ตกเย็น
“แก้มใสกินเก่ง แต่ทำไมไม่อ้วนเลยนะ?”
เสียงแซวขี้เล่นดังขึ้นจากพี่คราม ผู้ชายที่สนิทกับทุกคนในกลุ่ม แม้เขาจะยังไม่สนิทกับแก้มใสเท่าไหร่นัก แต่เห็นคนตัวเล็กกินไม่หยุดปากเลยอดที่จะเอ่ยปากแซวไม่ได้
“ถ้าอยู่กับไอ้พวกนี้บ่อย ๆ ไม่แน่หรอกค่ะ โดยเฉพาะไอ้ฟินท์ ชอบทำอาหารแบบนี้ อีกไม่นานแก้มใสได้อ้วนขึ้นแน่นอน” แก้มใสเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยตอบ เป็นจังหวะเดียวกับฟินท์ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมจานเนื้อย่างร้อน ๆ ได้ยินเข้าพอดี
“นินทาอะไรกู?”
“เปล่า” แก้มใสตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่คราม ซึ่งอีกฝ่ายก็หัวเราะเบา ๆ เข้าใจความหมายที่เป็นอันรู้กันแค่สองคน
และทั้งหมดนั้น... อยู่ในสายตาของคินท์
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งกินข้าวไปเงียบ ๆ ทั้งที่ภายในใจครุกรุ่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ แต่เขาก็ต้องเก็บอาการเหล่านั้นเอาไว้ภายใต้ความเงียบและใบหน้าที่เรียบตึง
“อื้ม อันนี้อร่อย” เสียงหญิงสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด แก้มใสใช้ตะเกียบชี้เนื้อส่วนที่อร่อยที่สุดตรงหน้า บอกทุกคนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอของอร่อย
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ” ครามที่เห็นดังนั้นก็สละชิ้นที่เป็นของตัวเองคีบใส่จานให้คนตัวเล็ก
“กูขอส่วนนี้ กูชอบ” เพลงที่นั่งข้างๆ เขาใช้ตะเกียบคีบแย่งเข้าปากในทันที
“ตะกละแดกแบบนี้ประจำ” แก้มใสหันไปมองค้อนพูดใส่เพลงในทันที
“ก็มันอร่อยนี่หว่า" คนโดนว่าไม่สะทกสะท้านอะไร หนำซ้ำยังแสดงสีหน้าเย้ยหยันใส่เพื่อนสาวตัวเล็กอีกด้วย
แก้มใสไม่รู้จะว่าอะไรเพื่อนคนนี้ดี จึงเลิกสนใจเขา หันมาเจื้อยแจ้วกับครามที่นั่งตรงข้ามต่อ
“เคล็ดลับกินแล้วไม่อ้วนของแก้มใส คือกินกับผักเยอะๆ ค่ะ” มือเล็กหยิบผักตรงหน้ามาห่อเนื้อทำเป็นตัวอย่างให้ครามดู
“อย่างนี้นี่เอง” ครามเองก็ตั้งใจดูสิ่งที่คนตัวเล็กทำให้ดูพลางพยักหน้าตาม โดยมีสายตาของคินท์ลอบมองเป็นระยะ หากแต่หูของเขากำลังฟังทั้งสองพูดคุยกันอย่างตั้งใจ
“พี่กินผักไหม”
“ก็บางชนิดนะ”
“ลองกินแบบห่อผักดูนะคะ” มือเล็กยื่นผักที่ห่อด้วยเนื้อไปตรงหน้าคราม
“ขมไหม” ครามถามอย่างลังเล
“ไม่ขมค่ะ ถ้าผักดี ๆ จะไม่ขมเลย” พูดจบมือเล็กก็ยื่นเข้าไปใกล้ขึ้นอีก
และในวินาทีต่อมาใบหน้าสวยก็ชะงักนิ่ง ตัวแข็งทื่อ
เมื่อครามกินผักห่อเนื้อจากมือของเธอ กลายเป็นว่าเธอป้อนเขาไปโดยปริยาย
“อื้ม อร่อย” ครามยิ้มร่าหน้าบานปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ มองใบหน้าหวานด้วยสายตาหยาดเยิ้มดีใจ คิดว่าแก้มใสตั้งใจทำมันเพื่อป้อนเขาโดยเฉพาะ
ซึ่งก็ช่ เธอทำให้เขา แต่ไม่ได้จะป้อนเขาด้วยมือแบบนี้
ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วใบหน้าหวานจึงยิ้มเจื่อน ๆ ให้คนตรงหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
พรึบ! “กูอิ่มแล้ว”
คินท์ลุกขึ้นทันทีหลังจากเห็นแก้มใสป้อนอาหารให้คราม แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ แต่ภาพนั้นมันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก
เสียงทุ้มต่ำที่เปล่งออกมานั้นชัดเจนว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง
แก้มใสชะงักไปครู่หนึ่ง มองตามแผ่นหลังกว้างที่หายเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน
...หรือว่า...
...เขาจะโกรธ?
แต่โกรธเรื่องอะไร?
เธอกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อไป โดยไม่รู้เลยว่าภายในใจของใครอีกคนกำลังปั่นป่วนแค่ไหน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…
เสียงน้ำไหลจากก๊อกกระทบกับอ่างล้างจาน แก้มใสถอนหายใจเบา ๆ พลางถูฟองน้ำลงบนจานใบหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย นี่เป็นอีกครั้งที่เธอต้องรับหน้าที่ "คนล้างจาน"
“ให้ตายสิ…”
สายตาของเธอมองจานกองโตที่ยังล้างไม่เสร็จอีกเป็นตั้ง ๆ
นี่มันกี่ครั้งแล้วนะ…? ที่เธอต้องเป็นคนรับหน้านี้ เธอจำไม่ได้ว่ามันกลายเป็นกฎตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที ทุกครั้งหลังปาร์ตี้จบ มันจะเป็นเธอเสมอที่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้
‘เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มใช่ไหม?’
นึกแล้วก็หงุดหงิด!
มือเรียวยังคงขยับขัดจานไปเรื่อย ๆ ขณะที่ฟองน้ำยาล้างจานสีขาวปกคลุมเต็มอ่าง
แกร๊ก
เสียงบางอย่างถูกวางลงข้างตัวเธอ เธอเหลือบมองผ่านหางตา ก็เห็นว่าเป็น จานใบใหม่ที่เพิ่งถูกเอามาวางเพิ่ม!
แก้มใสพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะบ่นอย่างเบื่อหน่าย
“ยังไม่หมดอีกเหรอฟินท์? ง่วงแล้วอะ…”
เธอไม่ได้เงยหน้ามอง เพราะคิดว่าต้องเป็นฟินท์แน่ ๆ
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างสูงข้าง ๆ และกลิ่นหอมจาง ๆ จากน้ำหอมที่เธอจำได้ขึ้นใจ เธอก็ต้องหยุดมือชะงัก
เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น…
คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ฟินท์
แต่เป็นคินท์!
เธอเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปากโดยอัตโนมัติ
“กับคนอื่นพูดเพราะจังนะมึง”
เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น แฝงไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
แก้มใสกะพริบตาปริบ ๆ พยายามจับความหมายในคำพูดของเขา ก่อนจะนึกย้อนกลับไปถึงช่วงมื้อเย็น…
ใช่… เธอหัวเราะ พูดคุย และดูสนิทกับ พี่คราม พี่ชายต่างพ่อของเขามากกว่าปกติ
‘นี่เขากำลังไม่พอใจ? หรือแค่พูดลอย ๆ ?’
เธอจ้องมองใบหน้าของคินท์อย่างจับผิด พลางขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
“แล้วไง? กูจะพูดกับใครยังไง มันก็เรื่องของกูปะ?”
เธอจ้องตาเขาตรง ๆ ไม่ยอมแพ้ หากแต่ในใจกลับรู้สึกน้อยใจลึก ๆ
เธอไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่…
ไม่อยากเจอ ไม่อยากพูดคุยกัน… แล้วจะทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
พอคิดแบบนั้น เธอก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“มาก็ดีแล้ว ล้างต่อเลย กูง่วง ไม่ไหวแล้ว”
ว่าแล้วก็ถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินออกจากห้องครัวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คินท์ยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
แต่ทว่าทันทีที่แก้มใสเดินออกมากลางห้องโถง กลับพบว่ามีเสียงเกมดังมาจากหน้าจอทีวีตรงกลางห้อง ทุกคนยังคงนั่งเล่นกันอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน ดวงตาคู่หวานที่ใกล้จะปิดเมื่อครู่เบิกกว้างในทันทีเมื่อเห็นทุกคนกำลังนั่งกดเกมเล่นกันอยู่
"อ้าว? นึกว่าขึ้นไปนอนกันหมดแล้ว" แก้มใสเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าทุกคนอย่างแปลกใจ เวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว คิดว่าทุกคนควรจะง่วงกันได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าพวกนี้กำลังนั่งจ้องหน้าจอทีวีเล่นเกมต่อสู้ กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
"ยัง" ฟินท์ตอบ พร้อมพยักพเยิดให้เธอเข้ามา
"เออมึงมาก็ดี มาเล่นแทนไอ้ไทม์ที" เพลงเอ่ยขึ้น พลางยื่นจอยเกมมาให้เธอ
เกมที่พวกเขากำลังเล่น เป็นแนวต่อสู้ที่เธอไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ส่วนทีมตอนนี้คือฟินท์กับเพลง อยู่ทีมเดียวกัน ส่วนพี่ครามกับไทม์อยู่ทีมตรงข้าม แต่เพราะไทม์จะออกไปคุยโทรศัพท์ เลยต้องหาคนมาเล่นแทน
แก้มใสจ้องมองจอยเกมตรงหน้าก่อนจะเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฟินท์กับเพลง
“ยิ้มเหี้ยไรแปลก ๆ วะ?”
เธอถามเสียงเรียบ แต่สองคนนี้กลับไม่ตอบ มีแต่รอยยิ้มกวนประสาทที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจอย่างแรง
แต่ถึงอย่างนั้น แก้มใสก็ยอมรับจอยเกมมา ก่อนจะนั่งลงข้างพี่คราม