วันถัดมา
ช่อขมิ้นตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารให้กับสามี แม้ช่วงล่างจะเจ็บแปลบก็เหอะและด้วยหน้าที่ของศรีภรรยาจำต้องลากร่างลงจากเตียงนอน เพื่อเตรียมทุกอย่างก่อนที่สามีจะไปทำงาน
“หอมจังเลย”วายุเดินส่งเสียงมาแต่ไกล กลิ่นของอาหารลอยเตะจมูก ทำให้สูดดมเอาความหอมเข้าปอด เขายืนมองภรรยาที่ตื่นมาเตรียมอาหารแต่เช้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหล่อนเตรียมให้พร้อม เขาแค่ตื่นนอนอาบน้ำแปรงฟัน สวมใส่เสื้อผ้าที่ภรรยาวางไว้
“ข้าวต้มกุ้งของวายุค่ะ”
“ขอบคุณครับ”ชายหนุ่มยิ้มกว้างที่ภรรยาใส่ใจ คิดไม่ผิดสักนิดที่เลือกเธอมาเป็นคู่ชีวิต ช่อขมิ้นเก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนงานครัว ทุกอย่างดูเป็นแม่ศรีเรือน เขาตักข้าวต้มที่เป็นของโปรดปรานเข้าปาก ทานมันอย่างเอร็ดอร่อย
“อื้มม อร่อยที่สุด”ว่าจบก็ตักคำสุดท้ายเข้าปาก ภรรยารินน้ำเปล่าใส่แก้วก่อนจะส่งให้ ช่อขมิ้นเก็บถ้วยข้าวต้มเข้าไปในครัว ก่อนจะรีบออกมาเพื่อไปส่งสามีขึ้นรถ
“ขับรถดีๆนะคะ”เธอพูดพลางจัดคอเสื้อและขยับเนคไทให้สามี วายุมองหน้าภรรยาด้วยหัวใจที่เต็มสุข เขารักเธอหมดใจจริงๆ
“ตอนเย็นผมไปรับนะ”
“ค่ะ รีบไปเดี๋ยวสายนะ”
“ลืมอะไรหรือเปล่าเอ่ย”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ”ว่าจบช่อขมิ้นก็หอมไปที่แก้มทั้งสองของสามี เขาเองก็หอมกลับเช่นกัน ช่อขมิ้นยืนมองรถยนต์วายุแล่นออกจากบ้านจนพ้นประตูรั้ว ก่อนจะรีบจัดการตัวเองเตรียมไปทำงาน
“ไอ้ช่อ ทางนี้”สาวร่างบางระหงลุกขึ้นส่งซิกเมื่ออีกฝ่ายมาถึง เสียงของฟ้าใสเพื่อนสนิทเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าช่อขมิ้นเดินทางมาถึงที่ทำงาน ทั้งสองเป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาล เรียนจบพร้อมกันและตัดสินใจทำงานที่เดียวกันอีกด้วย
“เกือบสายแน่ะ”ร่างบางบอกก่อนหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ในห้องอาหาร
“เป็นไง”ฟ้าใสถามเพื่อนรักถึงเรื่องเมื่อคืนด้วยน้ำเสียงจริงจัง คืนวันเข้าหอมันจะพิเศษอย่างที่ลือจริงหรือ หล่อนไม่เคยน่ะเพราะแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี
“อะไร”เธอแสร้งถามทั้งที่ทราบดีว่าฟ้าใสสื่อถึงอะไร ก่อนจะรีบทานน้ำเต้าหู้ร้อนๆที่คนตรงหน้าหิ้วมาฝากในทุกเช้ากลบเกลือนแก้อาการเขินอาย
“หืม ไอ้ช่อคงจะ...”ฟ้าใสรู้ทันเบะปากมองบน หมั่นไส้ข้าวใหม่ปลามัน เธอไม่เห็นด้วยที่เพื่อนสนิทของเธอตัดสินใจแต่งงานกับวายุ หล่อนไม่ถูกชะตาและไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะดี
“ฟ้าก็ลองมีแฟน ก็จะรู้เอง”
“ฝันไปเถอะ จะอยู่เป็นโสดจนแก่ตาย”
หล่อนบอกอย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ชอบเอาใจใครไม่อยากต้องมาตามงอนง้อเมื่อทะเลาะกัน แบบเพื่อนรักของเธอกับสามีป้ายแดง เพราะฝ่ายชายขยันสร้างเรื่องและก่อปัญหาให้เพื่อนของหล่อนต้องเสียน้ำตา
“ช่อ”
“อ้าว ดาวมานานยัง”
“ไม่นาน”เสียงหวานพูดตอบมาเบาๆขยับแว่นซึ่งเป็นนิสัยที่เคยตัวของเจ้าหล่อนไปเสียแล้ว
“กระโปรงยาวทุกวัน ไม่สะดุดขาตัวเองหรือไง”ฟ้าใสเอ่ยถาม เพราะการแต่งกายของดาวนิลทั้งแก่เหมือนคุณป้าและยังล้าสมัยอีก
“ไม่เลย ดาวชอบแบบนี้”สาวเจ้าตอบกลับเพื่อนด้วยใบหน้าที่ยิ้มเขิน ฟ้าใสที่นั่งกอดอกถึงกับมองบน ยอมแล้วในความชอบของเพื่อนคนนี้ ยัยแว่นหนาสมกับฉายาหล่อนจริงๆ
ดาวนิล เพื่อนสนิทอีกคนของช่อขมิ้นบุคลิกเป็นคนพูดน้อย แต่งตัวเชยใส่แว่นหนาเตอะ เพื่อนในบริษัทมักตั้งฉายาและเรียกว่ายัยแว่นหนา ต่างขั้วกับฟ้าใสสาวมั่นที่นั่งฝั่งตรงข้าม ไม่ว่าจะด้วยนิสัยหรืออะไรหลายๆอย่าง พวกเธอก็สามารถคบและรักใคร่ปานพี่น้องท้องเดียวกัน
“ดาวน้ำเต้าหู้ ฟ้าซื้อมาเผื่อ”ช่อขมิ้นดันแก้วให้กับเพื่อนรักที่นั่งข้างกัน
“ขอบคุณจ้า”
หลังจากที่นั่งทานอาหารเช้ากันเสร็จก็เข้าสู่เวลาทำงานอย่างจริงจัง ทั้งสามคนทำงานเป็นพนักงานของบริษัทเอกชนย่านใจกลางเมืองหลวงของกรุงเทพมหานคร
ผ่านมาเกือบสี่ชั่วโมงเต็มแต่ช่อขมิ้นก็ยังคงตั้งใจทำงานเคลียร์เอกสารกองโต ที่เลขาของเจ้านายฝากมาให้ช่วยแก้ไข ทั้งที่เป็นเวลาพักเที่ยงของเธอ
“เธอทำอะไร”เสียงดังคมเข้มดังขึ้น ช่อขมิ้นละจากเอกสารเงยหน้ามองคนมาใหม่
“คะ เอ่อ พี่วาตะจะเอาอะไรหรือคะ”หญิงสาวอึกอักเมื่อคนตรงหน้าที่ยืนคิ้วขมวดเอ่ยถาม
“พี่ถามว่าเธอกำลังทำอะไร?”วาตะชายหนุ่มรูปงามแฝดผู้พี่ของวายุสามีหล่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้มๆ เขาคือเจ้านายของช่อขมิ้นและเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนแห่งนี้ด้วย
“ทำงานค่ะ”
“ไม่ใช่หน้าที่เธอสักหน่อย”เพราะเอกสารการประมูลมันคือหน้าที่ของนิดา เลขาหน้าห้องของเขาต่างหาก วาตะหยิบแฟ้มเอกสารที่ช่อขมิ้นทำขึ้นมา
“ช่อทำเสร็จแล้วค่ะ พี่นิดากลัวพิมพ์ผิดเลยให้ช่อช่วยดู”
“แต่เธอต้องอดข้าวเที่ยงเนี่ยนะ”
เขาเอ่ยสวนขัดขึ้นมา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอจะต้องทำตามคำสั่งเลขาของเขาด้วย วายุน้องชายจะคิดยังไงหากรู้ว่าเมียถูกใช้ให้ทำงานในเวลาพักเที่ยง เป็นเช่นนั้นมันก็จะไม่ให้เมียทำงานกับเขาที่นี่ ซึ่งวาตะเองก็คงไม่ยอม
“ค่ะ ช่อเต็มใจ”หญิงสาวตอบออกไปตามความรู้สึก
“เอาเถอะ พี่อนุญาตให้เธอไปพักในเวลางานได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่อไม่หิว”เธอพูดพร้อมแสดงสีหน้าเกรงใจ ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานคิดว่าเป็นน้องสะใภ้เจ้านายจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นๆไม่ได้
“เธออยากให้วายุเป็นห่วง?”ช่อขมิ้นชะงักกึกเผลอสบตาของวาตะเข้าให้ สายตาชายหนุ่มฉายแววดุดัน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นปกติ
“ไม่กลัวปวดท้อง?”วาตะทราบดีว่าช่อขมิ้นเป็นโรคกะเพาะหากรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
“กลัวค่ะ แต่ว่า...”
“อยากให้วายุมาต่อว่าพี่”
“เอ๋ ? ไม่ค่ะ ช่อไปพักเดี๋ยวนี้ก็ได้”
“ดี งั้นรีบไปซะ”หญิงสาวก้มศีรษะเล็กน้อย ก้มหน้าเดินทอดน่องออกไปหน้าลิฟท์
“ทำไมไม่เป็นพี่”
วาตะมองแผ่นหลังบางที่ก้าวห่างออกไปช้าๆและหายเข้าไปในที่สุด ด้วยสายตาที่อาวรณ์ต่อหญิงสาวที่ตนเองรัก ทำไมไม่เป็นเขาที่หญิงสาวนั้นรัก ทั้งๆที่เขาก็รักเธอมากรักไม่แพ้ใครทั้งนั้น โดยเฉพาะวายุน้องชายฝาแฝดของเขาเอง...