้เธอได้รับทราบ “คุณเซลีนไปนั่งพักทางด้านโน้นก่อนไหมคะ” แม่บ้านของทางนิติคอนโดเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นดาราสาวที่มักเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มีใบหน้าซีดเซียว เหงื่อกาฬไหลซึมเต็มกรอบหน้า คง เพราะร้อนและเหนื่อยกับเหตุการณ์ที่เพิ่งได้พบเจอ ลิญาณามองไปยังเก้าอี้สำหรับให้แขกหรือคนอาศัยในคอนโดได้พักผ่อนในยามปกติ ติดริมสระว่ายน้ำ ด้วยความสนใจ ดีเหมือนกัน...ตอนนี้ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าจนแทบไม่มีแรงที่จะก้าวเดินแล้ว นั่งพักสักหน่อยก็คงดี หล่อนคิดอยู่ในใจ ทว่า อาการเสียดแปลบ บริเวณข้อเท้าที่เกิดจากตอนวิ่งหนีกลับสำแดงฤทธิ์จนเธอถึงกับนิ่วหน้า แต่พยายามกัดฟันเดินไปนั่งพัก อาหารมากมายที่ทุกคนต่างร่วมใจกันมาซื้อวางไว้ให้ใครได้หยิบทาน ทว่า ตอนนี้ร่างกายนางเอกสาวกลับไม่ต้องการสิ่งใด แม้กระทั่งอาหารก็ยังไม่รู้สึกหิว ทั้งๆที่เมื่อเที่ยงเธอยังไม่ได้ทานอะไรไปแม้แต่คำเดียว น่าแปลกที่เธอกลับไม่รู้สึกโหยหาอาหารเลยสักนิด ขณะนั่งพัก คิดอะไรเพลิน ๆ สายตากวาดมองผู้คนรอบกายด้วยรอยยิ้มหวาน แม้จะเหนื่อยล้าแค่ไหน แต่เพราะทุกคนในเวลานี้ต่างตกอยู่สถานการณ์เดียว จึงมีเรื่องเล่าและเรื่องให้พูดคุยกันไม่รู้จบ ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวินาทีแรกที่รู้ ไหนจะช่วงเวลาที่พากันวิ่งออกมาจากตึกสูง บ้างก็มีรอยยิ้มขบขัน บ้างก็นั่งฟังเงียบ ๆ เช่นเดียวกับเธอ กระทั่ง “คุณเซลีนครับ” เสียงทุ้มห้าว นุ่มลึกเอ่ยเรียกชื่อเธอ พลอยทำให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะชะงักค้าง ค่อย ๆ หันไปมอง ณภพ ลูกน้องคนสนิทของใครบางคน มายืนปรากฏกายอยู่ต่อหน้าเธอในเวลานี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม