EP.11 #เพื่อนเก่า

1180 คำ
T CLUB “ทำไมคืนนี้ลูกค้าน้อยจังวะไอ้พัน” “เออนั่นดิ ดูโล่ง ๆ แปลก ๆ ว่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่สาว ๆ พวกผู้ชายหายไปไหนกันหมดวะ” แก้วเหล้าในมือถูกวางกระแทกลงเล็กน้อยตามอารมณ์ของผม ส่งผลให้เพื่อนรักหน้าหล่อแต่นิสัยโฉดทั้งสองหันมองกันเป็นตาเดียว ผมกวาดสายตามองลงไปด้านล่างซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของคลับ แถมยังเป็นฟลอร์เต้นที่ปกติจะแออัดไปด้วยเหล่านักท่องราตรี หากทว่าเวลานี้กลับร้างราผู้คนอย่างเห็นได้ชัด เวรชะมัด… คนหายไปไหนกันหมดวะ! “หรือจะเป็นเพราะไอ้ผับเปิดใหม่นั่น?” “ผับเปิดใหม่เหรอวะ… ACME PUB อะไรนั่นอ่ะเหรอ?” ประโยคแรกเป็นของไอ้หน้าหล่อนัยน์ตาดุ ชื่อเสียงเรียงนามของมันคือ ‘หน่วยรบ’ ไอ้นี่นอกจากจะเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทผมแล้ว มันยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมอีกต่างหาก เพราะมันเป็นลูกชายของลุงนำศึก พี่ชายแท้ ๆ ของป๊าผมเอง พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ คือผมกับหน่วยรบใช้นามสกุลเดียวกันนั่นแหละ ส่วนประโยคที่สองเป็นของ ‘แอร์บัส’ ไอ้หล่อหน้าใสใจเสือ เพื่อนรักเพื่อนร้ายของผมอีกหนึ่งคน อย่างที่รู้ ๆ กันว่าผมดรอปเรียนเมื่อปีที่แล้ว ก่อนจะกลับมาเรียนปีสี่อีกรอบ ซึ่งงานนี้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะที่ต้องเรียนซ้ำ ไอ้เวรสองคนนี้ก็ด้วย เพราะเหตุการณ์บัดซบเมื่อปีก่อนทำให้พวกมันสองคนโดนหางเลขไปกับผมด้วย “เออนั่นแหละ” “นั่นผับไอ้อาร์มี่ไม่ใช่ไง เพื่อนเก่ามึงนิไอ้พัน” แอร์บัสหันกลับมาเลิกคิ้วใส่ผม พูดถึงเพื่อนเก่าแล้วของมันขึ้นแปลก ๆ ว่ะ ปกติผมกับอาร์มี่ไม่เคยมีเรื่องอะไรบาดหมางกันหรอกนะ เพราะผมกับมันเคยซี้เคยเกลอกันตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แม้ว่ามันจะย้ายถิ่นฐานไปร่ำเรียนเมืองนอกมาหลายปี แต่หลังจากกลับมาเมืองไทย อาร์มี่มันก็แวะเวียนมาให้เห็นหัวที่สนามแข่งประจำ สันดานมันก็ยังเหมือนเดิม แถมยังรักความเร็วเหมือน ๆ กับผมด้วย มันจึงไม่ยากเลยที่ผมกับอาร์มี่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม “Hey yo!” เสียงทักทายสไตล์ฮิปฮอบดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโย่งเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างผม ไอ้นี่ชื่อ ‘เจสัน’ แค่ชื่อก็คงจะรู้ว่ามันเป็นลูกครึ่ง แต่จะครึ่งอะไรก็อย่าไปสนใจแม่งนัก มาสนใจพระเอกอย่างผมจะดีกว่า “ทำไมเพิ่งโผล่หัวมาล่ะ” “อย่าสนไอเลย พวกยูล่ะกำลังทอล์คเรื่องอะไร?” เจสันยักคิ้วกวน ๆ ขณะถามกลับ หมอนี่ชอบพูดไทยคำอังกฤษคำจนติดเป็นสันดานล่ะ บางทีพูดภาษาไทยเพี้ยนด้วยนะเออ แล้วแม่งเพี้ยนแบบเหี้ย ๆ เลยอ่ะ “เรื่องเพื่อนเก่าไอ้พันน่ะสิ ได้ข่าวว่าตอนนี้กลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจแล้วนิ” แอร์บัสตอบคำถามพลางกรอกเหล้าเข้าปาก “โอ้ว ไฝว้เลยไหมล่ะ ยูไฝว้ ไอก็ไฝว้” “ก็พูดเกินไป แค่ทำธุรกิจเหมือนกันมันไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกันเสมอไปเว้ย ดูอย่างไอ้เดย์ดิ มันก็เปิดผับเหมือนกัน กูยังไม่ไรมากเลย พวกมึงก็ด้วย เลิกพูดมากแล้วแดก ๆ กันซะ” ผมบอกปัดอย่างมีเหตุมีผล มันเรื่องจริงนะ เดวิลมันก็เปิดผับเหมือนกับผมนี่แหละ พวกผมยังไม่เขม่นกันเลย เพราะส่วนมากลูกค้าที่มาเที่ยวมักจะเป็นลูกค้าประจำทั้งนั้นแหละ พวกขาจรน่ะไม่ค่อยมีมาให้เห็นเท่าไหร่หรอก “พูดถึงไอ้เดย์ มันหายหัวไปไหนอีกคน” “กูว่าขลุกอยู่ที่สนามอีกตามเคย” “เวรี่ชัวร์” Rrr… เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ผมดังขึ้นขัดบทสนทนาของไอ้หล่อทั้งสาม ผมคว้าบุหรี่คู่ใจออกมาพร้อมกดรับสายด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ โทรมาดึกดื่นป่านนี้สงสัยผมจะหูชาอีกแล้วล่ะสิ [ไงตาพัน อาทิตย์นี้จะกลับบ้านไหมเรา] “กลับสิฮะ ทำไมฮะ ม้าคิดถึงผมจนรอไม่ไหวเลยหรือไง” ผมหยอกกลับยิ้ม ๆ อีกมือก็ต่อบุหรี่ไปด้วย ได้ยินเสียงถอนหายใจเหนื่อย ๆ ของม้าตอบกลับมาจึงอดถามต่อไม่ได้ “เป็นอะไรฮะ ถอนหายใจเป็นคนแก่เลยม้า” [เฮ้อ ม้าก็เป็นห่วงพวกเราน่ะสิ ยิ่งพักนี้ยัยพริบไปฟิตเนตกลับบ้านค่ำมืดทุกวันม้าก็ยิ่งเป็นห่วง พันก็ด้วย อย่าเกเรนัก ช่วยม้าดูแลน้องบ้าง เข้าใจไหม] “โธ่ม้า ยัยตัวแสบโตแล้วนะ ม้าไม่ต้องห่วงนักหรอกฮะ น้องไม่ใช่เด็กเหลวไหล ม้าสบายใจได้” [ม้ารู้ แต่ก็อดห่วงไม่ได้นี่ ช่วงนี้ม้ายุ่ง ๆ กับที่ร้านด้วย ป๊าก็ติดประชุมที่บริษัทต้องออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ ส่วนตาพลก็เรียนหนักวัน ๆ อ่านหนังสืออยู่แต่ในห้อง เหลือก็แต่เรานั่นแหละตาพัน ยังไงก็คอยดูแลน้องด้วยล่ะ] เออใช่ ผมบอกไปหรือยังว่าม้าพันเก้าของผมมีกิจการร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่งแถว ๆ บ้านนั่นแหละ ท่านไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ เลยเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ แก้เหงาน่ะ ส่วนป๊านำทัพก็เปิดบริษัทเกี่ยวกับการส่งออกอะไหล่รถยนต์รายใหญ่พอสมควรเลยล่ะ “ฮะม้า ไว้ผมจะดู ๆ ให้นะ ม้าวางใจได้ ถ้ายัยแสบออกนอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ผมจะจับมัดกับเสาแล้วเฆี่ยนก่อนราดด้วยน้ำเกลือเลย ฮี่ ๆ” ผมเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางพ่นควันสีขาวออกมาช้า ๆ ริมฝีปากหนาก็แสยะยิ้มโรคจิตประกอบคำพูดราวกับม้าจะได้เห็น [ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ม้าจะจัดการกับเราก่อนคนแรกเลยนะสิ ชอบเกเรดีนัก] น้ำเสียงดุดังจากปลายสายเรียกเสียงหัวเราะให้กับผมทันที [ไม่ต้องมาขำเลย หึ ระวังเถอะพ่อตัวดี เหล้ากับรถแข่งน่ะลด ๆ ลงบ้างนะพัน ม้าเป็นห่วง] “ฮะม้า พันรักม้านะ รักมาก รักคนเดียว ไม่นอกใจด้วย” ทำเสียงออดอ้อนเลียนแบบคลิปดังในโซเชียล [เก็บไว้บอกสาว ๆ ในสต๊อกเราเถอะตาพัน ม้าไม่หลงคารมเราหรอก ชิ!] หลังจากทำเสียงน่ารักใส่ผมเสร็จท่านก็กดวางสายไป ผมมองโทรศัพท์ยิ้ม ๆ รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่คุยกับม้าเลยแฮะ ถึงแม้จะไม่ได้เจอท่านทุกวัน แต่ผมก็ไม่ได้รักป๊ากับม้าน้อยลงเลยนะ บอกแล้วไงว่าครอบครัวผมน่ะอบอุ่นที่สุดในสามโลกแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม