ทันทีที่เกมเริ่มขึ้น แก้มใสก็ตื่นเต้นอย่างงุนงง
เธอแทบไม่เคยเล่นเกมพวกนี้แบบจริงจังมาก่อน เลยได้แต่นั่งซุ่มอยู่หลังกำแพง รอดูสถานการณ์
"แก้มใส ซ้าย!"
"ค่ะ!"
เธอขานรับทันที และทำตามที่ครามบอกอย่างว่าง่ายผิด
ฟินท์กับเพลงที่นั่งข้าง ๆ เริ่มทำหน้าเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นพี่ครามพาเธอเข้าไปใกล้จุดชนะ
"แก้มใส ยิงเลย!"
"กดตรงไหน อ๊ะ! ได้แล้ว!"
ปัง!!
"เชี่ย! แก้มใส!"
เสียงสบถของฟินท์กับเพลงดังลั่นเมื่อเห็นว่าแก้มใสปิดเกมได้อย่างสวยงาม!
เธอชนะ!
"เย้!! เราชนะ!"
แก้มใสยกมือขึ้นไฮไฟว์กับพี่ครามด้วยความตื่นเต้น สะใจสุด ๆ ที่เอาชนะพวกฟินท์กับเพลงได้
“เหี้ยเอ้ย แพ้ได้ไงว่ะ” เพลงหัวเสียไม่เลิก
“ไอ้พวกอ่อน” แก้มใสที่เอาชนะเพื่อนชายได้ก็เยาะเย้ยไปที
“เพราะพี่ครามหรอก” เพลงจ้องตาเขม็งใส่เธออย่างไม่ยอมง่าย ๆ
“ตัว ๆ ไหมล่ะ” แก้มใสที่ได้ใจกำลังสนุกก็นึกอยากท้าแข่ง
“เอาไหมล่ะ ใครแพ้แดกเหล้าหมดแก้ว” ฟินท์เองก็เห็นด้วย
“เพียว ๆ ด้วย” เพลงก็เสริมทับต่อ หมั่นไส้เพื่อนสาวเต็มทน
“ได้ดิ” แก้มใสรับคำท้าทันที
“เก่งไม่ไหว” ไทม์ที่ยืนดูอยู่นานเอ่ยพูดขึ้นเพราะเพื่อนสาวคนนี้ทั้งคออ่อน ทั้งไม่เก่งเล่นเกมแต่รับกลับกล้าคำท้าของเพลงและฟินท์อย่างมั่นใจในตัวเองสุด ๆ ทั้งที่ตาก่อนหน้าที่เธอชนะได้ก็เพราะคราม
“กูไม่แบกนะ” ฟินท์ที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอ่ยหนีความรับผิดชอบเป็นคนแรก
“เออน่า กูนอนแม่งตรงนี้ก็ได้ จะเล่นไม่เล่น” คนตัวเล็กที่คันมือเต็มทนเอ่ยพูดให้จบ ๆ ไป
“ชอบความกล้าของมึงว่ะ” เพลงที่นั่งข้าง ๆ ตบไหล่เพื่อนสาว
“มา ๆ กูเริ่มก่อนชักจะง่วงแล้ว” ฟินท์เอ่ยพูดพร้อมกับกดเข้าเกม
เริ่มเล่นไปได้ไม่กี่วินาทีก็เริ่มรู้ถึงสถานะการ
“เหี้ย มึงขี้โกงอ่า”
เสียงแหลมดังเจื้อยแจ้วไปถึงในครัว
เป็นจังหวะเดียวกับที่คินท์ล้างจานเสร็จพอดี มือหนาล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงและก้าวออกจากครัวมุ่งมายังพื้นที่ที่ทุกคนนั่งอยู่
“มึงไม่เก่งยอมรับเถอะว่ะ อย่าพูดมาก ยกให้หมด”
สายตาคมมองไปยังเพลงที่กำลังยื่นเหล้าเพียว ๆ ให้คนตัวเล็กด้านข้าง
มือเรียวของแก้มใสก็รับมาอย่างหน้าเสีย จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งท่ามกลางสายตาของทุกคน
และในขณะที่มือเล็กกำลังจะยกแก้วขึ้นเพื่อดื่ม
หมับ
“พี่ดื่มแทนเราเอง” ครามจับเข้าที่ข้อแขนเรียวของแก้มใส
คินท์ที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ เด้งตัวลุกขึ้นทันที!
แววตาคมกริบฉายชัดถึงความไม่พอใจ
"ไม่ได้พี่!"
เพลงจับมือครามออกจากแขนเรียวของเพื่อนสาวในทันที
เห็นดังนั้นคินท์ก็กลับมานั่งพิงโต๊ะตามเดิมเพิ่มเติมคือเขากอดอกจ้องมองหน้าตึง
การกระทำของคินท์ปรากฏต่อสายตาของไทม์ที่ยืนมองทุกคนผ่านกระใสจากด้านนอกมาสักพักแล้ว
“ใครอีกไหมเรียงตัวมาเลย” เมื่อฤทธิ์ขมบาดคอร้อนผ่าวเข้าสู่ร่างกาย เลือดนักสู้ที่มีอยู่ในตัวก็พุ่งขึ้นเป็นหลายเท่า
สิ้นเสียงท้า เพลงก็จัดแจงแข่งกับเพื่อนตัวเล็กต่อ
ต่อมาก็เป็นไทม์ที่เดินเข้ามา และเป็นฟินท์ที่ขอแข่งอีกเพราะอยากมอมเหล้าเพื่อนสาวที่ชอบอวดเก่ง
อยากให้เธอได้ดื่มเยอะ ๆ จนอ้วกจะได้เข็ดหลาบ
เวลาผ่านไป…
“เหี้ย กูแพ้ทุกคนเลย” เสียงหวานแหลมหูที่ท้าทายแข่งในตอนต้น ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงยานเอ่ยปากบ่นไม่หยุด
“กูเตือนมึงแล้ว” ฟินท์เอ่ยพูด แต่เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขอแข่งกับคนตัวเล็กหลายรอบมากกว่าใคร ๆ
“ใครจะแบกมันล่ะทีนี้” เพลงพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองเพื่อนสาวด้านข้างที่กำลังหัวพับคออ่อนส่ายไปมา
“กูยังไหว” แก้มใสได้ยินทุกคำที่เพื่อนทั้งสองพูดถึง แต่แค่ทรงตัวไม่อยู่เท่านั้นเอง
ร่างบางยืนขึ้น พยายามจะขึ้นไปด้านบนด้วยตัวเอง แต่แล้ว...
“อ๊ะ” บ้านก็หมุนแรงจนทรงตัวไม่อยู่
หมับ
แขนแกร่งของครามประคองร่างบางได้ทันพร้อม ๆ กับคินท์
สองพี่น้องต่างจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ปล่อยมันให้ไอ้คินท์เถอะพี่” ไทม์เอ่ยพูดขึ้น
ครามจึงปล่อยแขนแกร่งออกจากร่างบางและถอยห่างออกมา
จากนั้นคินท์ก็จัดการอุ้มร่างบางในท่าเจ้าสาวหันก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองในทันที
“เวียนหัว เบา ๆ หน่อยดิวะคินท์” เสียงเล็กเอ่ยพูดขึ้นเมื่อจังหวะก้าวเดินขึ้นบันไดของคินท์มันทำให้เธอเวียนหัวยิ่งกว่าเดิม
“ยังดีที่มีสติรู้ว่าเป็นกู” สายตาคมก้มมองคนตัวเล็กเพียงแวบเดียว ก่อนจะมองตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ทำเหมือนจะไม่สนใจในคำพูดของเธอ แต่ก็ยอมค่อย ๆ ก้าวทีขึ้นละขั้นอย่างเบาเท้า
“ก็เป็นมึงทุกครั้ง” แขนเรียวยกคล้องคอแกร่ง ใบหน้าหวานซบลงอก ที่รู้ว่าเป็นคินท์เพราะกลิ่นน้ำหอมจากตัวเขา
เธอจำกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของคินท์ได้ดี มันหอมเป็นพิเศษเมื่ออยู่บนตัวเขา
“แขนมึงแข็งทำกูเจ็บ” แก้มใสเอ่ยพูดไม่หยุดและกระชับแขนเรียวที่คล้องคอแกร่งแน่นยิ่งขึ้น จนใบหน้าหวานเริ่มเข้าใกล้ซอกคอของเขาเรื่อย ๆ
“ทำไมต้องเป็นคนมาส่งกูทุกครั้งด้วย” เสียงหวานพูดอยู่ที่ข้างหูเขาไม่หยุด
“เมาแล้วก็ชอบถามมาก” ลมอุ่น ๆ จากปากเพื่อนสาวทำเอาคินท์ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“เพราะมึงชอบกูไง ถึงมาส่งกูทุกครั้ง” เธอไม่ได้ยินคำพูดของคินท์เลยสักนิด เอาแต่ถามเองและตอบเองในภวังค์ของเธอ
“ฉลาดอยู่เหมือนกันนี่” ริมฝีปากหนายกยิ้ม พร้อมกับวางร่างบางลงบนเตียง
“แล้วไงกูต้องชอบมึงตอบไหม” เพราะแขนเรียวยังคล้องที่คอแกร่งอยู่ทำให้เขาต้องโน้มตัวลงไปตาม
“ไม่จำเป็น แต่มึงอย่าไปรู้สึกกับคนใกล้ตัวกู” ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันเพียงคืบ
“หึง กูเหรอ…” ตาหวานเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเพื่อจ้องดวงตาคมคู่หน้าให้ชัด ๆ
“…สบายใจได้ กูไม่คบคนใกล้ตัวกูเหมือนกัน” จากเสียงยาน ๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เมื่อเป็นประโยคนี้ เธอกลับพูดได้ชัดเจนขึ้นเหมือนคนปกติ สายตาก็จริงจังอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองจ้องตากัน เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอสื่อเป็นอย่างดี
ว่าคนใกล้ตัวที่เธอหมายถึง นั่นก็คือ เขาเอง
“นอนลงไป” คินท์พยายามแกะมือเล็กออกจากคอแกร่ง
หมับ! มือเล็กเปลี่ยนจากคอแกร่งมากอบกุมใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้
แขนทั้งสองข้างของคินท์ก็เปลี่ยนมาค้ำยันไว้กับเตียงคร่อมร่างบางไว้เช่นกัน
“ผิวมึงโคตรดีเลย กูนี่ประโคมครีมทาเป็นถังแล้ว ทำไมผิวยังไม่ดีเท่ามึงเลยนะเนี่ย” เสียงหวานกลับมายืดยานเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อีกครั้ง
“ไหน ขอดูหน้าชัด ๆ ดิ”