มหาวิทยาลัย S
“ง่ออออ วันนี้คนหล่อมาเรียนเว้ย”
ทันทีที่ผมเดินเข้ามานั่งโต๊ะประจำบริเวณหน้าคณะ แอร์บัสมันก็ร้องแซวขึ้นมาเสียงดังทำเอาสาว ๆ รอบข้างหันมองกันเหลียวหลัง เฮ้อ เบื่อจริง เกิดมาเป็นคนหล่อก็ต้องทำใจ จะไปไหนมาไหนก็เป็นจุดสนใจของสาว ๆ ตลอด นับพันอยากขี้เหร่ อยากขี้เหร่ -.,-
“เห็นกูอย่างนี้ ไม่ได้มีดีแค่ความหล่อนะมึง การเรียนกูก็ท็อป”
“ท็อปบ๊วยน่ะสิ” หน่วยรบมันตัดสายเบรกผมกลางอากาศทันทีเลย!
“อ้าว ๆ ไอ้นี่ เคยนั่งดี ๆ แล้วกระเด็นตกเก้าอี้มะ อยากโดนคนหล่อถีบแต่เช้าเลยมึงเนี่ย” ผมยกเท้าขึ้นทำท่าจะถีบมันจริง ๆ ซึ่งมันตอบโต้แค่เพียงปรายตาดุ ๆ กลับมามองกัน แค่นั้น
“จีบกันใหญ่เลย คู่หูคู่จิ๋ม”
“มึงจะสื่อว่าคู่จิ้นใช่ไหมไอ้หรั่ง” แอร์บัสหันไปถามเจสันเสียงเครียด อย่าว่าแต่มันเลย ผมก็เครียด คือมึงออกเสียงเพี้ยนจนกูเอือมมากพูดเลย ไอ้นี่ตลอด ๆ มุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียด
“เยส คู่จิ้น ๆ โทษทีเพี้ยนไปหน่อย” เจสันโบกมือพลางยิ้มกว้างชอบอกชอบใจ
“ไม่หน่อยแล้วมึง เล่นซะกูหิวแต่เช้าเลย”
“หิวไรวะ”
“หิวจิ๋มมั้ง!”
ผมส่ายหน้าเอือมระอากับบรรดาเพื่อนรักเพื่อนหล่อทั้งสาม วันนี้พวกผมมีเรียนช่วงเช้าน่ะก็เลยแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้า อย่าคิดว่าพวกผมเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนอะไรนะ พอดีว่าโดนทัณฑ์บนไปสองครั้งแล้วไง ไม่อยากให้มีครั้งที่สามเพราะเดี๋ยวจะเรียนไปจบกันอีก แค่นี้ก็โดนม้าบ่นหูชาแล้ว
และในขณะที่ผมกำลังนั่งรอเวลาเรื่อยเปื่อย สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่แสนจะคุ้นตากำลังเดินผ่านมาทางพวกผมพอดี แถมมันไม่เดินเฉย ๆ นะ เสือกแหกปากร้องเพลงซะเสียงดังเชียว
“ว่าจะไดล่ะคนงาม อ้ายเฝ้าขอพรครูบาร์เพื่อบนบาน ทุก ๆ ทีที่ได้เจอต้องลนลาน I wanna make you mine จะทำทุกหนทางเพื่อเธอ ว่าจะ…”
ร้องเพลงห่าอะไรของมันวะ! ฟังละกูเพลีย!
“เฮ้ยไอ้อัก มานี่ดิ เฮียมีไรจะถาม”
ร่างสูงเจ้าของใบหน้าแสนหวานราวกับผู้หญิงหยุดร้องเพลงทันทีก่อนจะค่อย ๆ เงยขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ สองเท้าของมันชะงักนิ่งพลางขมวดคิ้วหน่อย ๆ ไอ้นี่ชื่อ ‘อักษา’ เป็นลูกชายคนโตของอาอัลฟ่ากับอาตระการตา ที่ผมบอกว่าอักษาหน้าหวานน่ะ ผมพูดจริงนะ ไอ้นี่มันหน้าสวยเหมือนผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ถ้าไม่ติดว่าโตมาด้วยกัน แถมยังรู้สันดาน รู้ไส้ รู้พุงกันหมดแล้วละก็ผมคงคิดว่ามันเป็นพวกตุ๊ดแต๋วไปแล้ว
แต่บอกเลยว่าอักษาแมนมาก เพราะอะไรน่ะเหรอ… เพราะแม่งหื่นตัวพ่อเลยไง! เรียกได้ว่า หน้าหวาน สันดานฟาดเรียบ เจอผู้หญิงเป็นเสียบเลยจะดีกว่า
“ร้องเพลงส้นตีนอะไรของมึง”
“อุ๊ย บ้านนอกอ่ะ นี่เฮียไม่รู้จักพี่อิลไง กุหลาบเวียงพิงค์อ่ะ ไม่รู้จักหรอ? ที่มันร้อง กุหลาบเวียงพิงค์ ดอกนี้บ่มีเจ้าของ เพิ่งแรกแย้มบ่มีไผจอง เป็นเจ้าของครองใจเด็ดดม ส่งกลิ่นอบอวลยั่วยวนหัวใจไปตามสายลม เอิ้นทั่วแคว้นแดนใดหมายชม สมเป็นกุหลาบ เมือง…เหนือ..อ อ อ”
“เออพอ ๆ กูฟังแล้วเพลีย ละเหี่ยใจกับมึงจริง ๆ”
“อ่ะโด่ว แล้วเฮียมีไร พูดให้ไว คนหล่อคิวเยอะ”
“โห่ มั่นหน้า กูหล่อกว่ามึงเยอะ แถมคิวยาวยันปีหน้า กูยังเจียดเวลาทักมึงเลย”
และอีกสันดานของมันก็คือ งานมั่นหน้า! พูดเลยว่าแม่งโคตรมั่น! แต่ขอโทษเถอะ งานหล่อผมก็ไม่แพ้ใครนะเออ
“เหยด มั่นกว่า อ่ะยอม ๆ มีไรไหนเล่า?”
“เปล๊า แค่จะถามว่าช่วงนี้มีสาวเด็ด ๆ ผ่านตามึงบ้างไหม เบื่อของเก่า ๆ เดิม ๆ ล่ะ แต่ขี้เกียจมองหา” ผมไหวไหล่เล็กน้อย อักษายกยิ้มมุมปาก หน้าตามันดูชั่วปนหื่นไงไม่รู้ ได้ข่าวว่าเรียนหมอ? ถามจริง… ตอนสมัครเรียนหมอเขาไม่คัดสันดานกันเหรอวะอยากรู้
“อ่ะโด่ ถามถูกคนแล้วเฮีย สาวเด็ด ๆ นมโต ๆ เข้าใหม่เยอะเลยปีนี้ รับรองมีให้กะซวกตลอดทั้งปีแน่ ๆ”
“เฮ้ยจริงอ่ะ แหล่มดิ เออดี ๆ จะถามแค่นี้แหละ ไปไหนก็ไปไป๊ เหม็นหน้าล่ะ”
“โหเฮีย ถามเสร็จละก็ถีบหัวส่ง น่ารักจริง ๆ” อักษาทำหน้าเบ้ ปากเบะ สายตามันเนี่ยมองจิกประชดประชันผมมาก
อะไร? คิดว่าทำหน้าแบบนั้นแล้วน่ารักเหรอวะ ผมว่าน่าเตะล่ะสิไม่ว่า
“ขอบคุณที่ชม”
“ประชด!”
“เออ! ไป ๆ ไม่อยากเห็นหน้าล่ะ เกะกะความหล่อของเฮีย ชิ้ว ๆ” ผมผลักไหล่อักษาให้เดินต่ออีกรอบ มันส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดตามเดิมแล้วก็เดินออกไป
“แล้วตกลงคืนนี้มึงจะเอาไง? จะไปไม่ไป? พวกกูจะได้เตรียมตัว” หน่วยรบละสายตาจากนิตยสารรถแข่งในมือขึ้นมอง ผมขยับตัวยืดเส้นยืดสายพลางตอบกลับ
“เออ ไปดิ กูจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าสักหน่อย”