5 สายตาที่จ้องมอง

1645 คำ
“ฮัดเช้ย! อะไรกันเนี่ย ทำไมเราถึงจามไม่หยุดเลย” ไมลีย์พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว เมื่อช่วงดึกของวันหลังจากที่เขานั่งทำสรุปเพื่อเอาไว้อ่านตอนใกล้สอบเสร็จครบทุกวิชาแล้ว เขาก็ได้พาตัวเองขึ้นมาอยู่บนเตียงนอนเพื่อพักผ่อนตามปกติ แต่เพราะมันยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนที่จะถึงเวลาเข้านอน ไมลีย์จึงหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเปิดซีรีส์วายที่เขายังดูไม่จบขึ้นมาดูให้จบ ๆ ไป โดยทุกอย่างมันก็ดำเนินไปตามปกติเหมือนอย่างทุกวัน เขามักจะชอบใช้ช่วงเวลานี้ในการนอนเล่นโทรศัพท์ ทว่าครั้งนี้มันกลับต่างไปจากทุกครั้ง เนื่องจากไมลีย์จามสามครั้งติดกัน “คนเอเชียเขาบอกว่าถ้าจามแบบนี้ แสดงว่ากำลังมีคนนินทาเราอยู่…แล้วใครกันล่ะ” เพราะไมลีย์เสพสื่อฝั่งเอเชียมาค่อนข้างเยอะ และหลายครั้งเขาก็มักจะรับรู้ความเชื่อของชาวเอเชียผ่านบทหนังหรือบทละคร นั่นจึงทำให้เขาเอ่ยออกมาแบบนั้นและเริ่มขบคิดในหัวว่าตอนนี้ใครน่าจะกำลังพูดถึงเขาอยู่ “ต้องเป็นพวกสามแฝดแน่ ๆ” ไมลีย์เอ่ย นาทีเดียวกันใบหน้าของเขาก็เริ่มฉายความเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขานึกถึงคำโกหกของตัวเองที่มันกำลังตามติดเขา ราวกับเป็นเงาบาปตามตัว แม้ในตอนนั้นไมลีย์จะอยู่ในสถานการณ์คับขันและเขาไม่ได้อยากโกหกสามคนนั้นเลยแม้แต่นิด แต่ยังไงปลายทางเขาก็ทำมันลงไปอยู่ดี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคำโกหกเล็ก ๆ ของเขาในวันนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตหรือเปล่า เนื่องจากนับตั้งแต่วันนั้นที่ไมลีย์บอกทั้งสามแฝดไปอย่างนั้น ทั้งหมดก็ไม่ได้พยายามเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกเลย โดยมันก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอก ไมลีย์รู้สึกพอใจมากที่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ชีวิตของเขาค่อนข้างสงบสุข แต่เพราะทุกอย่างมันดูง่ายเกินกว่าที่ควรจะเป็นนี่สิ ไมลีย์เลยกลัวว่ามันจะมีเหตุการณ์ที่เขาไม่คาดคิดเกิดขึ้น บางทีการที่ทั้งสามแฝดหายไปจากชีวิตเขา มันอาจเป็นเพราะพวกเธอกำลังวางแผนทำบางอย่างก็เป็นได้หรือไม่พวกเธอก็อาจกำลังหาวิธีการมาพิสูจน์ความจริงจากคำพูดของเขา เพราะดูท่าแล้วพวกเธอไม่น่าจะเชื่อคำพูดของไมลีย์ในทันที ต่อให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยโกหกพวกเธอเลยก็ตาม อีกฝั่งหนึ่ง “ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมคนในมหาลัยถึงเลือกที่จะเชื่อคำพูดไร้สาระพวกนั้นกัน นายกับเด็กบ้านเอสพรีเนี่ยนะ มันดูมีความเป็นไปได้เหรอ” “ก็แปลกใจเหมือนกันที่คนเลือกที่จะเชื่อข่าวบ้า ๆ นั่น” ไจโรเอ่ยพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์โมโหของตัวเอง หลังเขาไม่คิดว่าลางสังหรณ์ของเขามันจะแม่นยำได้ถึงขนาดนี้ “แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อ? ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปแล้วก็คอยแก้ข่าวแบบนี้เรื่อย ๆ เหรอ” เพื่อนของไจโรถามกัน “ไม่มีทางซะหรอก เรื่องอะไรที่จะทำแบบนั้น” ไจโรให้คำตอบกลับไปทันที เพราะเขาไม่ใช่พ่อพระที่จะคอยแก้ข่าวให้ตัวเอง ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “มันต้องเล่นคนต้นเรื่องสิ ใครเป็นคนเริ่มคนนั้นนั่นแหละที่ต้องคอยตามแก้ปัญหาให้ฉัน” “แล้วจะทำยังไง?” “ไม่บอก” ไจโรให้คำตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเขาต้องการขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ต่างบ้านกัน “ตอนนี้นายพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า ฉันมีธุระสำคัญที่อยากขอความช่วยเหลือจากนาย” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทันทีที่คนปลายสายกดรับเรียบร้อยแล้ว ไจโรก็พูดเข้าประเด็นอย่างไม่รีรอ [ตอนนี้ก็ไม่ว่างหรอก แต่ก็คุยโทรศัพท์ได้] คนปลายสายบอกกลับมาแล้วถามกัน [นายอยากได้ข้อมูลของใครอีกล่ะ?] “ไมลีย์ โจนส์ เด็กบ้านเอสพรี” [ฮะ? เดี๋ยวนี้ไปสนใจเด็กบ้านนั้นแล้วเหรอ ไหนนายเคยบอกว่านายไม่ชอบเด็กเนิร์ดแสนเรียบร้อยไง] คนปลายสายซักไซ้ต่อด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากในบรรดาเพื่อนของไจโร ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเขาชอบสไตล์แบบไหน “ไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนั้นหรอก แต่พอดีมันเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ และฉันต้องคุยกับหมอนั่นโดยด่วน” […] “ตกลงว่ายังไง นายพอจะหาให้ฉันได้หรือเปล่า ไม่เอาข้อมูลส่วนตัวนะฉันขอเป็นตารางเรียนของหมอนี่เลย” ไจโรทวงคำตอบ เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าคนปลายสายเงียบไป [ฉันจะลองหาให้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าหาได้เดี๋ยวส่งเข้าไปในเมลเดิม] “ขอบคุณมาก ไว้ถ้าเราได้เจอกันอีกตอนไหน ฉันจะตอบแทนนายอย่างดีเลย” ไจโรเอ่ย ซึ่งนั่นก็ทำให้คนปลายสายถึงกับกลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอด้วยความชอบใจ [ฮ่า ๆ มันต้องแบบนี้สิ] เวลาต่อมาหลังจากที่ไจโรวางสายจากเพื่อนต่างบ้านเรียบร้อยแล้ว และชายหนุ่มก็เห็นว่าไม่กี่นาทีหลังจากนั้นตารางเรียนทั้งหมดของไมลีย์ โจนส์ก็ถูกส่งเข้ามาในอีเมลของเขาพอดี ไจโรที่มีอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียวในตอนแรกก็เริ่มมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทุกอย่างที่ชายหนุ่มคิดจะทำหลังจากนี้มันเริ่มจะใกล้เป็นความจริงแล้ว “นายคิดจะทำอะไร ทำไมถึงได้ยิ้มน่ากลัวแบบนั้น” เพื่อนอีกคนที่ยังอยู่ด้วยกันถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่ามีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ถามแปลก… ก็เตรียมที่จะไปจัดการตัวต้นเรื่องไง” ไจโรให้คำตอบกลับไป จากนั้นเขาก็ปลีกตัวเดินแยกไปยังลิฟต์เตรียมจะขึ้นไปห้องพักของตัวเอง เพื่อปรับเปลี่ยนตารางเรียนของเขาตามตารางเรียนของไมลีย์ โดยนับตั้งแต่ที่ไจโรรู้ความจริงจากสาวคนนั้น เขาที่ตั้งใจจะไปสนุกงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนและคิดจะหิ้วสาวสักคนกลับห้องด้วยกันก็ตัดสินใจเดินออกมาจากงานปาร์ตี้ทั้งที่งานยังไม่ทันเลิกด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมันก็เป็นเพราะไมลีย์ โจนส์นั่นแหละ เจ้าตัวทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ในงานปาร์ตี้ต่อ และแน่นอน… อีกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน เช้าวันต่อมา “ทำไมวันนี้เราถึงลืมนั่นลืมนี่อยู่เรื่อยเลยนะ เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก” ตอนเช้าของวัน ทันทีที่ไมลีย์ฉุกคิดได้ว่าเขาลืมกระเป๋าปากกาไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือของตัวเองและต้องวิ่งหน้าตั้งกลับไปเอาของที่ห้องอีกครั้ง เสียงบ่นเล็ก ๆ ของคนขี้ลืมก็แทบจะดังขึ้นทันที เมื่อนี่มันเป็นครั้งที่สามของวันแล้วที่ไมลีย์จะต้องวิ่งกลับไปเอาของที่ห้อง “ไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหมเนี่ย” ระหว่างที่กำลังพูด ดวงตากลมโตก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องของตัวเองไปด้วย เพราะไมลีย์ตั้งใจว่ามันจะไม่มีครั้งที่สี่เกิดขึ้นอีก่ต่อไป ซึ่งพอเขาคิดว่าตัวเองไม่น่าจะลืมอะไรอีกแล้วจริง ๆ นาทีต่อมาไมลีย์ถึงค่อยเดินออกไปจากห้องและวิ่งไปกดลิฟต์ เพราะตอนนี้เขากำลังจะไปเรียนสายอย่างที่กลัวจริง ๆ “เราต้องไปสายแน่ ๆ เลย” ไมลีย์เอ่ยด้วยความร้อนรนขณะที่เขากำลังมองตัวเลขที่หน้าลิฟต์ โดยทันทีที่เขาเห็นว่าประตูลิฟต์ถูกเปิดออกแล้ว ไมลีย์ก็แทบจะพุ่งตัวเข้าไปทันที โชคดีที่ระยะทางระหว่างหอพักบ้านเอสพรีกับตึกเรียนที่เขาจะต้องไปมันไม่ได้ไกลกันมากนัก นั่นจึงทำให้ไมลีย์สามารถเดินไปที่นั่นได้เลยแบบที่เขาไม่ต้องพึ่งพายานพาหนะสาธารณะของมหาลัย “สายมากแล้วนะ ลิฟต์ก็รีบเปิดสักทีสิ” พอเขาเดินทางมาถึงตึกเรียนแล้ว ไมลีย์ที่กำลังแข่งกับเวลาก็ต้องมายืนหัวเสียอยู่ที่หน้าลิฟต์ตัวใหม่ต่อ หลังตอนนี้ลิฟต์มันกำลังจอดรับผู้โดยสารที่อยู่ชั้นใต้ดิน และมันก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่าที่ลิฟต์จะเคลื่อนขึ้นมาถึงชั้นหนึ่งและพาเขาขึ้นไปยังชั้นแปด ไมลีย์เสียเวลายืนรออยู่อย่างนั้นเกือบนาทีเห็นจะได้ ซึ่งพอประตูลิฟต์ถูกเปิดออกอีกครั้ง เขาก็เตรียมที่จะพุ่งเข้าไปข้างในตามเคย ทว่าเพียงแค่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกและเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ในลิฟต์เป็นใคร ไมลีย์ก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังรีบแค่ไหน “คุณไม่เข้ามาเหรอครับ?” เพราะเขามัวแต่ยืนตกใจนานเกินไป นั่นจึงทำให้ไจโร อีแวนสันเด็กบ้านสิงโตที่ไม่ควรจะมาปรากฏตัวอยู่ที่ตึกเรียนนี้ถามกันแบบนั้น พร้อมเอียงคอมองไมลีย์ไปด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม