อย่ามองแบบนั้นอีก

1469 คำ
พีรญาก้าวออกจากมุมวีไอพีของชั้นสองอย่างรวดเร็ว เธอรีบเดินลงบันไดทันทีหลังปฏิเสธข้อเสนอที่น่ารังเกียจของนรสิงห์ ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่เพียงความโกรธ แต่เป็นความเจ็บปวดลึก ๆ ที่ถูกหยามเกียรติ ลมหายใจของเธอร้อนผ่าวจนเหมือนมีไฟจุดอยู่ในหน้าอก ไม่ใช่แค่โกรธที่เขาเสนอเงินแต่เสียใจอย่างที่สุด ที่ผู้ชายที่ดูดีมีการศึกษาและมีท่าทีสง่างามคนหนึ่ง กลับมองเธอว่าเป็นเพียงสินค้าที่ความจนทำให้เขาเสนอซื้อได้ทั้งที่เธอพยายามต่อสู้และรักษาศักดิ์ศรีอันเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ เสียงดนตรีในผับยังคงดังอย่างต่อเนื่อง พอเธอเดินลงมาถึงชั้นล่างบรรยากาศในร้านก็ยังคงวุ่นวาย แต่สำหรับเธอแล้วทุกอย่างมันไม่สนุกเลยสักนิด เสียงเพลง เสียงหัวเราะดัง ๆ เสียงแก้วกระทบกันมันเหมือนลอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเสียงเบา ๆ ที่อื้ออึงอยู่ในหู เธอกำลังสร้างกำแพงเพื่อป้องกันไม่ให้ความจริงเข้ามาทำร้ายได้มากกว่านี้ “พรีม เป็นอะไรน่ะ หน้าแดงเชียว” พลอยลดาเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงหลังเห็นสีหน้าเธอที่ซีดสลับแดงอย่างผิดปกติ “เปล่า ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย” พีรญาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วฝืนยิ้ม แต่เสียงเธอสั่นจนเพื่อนจับได้ว่ามันไม่ใช่ความเหนื่อยธรรมดามันคือเสียงที่ใกล้จะเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ประโยคเดียวที่ยังคงติดอยู่ในหัว และกรีดซ้ำแผลในใจของเธอ ‘มาอยู่กับฉัน ฉันจะปลดหนี้ให้ แล้วให้เงินเดือนด้วย’ มันวนซ้ำเหมือนแผลที่โดนกรีดซ้ำด้วยมีด คำพูดนั้นมันบาดลึกและเจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะมีเจตนาดีหรือไม่ สำหรับคนจนที่ต้องมาทำงานในที่มืดมิดเช่นเธอ คำพูดนั้นมันหมายถึงการมองว่าความจนทำให้เธอไร้ค่าและขายตัวได้ง่าย ๆ นรสิงห์ ไม่ได้มองเธอด้วยความสงสารแต่เขามองเธอเป็นสิ่งของที่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน หญิงสาวกลับไปทำงานต่อทั้งที่ใจยังว้าวุ่น การฝืนยิ้มและการรับแก้วจากลูกค้าแต่ละคนกลายเป็นความกดดัน ทุกสัมผัสที่ลูกค้าแตะต้องแขนหรือพูดจาแทะโลมเธอ รู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติมจากบาดแผลที่เพิ่งได้รับมา ด้านบนของมุมวีไอพีนรสิงห์กำลังหงุดหงิดไม่แพ้กัน หลังพีรญาเดินออกไป เขาทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟามองแก้ววิสกี้ในมือสมองกำลังคิดถึงการแก้ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้น นรสิงห์รู้ทันทีว่าตัวเองได้พูดอะไรที่ผิดพลาดออกไป มันเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน “บ้าเอ๊ย… ทำไมฉันพูดแบบนั้นวะ” เสียงสบถเบา ๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอของศัลยแพทย์ผู้เยือกเย็น ทั้งที่ตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปช่วย มอบความปลอดภัยและทางออก ให้กับผู้หญิงที่ทำให้เขาหวั่นไหวคนแรกในรอบหลายปี แต่กลับพูดออกไปเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ใช้เงินซื้อผู้หญิงมาบำเรออารมณ์ “แล้วทีนี้จะทำยังต่อวะเนี่ย” เขาไม่อยากให้เธอลำบากแบบนี้ ไม่อยากเห็นเธอยืนท่ามกลางผู้ชายเมา ๆ ที่พร้อมลวนลามเธอทุกนาทีที่เธอเดินผ่านความรู้สึกหวงแหนที่แปลกประหลาด มันทำให้เขาตัดสินใจพูดอย่างไม่คิดและเขารู้ดีว่าเธอต้องโกรธมากอย่างแน่นอน สุรัชเดินกลับขึ้นมาพร้อมเครื่องดื่มของตัวเองในมือ สีหน้าของเพื่อนรักทำให้เขารู้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผน “คุยกันรู้เรื่องไหม” เขาถามก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “ไม่” นรสิงห์ตอบสั้น ๆ แล้ววางแก้ววิสกี้เปล่าลงอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ทะเลาะกันเหรอ” “ฉันเสนอช่วยใช้หนี้แล้วแต่เธอเข้าใจว่าฉันจะซื้อตัวเธอ” สุรัชมองหน้าเพื่อนแล้วถอนหายใจยาว “เออ....ก็ฟังดูเหมือนจริง ๆ แหละ” น้ำเสียงสุรัชเต็มไปด้วยความหน่ายใจในความตรงของเพื่อน “ฉันตั้งใจดีนะแต่ปากมันดันพูดออกไปแบบนั้น” “นายไม่เข้าใจเธอหรอกสิงห์ ผู้หญิงที่ลำบากอย่างพรีม เธออาจจะไม่เหลืออะไรเลยนอกจากศักดิ์ศรี พวกเธอจะระวังรักษาศักดิ์ศรีมากกว่าความสบายเสียอีก คำพูดของนายมันเหมือนไปกรีดแผลของเธอเข้าให้” สุรัชเท้าแขนบนพนักโซฟา นรสิงห์นั่งเงียบเขารู้ว่าตัวเองผิดเต็ม ๆ ความรู้สึกผิดนั้นบาดลึกกว่าบาดแผลจากการผ่าตัดใด ๆ ที่เขาเคยทำมา “แล้วกะยังไงต่อ จะปล่อยไว้แบบนั้นเหรอ” สุรัชถามอย่างเป็นห่วงในความสัมพันธ์ที่ยังไม่ทันได้เริ่ม นรสิงห์เงียบไปนานก่อนยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัด “ฉัน....ไม่อยากให้เธอเข้าใจว่าฉันดูถูกเธอ” คำพูดนั้นทำให้สุรัชเริ่มรู้แล้วว่าศัลยแพทย์ผู้เคร่งขรึมคนนี้ไม่ได้แค่สนใจผิวเผินแต่เขาสนใจจริงและดูท่าจะเสียศูนย์กับการปฏิเสธของเด็กดริ๊งค์คนนี้ไม่น้อย พอเข็มนาฬิกาเลยตีสองเสียงในร้านก็เริ่มเบาลงจนเกือบเป็นความเงียบ ลูกค้าคนสุดท้ายทยอยกลับออกไป พนักงานเริ่มเก็บโต๊ะ เก็บแก้ว เช็ดเคาน์เตอร์และนั่นหมายถึงการทำงานที่แสนสาหัสของพีรญาในคืนที่สองจะสิ้นสุดลงแล้ว พีรญาเดินออกมาหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องพักพนักงาน ความเหนื่อยล้าและความง่วงทำให้เธอตาของหญิงสาวแทบจะปิด ความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่ยังไม่จางหาย เธอสวมเสื้อคลุมบาง ๆ สีเทาทับชุดเดิมเตรียมกลับหอพักที่อยู่ไม่ไกล พีรญาพยายามปรับสีหน้าไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมา แต่พอเดินพ้นประตูบานใหญ่สู่แสงไฟสลัวของถนนหญิงสาวก็ชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นว่าหมอนรสิงห์รออยู่ เขายืนพิงรถยุโรปสีดำคันใหญ่อยู่ตรงหน้าร้าน ท่ามกลางความเงียบของยามดึก ดวงตาคู่นั้นยังคงคมและนิ่งเหมือนเดิมแต่ดูมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป มันไม่ใช่ความนิ่งของความเย็นชา แต่เป็นความนิ่งของคนที่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกบางอย่าง พีรญาชะงัก ลมหายใจเธอสะดุดหญิงสาวรู้สึกความประหม่าและความสับสนที่ได้เจอเขาอีกครั้ง “คุณหมอยังไม่กลับเหรอคะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปแข็งและเย็นชาอย่างผิดปกติเพื่อสร้างเกราะป้องกันตัวเอง เขาก้าวเข้ามาใกล้ ๆ แต่เว้นระยะห่างไว้เพราะเข้าใจดีว่าเธอคงไม่อยากให้เขาเข้ามาใกล้เกินไป “ฉันรอเธอ” “รอพรีมทำไมคะ” “อยากคุย” “ไม่จำเป็นค่ะ พรีมว่าคืนนี้พอแล้ว” พีรญาส่ายหน้า ความอดทนของเธอหมดลงแล้ว “พรีม... ฉันขอโทษนะ ฉันพูดไม่คิด ฉันไม่ได้ตั้งใจดูถูกเธอเลย” สายตาของเขาเหมือนคนที่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดทั้งหมด ไม่มีความเย่อหยิ่งใด ๆ ในท่าทีของเขาอีกแล้ว พีรญากัดริมฝีปากแน่นไม่ใช่เพราะโกรธอีกต่อไป แต่เป็นเพราะคำขอโทษที่ดูจริงใจของเขามันทำให้เธอเกือบจะใจอ่อนและยอมรับมันง่าย ๆ แต่เธอฝืนไว้เพราะถ้าเธออ่อนแอในตอนนี้ ศักดิ์ศรีของเธอจะพังทลายลงทันที “คุณหมอไม่ต้องขอโทษค่ะ แค่อย่ามองพรีมเป็นผู้หญิงแบบนั้นอีกก็พอ” นรสิงห์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย คล้ายการยอมรับความผิดและเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไข “ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีก... ฉันสัญญา” เธอไม่อยากฟังอะไรอีกแล้วอยากรีบกลับไปพักอยากปล่อยน้ำตาไว้กับหมอนไม่ใช่ต่อหน้าเขา “งั้นพรีมกลับก่อนนะคะ” เธอหมุนตัวจะเดิน แต่เสียงเขาก็ดังขึ้นตามหลังเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจจนเธอต้องชะงักเท้า “พรีม... ฉันไม่ได้คิดว่าเธอซื้อได้ ฉันแค่... ไม่อยากเห็นเธอลำบากคนเดียว” เธอนิ่งและหันมองหน้าเขาเพราะคำพูดที่ดูจริงจังและสำนึกผิดของคุณหมอหนุ่มนั้นดึงดูดความสนใจของเธอมากกว่าคำเสนอเงินใด ๆ “พรีมลำบากได้ค่ะ แต่พรีมไม่ขายตัวให้ใคร” “ฉันรู้แล้ว... และฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ” “ค่ะ กลับดี ๆ นะคะหมอ” เธอบอกก่อนจะขี่จักรยานยนต์ออกไปตามทางที่มุ่งสู่หอพัก ความรู้สึกระหว่างทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม