ตอนที่ 3

1168 คำ
​ ช่อขมิ้นจำต้องออกมาหาอาหารทานก่อนที่โรคกระเพาะจะกำเริบ ขาเรียวคู่งามเดินทอดน่องมายังโรงอาหารที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกสูง โดยมีฟ้าใสและดาวนิลนั่งอยู่ก่อนแล้ว “เห็นม่ะ ต้องให้บอสจัดการแกถึงจะลงมา” “เฮ้อ ว่าแล้วต้องเป็นฝีมือฟ้า”หล่อนลอบถอนหายใจออกมาเมื่อคนที่ฟ้องพี่วาตะคือฟ้าใสเพื่อนซี้สุดแสบของเธอ “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้แกดื้อ”เกือบทุกครั้งที่ช่อขมิ้นโหมงานไม่ลงมาพร้อมกับเพื่อนๆ ฟ้าใสเลยแอบกระซิบบอกบอสใหญ่ด้วยช่องทางไลน์ แล้วก็ได้ผลทุกรอบ “ดาวว่า ฟ้าก็ทำถูกนะช่อ เวลาพักเที่ยงไม่ใช่ทำงาน” “ก็งานมันเร่งไง” “งานแกที่ไหนช่อ พี่นิดาก็อีกคน” ฟ้าใสเอือมระอากับความใจดีของเพื่อนซี้ โดนเบียดเบียนยังไม่รู้ตัวอีก แม่พระเหลือเกินช่อขมิ้นคนนี้ บทสนทนาเงียบเพราะใกล้เวลาเข้างานรอบบ่าย ฟ้าใสกับดาวนิลแยกตัวไปก่อน ปล่อยให้ช่อขมิ้นนั่งทานอาหารเพียงลำพัง เธอเลทได้เพราะวาตะเจ้านายสุดหล่อสั่งไว้ว่า ถ้ายังไม่หมดเวลาก็อย่าพึ่งขึ้นไป ครืด ครืด เสียงมือถือสั่นเรียกเข้าทำให้ช่อขมิ้นหยุดชะงักมือบางล้วงกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดู ริมฝีปากบางคลี่ออกจากกัน (“คิดถึงช่อละสิ”) (รู้ใจอีกแล้ว ดื้อใช่ไหมช่อ) (“ใครฟ้องอะไรคะ ช่อเปล่าดื้อซะหน่อย”) (ไม่มีครับ ช่อไม่อยากอยู่เฉยๆเหรอ) (“ไม่ค่ะ ช่ออยากทำงานมากกว่า”) (โอเคผมไม่รบเร้าแล้วก็ได้ งั้นตอนเย็นเจอกันนะ) (“ค่ะ รักวายุนะคะ”) คำว่ารักจากหญิงสาวทำชายหนุ่มยิ้มแก้มปริ เขาคิดถึงภรรยาเลยอยากได้ยินเสียงหวานๆจากเธอ พี่ชายเขาส่งข้อความมาบอกว่าช่อขมิ้นดื้อ ไม่ทานข้าวเที่ยงและนี่จึงเป็นเหตุผลรองมาจากความคิดถึงศรีภรรยา เสียงเคาะประตูดังขึ้นชายหนุ่มจำต้องละจากหน้าจอ “ทำไมไม่โทรหาผม”วายุกดปุ่มถามเลขาหน้าห้อง ไม่เข้าใจว่าจะเคาะประตูทำไม “มีผู้หญิงมาขอพบบอสค่ะ”เลขาบอกเขาให้ทราบ หลังจากที่รู้แล้วว่ามีคนมาขอพบ “เข้ามา” เขาเอ่ยเสียงเรียบนิ่งตามนิสัยส่วนตัว ประตูถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังสืบเท้าเข้ามาหาวายุด้วยรอยยิ้มที่ยั่วยวน ทว่า ชายหนุ่มกลับแสดงสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกของความตกใจ “มาทำไม”อีกฝ่ายถึงกับหน้าเจื่อนรอยยิ้มยั่วยวนหุบลงอัตโนมัติ “แหม เจอหน้าก็ทักแบบนี้เลยนะคะ”หญิงสาวตนนั้นมาหยุดยืนตรงหน้าวายุ หล่อนสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูหวาบหวิว ใบหน้าเรียวได้รูปริมฝีปากสีแดงสดกรีดยิ้มยั่วยวนอีกฝ่าย “เราไม่ควรจะเจอกันอีก” วายุพูดเสียงแข็ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายนั้นเชื่อฟัง หล่อนสืบเท้าเข้าไปหาวายุ สะโพกงามงอนหย่อนลงที่ตักของชายหนุ่ม สองแขนโอบรัดคอเขาเอาไว้แน่น “แหมแต่งงานแล้วลืมกันเลยนะคะ” หล่อนพูดกระซิบชิดริมหูหนา วายุลอบถอนหายใจออกมาเฮือกโต หล่อนไม่เคยยอมรับความจริงเลยว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ชายเพลย์บอยเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว “ลุกออกจากตัวผมเดี๋ยวนี้” เขาพูดเสียงขรึมปนความไม่พอใจที่หล่อนบังอาจมาทำตัวราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาในตอนนี้ “ไม่เอานะวายุ”นิ้วเรียวกรีดกรายบนใบหน้าสาก หล่อนจือปากอย่างเซ็กซี่หวังจะให้ชายหนุ่มนั้นจุมพิตที่ริมฝีปากของหล่อนเหมือนทุกครั้งที่หล่อนทำแบบนี้ “อย่ามาทำแบบนี้ผมมีเมียแล้ว”ดึงรั้งสองแขนให้ออกจากการโอบรัด จนหญิงสาวที่นั่งตรงตักหน้าเจื่อนและยอมจำนนลุกขึ้นออกจากตักแต่โดยดี “คุณลืมเรื่องของเราแล้วจริงๆหรือคะวายุ”วายุไม่ฟังที่หล่อนนั้นพร่ำเพ้อรื้อฟื้นความทรงจำที่เป็นเพียงอดีต แต่กลับกดเบอร์ให้เลขาหน้าห้องนั้นเข้ามาด้านใน “ว่าไงคะบอส”เลขาหน้าคมเอ่ยถามผู้เป็นนาย วายุไม่ตอบเพียงแต่ใช้สายตาเบนไปทางผู้หญิงคนนั้นซึ่งเลขาก็เข้าใจดีว่าเจ้านายสื่อถึงอะไร “เชิญคุณออกจากห้องด้วยค่ะบอสจะทำงานต่อ” เลขาสาวผ่ายมือเชื้อเชิญให้หญิงสาวคนนั้นออกจากห้องทำงาน “ไม่ต้องมาไล่ฉัน”หล่อนพูดจากระแทกลงน้ำหนักเสียงยังไม่พอใจที่ถูกกระทำอย่างนี้ “เชิญค่ะหรือจะให้ฉันเรียกรปภมาลากตัวคุณออกจากห้องนี้”เลขาสาวพูดขู่ “ยัยนั่นคงจะประจบเก่งใช่ไหม คุณถึงหลงมันขนาดนั้นบางครั้งฉันก็อดที่จะสงสารมันไม่ได้เลยนะคะที่ไม่รู้เลยว่าผัวของมันเนี่ย สารเลวแค่ไหน”คำพูดที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวตรงหน้าทำให้วายุกำมือเข้าหากันแน่น “อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของผมไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่” วายุเองก็ไม่ยอมหรอกที่จะให้ผู้หญิงคนนี้มาทำลายสถาบันครอบครัวของเขา “งั้นหรือคะ ฉันจะคอยดูความพินาศของครอบครัวคุณก็แล้วกัน” หล่อนทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายเอาไว้ก่อนที่จะสะบัดตูดเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มร่า แต่ข้างในเธอมันร้อนดั่งไฟลน ในใจหล่อนพูดว่าเกลียดผู้หญิงคนนั้น ที่ได้แต่งงานกับวายุอดีตคู่ขาของเธอ ครืด ครืด มือถือเครื่องหรูที่สามีซื้อใหม่มันสั่นถี่ ช่อขมิ้นที่กำลังแก้ไขงานกองโต จำต้องวางปากกาในมือ เบอร์ที่โชว์นั้นหล่อนไม่รู้จัก (“ช่อพูดสายค่ะ”)เสียงหวานเอ่ยทักทายปลายสาย (ไอ้ช่อฉันเอง)ปลายสายบอกเสียงร่าแนะนำตัวว่าคือใคร ช่อขมิ้นคิ้วชนกันก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง (“โทษทีนะ เราจำชื่อเธอไม่ได้”) (มันน่าน้อยใจจัง ใบบัวไงเพื่อนข้างบ้าน) (“เอ๋ ใบบัวคนที่ชอบมาเล่นกับแมวเราใช่ไหม”) (เออนั่นแหละ ออกมาเจอกันหน่อยไหม) (“ตอนนี้เราทำงาน เป็นวันอื่นได้ไหม”) (เดี๋ยวไปหาเอง ส่งโลเคชั่นมา) (“เอางั้นเหรอ”) ช่อขมิ้นอึกอักและลำบากใจไม่น้อยที่อยู่ๆเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลติดต่อกลับมา เธอจำได้เพียงเสี้ยวหนึ่ง ว่าเคยมีเพื่อนอีกคน แถมยังอยู่ข้างบ้านสมัยอาศัยอยู่ต่างจังหวัด แต่มีเหตุที่ทำให้สองคนนั้นพรากกัน เพราะอีกฝ่ายย้ายไปต่างประเทศตอนจบชั้นประถมศึกษาปีที่หกพอดี เธอถึงไม่ได้ข่าวคราวของเพื่อนคนนี้เป็นเวลาหลายสิบปี ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม