“เป็นอะไร? เห็นนั่งเหม่อเหมือนคนคิดอะไรอยู่ตั้งแต่ที่กลับมาจากโรงอาหารแล้ว”
“เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไร”
“อย่าบอกนะว่านายกำลังคิดถึงเด็กจากบ้านเอสพรีที่ทำตัวแปลก ๆ และนั่งกินข้าวกับเราเมื่อตอนเที่ยงน่ะ ตอนนั้นเขาบอกว่าตัวเองชื่ออะไรนะ ไมลีย์ใช่ไหม?”
“ยุ่งน่า” เพราะเพื่อนเดาความคิดที่อยู่ในหัวถูกเผง ไจโรที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาส่วนกลางของบ้านลอร์ดชิปและกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองจึงทำทีโมโหออกไปอย่างนั้น เพื่อให้เพื่อนของเขาหยุดให้ความสนใจกันเสียที
“ฉันเดาถูกสินะ ทำไม? นายสนใจไมลีย์เหรอ ปกติไม่ยักจะเห็นสนใจผู้ชายด้วยกัน”
“แล้วทำไมนายถึงตีความไปว่าฉันสนใจเขาล่ะ” ไจโรย้อนถามกลับไปเสียงนิ่ง เมื่อชายหนุ่มไม่คิดว่าตัวเองกำลังให้ความสนใจไมลีย์เหมือนอย่างที่เพื่อนกล่าวหาแต่อย่างใด เผลอ ๆ มันอาจจะไม่เข้าข่ายด้วยซ้ำ
“นี่อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้ฉันเดาผิด” เพื่อนของไจโรถามกลับมา
“มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะ” ไจโรบอกกลับไปพร้อมอธิบายเพิ่มเติม “ฉันก็แค่รู้สึกแปลก ๆ เหมือนว่าเขากำลังจะสร้างความวุ่นวายให้กับฉันในอนาคต ฉันก็เลยพยายามเดาว่าเด็กจากบ้านเอสพรีแถมยังดูไม่ได้สู้คนแบบนั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้กับฉันได้ยังไงบ้างก็เท่านั้น”
“นายคิดมากเกินไปแล้ว คนแบบนั้นจะมาสร้างความวุ่นวายให้นายได้ยังไง”
“ใช่ไหมล่ะ ฉันเองก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน” ไจโรเอ่ยกลับไปพร้อมหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อมันสั่นเล็กน้อยเพราะมีข้อความใหม่เข้ามา และข้อความที่ว่านั้นก็มาจากเพื่อนที่อยู่บ้านสิงโตด้วยกัน
“ดูเหมือนคืนนี้ทอมจะจัดงานปาร์ตี้วันเกิดของเขานะ นายจะไปหรือเปล่า” ไจโรที่อ่านข้อความเหล่านั้นจบแล้วถามเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“แน่นอนสิ พวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะเพื่อน”
“ไอ้บ้าเอ๊ย…” ไจโรถึงกับต้องสบถคำหยาบออกมา เมื่อเขาได้อ่านข้อความถัดมาจากเจ้าของงานปาร์ตี้
“อะไรอีกล่ะ”
“ไอ้ทอมมันคิดจะใช้ฉันเป็นตัวล่อให้สาว ๆ มางานปาร์ตี้มันน่ะสิ” ชายหนุ่มบอกเพื่อนที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“ทำใจเถอะนะ ก็นายเป็นคนหล่อนี่” อีกฝ่ายเอ่ยคล้ายกับว่านี่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ และคงต้องโทษพระเจ้าแหละมั้งที่เสกให้ไจโรมีหน้าตาแบบนี้
มันอาจจะฟังแล้วดูเป็นคำพูดที่น่าหมั่นไส้ไปเสียหน่อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อเขาเป็นคนหล่อจริง ๆ
แม่ของเขาเป็นคนเกาหลี เธอเสียไปเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ที่ไจโรยังไม่ทันจำความได้ด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยพ่อของเขาก็เป็นคนอังกฤษ เป็นผู้ดีเก่าที่มีอาชีพเป็นนักธุรกิจและมีกิจการเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากไจโรเรียนจบเมื่อไร พ่อของเขาก็คงจะให้เขาเข้าไปช่วยดูแลกิจการต่ออย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะชายหนุ่มมีความเป็นเอเชียอยู่ในตัว ดวงตาของเขามีลักษณะเรียวรี สีผมของเขามีลักษณะเหมือนกับแม่ ส่วนจมูก ส่วนสูง ละสีตาเขาได้พ่อมาเต็ม ๆ นั่นจึงทำให้เขาชอบตกเป็นที่สนใจของสาว ๆ ในมหาลัยอยู่เสมอ
ความเป็นผู้ชายยุโรป-เอเชียของเขามันลงตัวมาก เขาเลยมักจะถูกแมวมองที่ผ่านมาเจอด้วยความบังเอิญคอยเข้ามาทาบทามให้เขาไปเป็นนายแบบในความดูแลของตัวเองอยู่เสมอ
แต่น่าเสียดายที่ไจโรไม่มีความสนใจทางด้านนี้เลยแม้แต่นิด อีกทั้งบ้านของเขาก็มีฐานะอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะปฏิเสธโอกาสเหล่านั้นอยู่ทุกครั้งไป และเขาก็ไม่เคยคิดเสียดายที่เขาปฏิเสธโอกาสที่ใคร ๆ ต่างต้องการไขว่คว้าเอาไว้เลยสักครั้ง
“แปลกว่ะ ปกติไจโรนั่งแป๊บเดียวก็มีสาว ๆ ต่อคิวมาขอนั่งตักแล้ว ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครล็อกเป้าเลยสักคน มีแค่หันมองกันแบบให้ท่าเท่านั้น แต่ไม่มีใครใจกล้าเดินเข้ามาหามันเลย”
ตอนดึกของวัน หลังจากที่ไจโรตอบรับคำชวนจากทอมแล้ว เพื่อนที่มางานปาร์ตี้ด้วยกันก็ตั้งคำถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อมันดูเหมือนว่าคืนนี้ไจโรจะต้องนั่งตักว่างตลอดทั้งคืน ทั้งที่ตามสถิติโดยปกติเขาจะเป็นคนที่ถูกสาว ๆ ให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มเสมอ และไม่เคยมีทีท่าว่าหน้าตักเขาจะว่างแบบนี้ตลอดทั้งคืนมาก่อน
“เดี๋ยวก็มีน่า” ไจโรที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกตินี้เช่นกันบอกกลับไป ก่อนที่วินาทีต่อมารอยยิ้มจาง ๆ จะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม เมื่อมีสาวคนหนึ่งกำลังตรงดิ่งมายังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่พอดี
ไจโรคิดว่าเธอคงจะเดินมานั่งตักเขาเป็นแน่ ทว่ายังไม่ทันไรรอยยิ้มของเขาก็ต้องเลือนหายไปกลางอากาศเสียก่อน เมื่อเธอไม่ได้เดินมานั่งตักเขา แต่เธอเดินมาทิ้งตัวนั่งตักเพื่อนของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันต่างหาก
“ว้าว… คืนนี้มึงเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มเหรอวะ” เพื่อนที่นั่งข้างกันและเพิ่งจะได้ผู้หญิงไปนั่งตักของตัวเองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ เมื่อไจโรเริ่มทำหน้าหงุดหงิดเพียงเพราะว่าคืนนี้ชายหนุ่มเป็นคนเดียวที่ยังตักว่างอยู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน” ไจไรพึมพำ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุของความผิดปกตินี้มันมาจากตรงไหน
“ไม่มีใครอยากนั่งตักคนที่มีแฟนแล้วหรอกนะคะ” ราวกับสวรรค์มาโปรด ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงที่กำลังนั่งตักเพื่อนของเขาอยู่ก็ดังขึ้น นั่นจึงทำให้ไจโรต้องหันไปมองเธออย่างตั้งคำถาม เมื่อเขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพล่ามเรื่องอะไรอยู่
“หมายความว่ายังไง” ไจโรถามออกไป เพื่อให้เธออธิบายเพิ่มเติม
“ก็นายมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอถามกลับมา และนั่นก็ทำให้ไจโรยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“แฟน? แฟนคนไหน ฉันไปมีตอนไหนกัน” ไจโรซักไซ้ทันที เนื่องจากตอนนี้เขากำลังโสดสนิทและไม่ได้กำลังคุยกับใครอยู่ด้วย
หรือว่าไจโรไปเผลอให้คำสัญญากับผู้หญิงคนไหนเอาไว้ตอนที่เขาเมา? ชายหนุ่มตั้งข้อสันนิษฐานในใจ
“นายไม่ได้เป็นแฟนกับเด็กทุนจากบ้านเอสพรีอยู่หรอกเหรอ”
“ว่าไงนะ?” เพียงแค่ได้ยินแบบนั้น ไจโรที่คิ้วขมวดเรื่องที่ตัวเองมีแฟนแบบไม่รู้ตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ เพราะเขาไม่เคยมีประวัติไปข้องเกี่ยวกับเด็กบ้านเนิร์ดหลังนั้นเลยสักครั้ง
“นี่ข่าวมันมาจากไหนกัน” ชายหนุ่มซักถามอย่างเอาเรื่อง
“ต้นเรื่องมันมาจากไหนฉันไม่รู้หรอกนะ แต่เขาลือ ๆ ต่อกันมาน่ะสิว่านายเป็นแฟนกับเด็กบ้านหลังนั้น”
“…”
“ถ้าจำไม่ผิด นายเป็นแฟนกับไมลีย์ โจนส์ไม่ใช่เหรอ” ผู้หญิงที่นั่งตักเพื่อนไจโรเอ่ยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก ทว่าคำพูดของเธอกลับทำให้คนที่รอคำตอบชะงักไป เมื่อเขาคิดว่าความไม่แน่ใจของเธอมันต้องถูกต้องแล้วแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคนที่ชื่อว่าไมลีย์อะไรนั่นคงไม่ลุกลี้ลุกลนตอนที่เจอหน้าเขาหรอก
“ไมลีย์งั้นเหรอ ใช่คนที่มากินข้าวกับเราเมื่อตอนเที่ยงหรือเปล่าวะ” เพื่อนของไจโรที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันหันหน้ามาถามเขา
“ใช่คนนั้นแหละ” ไจโรบอกเพื่อนกลับไปพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อเขาหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาบังเอิญเจอไมลีย์ยืนอยู่ด้านหลังตึกเรียนกับผู้หญิงอีกสามคนที่เป็นฝาแฝดกันเมื่อตอนเย็นวันก่อน และมันก็มีจังหวะหนึ่งที่ทั้งสี่ชีวิตต่างหันมองมาทางเขาพร้อมกัน คล้ายกับทั้งหมดกำลังมีการกล่าวถึงเขาอยู่ในบทสนทนาอะไรเถือกนั้น
ซึ่งไจโรก็คิดว่าต้นตอของข่าวลือลวงโลกอะไรนั่น มันจะต้องมาจากตอนนั้นเป็นแน่