EPISODE 04.02 ขัดขวาง

2708 คำ
EPISODE 04.02 ขัดขวาง “พ่อครับ ผมกับน้องเขาดูสนิทกันมากเลยเหรอ แปลกเหรอที่ผมไปคอมเมนต์ไอจีเขา?” “ไม่รู้แปลกไหม แต่ทุกทีลูกไม่ได้ทำแบบนี้กับใคร ก็อย่างว่าละนะ อัลฟ่ากับโอเมก้ามันจะมีจุดดึงดูดกัน ยิ่งถ้าเป็นคู่แห่ง-” “พอเลยครับ อย่าพูดคำนั้นออกมานะ น่ากลัวมาก ผมกับเขาไม่มีทางลงเอยกันแบบนั้นหรอกพ่อ สนิทกันแค่จะหลอกถามเรื่องงานเท่านั้นแหละ ผมไม่อยากมีปัญหากับผู้ใหญ่บ้านนั้น มันน่าปวดหัว” “แล้วพลังที่จับมือกันแล้วเห็นภาพนั่นจะอธิบายยังไงดี อืม...เรื่องแบบนี้ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้มากหรอก แต่ทวดกับปู่ของลูกน่ะเจอคู่แห่งโชคชะตา เห็นว่าจะได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าคนนั้นตลอดแต่ไม่ได้กลิ่นคนอื่น” “อาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าที่คนรุ่นก่อนสร้างขึ้นให้มันโรแมนติกก็ได้ครับ อัลฟ่าไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นเสมอไปสักหน่อย ขนาดพ่อยังไม่เจออะไรที่พิเศษ ๆ กับโอเมก้าคนอื่นเลยนี่ครับ พ่อก็เลือกแม่ที่เป็นคนธรรมดาและรักกันได้ บางทีเมียผมอาจจะเป็นคนธรรมดาไม่ใช่โอเมก้าก็ได้นะ” พ่อกับลูกนั่งคุยกันต่ออีกพักหนึ่งโดยที่ฐากูรก็ค้านหัวชนฝาเรื่องคู่แห่งโชคชะตาตลอด เขาไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นเลยเพราะคิดว่าชีวิตของเขาไม่มีใครมาลิขิตได้ แต่การที่เห็นฐากูรปฏิเสธทุกอย่างแบบนี้ อรรถพลผู้เป็นพ่อกลับรู้สึกโล่งใจอย่างมาก อย่างน้อยลูกชายก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้คิดอะไรกับทยากร เชื่อว่าเขาคงไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เรื่องงานเสียแน่ แม้ว่าอรรถพลจะพูดหยอกเย้าลูกชายไปหลายคำ ทว่าในใจก็กังวลไม่น้อยว่าถ้าเด็กสองคนชอบพอกันจริงจะเกิดอะไรขึ้น การรู้จักกันแบบเพื่อนพี่น้อง มันก็เป็นเรื่องปกติที่ฐากูรจัดการได้ แต่ถ้าเด็กสองคนดันรักกันในขณะที่สองตระกูลเป็นคู่แข่งกันนั้นจะทำอย่างไร ลำพังตระกูลเธียรทวีทรัพย์นั้นไม่มีปัญหาอะไรหากเรื่องส่วนตัวของฐากูรไม่ทำให้งานในองค์กรเสียหาย ที่ฝั่งนี้คิดว่าทางตระกูลปรีชาโชติวรกุลคือคู่แข่งก็คิดแค่เรื่องงาน ในเมื่อทำธุรกิจเดียวกัน แย่งลูกค้ากัน มันก็ต้องแข่งขันกันเป็นธรรมดา แม้ว่าที่จริงการผิดใจกันมันจะเกิดจากเรื่องส่วนตัวในอดีตของรุ่นคุณปู่กับคุณตาของพวกเขาก็เถอะ หากย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผู้ใหญ่เล่าต่อกันมาคือ คุณปู่กับคุณตาของสองตระกูลเคยคบหากัน เป็นคู่รักอัลฟ่าและโอเมก้าลูกติดที่มีฐานะดีกันทั้งคู่ มีหน้ามีตาในสังคม ใครก็รู้จัก แต่คุณปู่ของฐากูรนั้นเชื่อเรื่องคู่แห่งโชคชะตาเพราะได้กลิ่นฟีโรโมนหอมหวานกลิ่นหนึ่งมาตลอดตั้งแต่บรรลุนิติภาวะ จนกระทั่งไปเจอกับโอเมก้าคนหนึ่งที่ต่างประเทศในช่วงที่ทำธุรกิจใหม่ ๆ แล้วต้องติดต่อหาเครือข่ายในการทำงานทั่วโลก โอเมก้าคนนั้นเป็นพนักงานร้านกาแฟที่คุณปู่แวะดื่มประจำ เจอกันบ่อยเข้าก็เริ่มพูดคุยทำความรู้จัก ต่างคนต่างชอบพอกันจนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง อีกฝ่ายเองก็เชื่อว่าคุณปู่คือคู่แห่งโชคชะตาเพราะได้กลิ่นฟีโรโมนของคุณปู่มานานแล้วเหมือนกัน ทุกอย่างจึงปล่อยตามความรู้สึกและมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่รู้จักกัน คุณปู่ก็ตัดสินใจรับโอเมก้าคนนั้นมาเลี้ยงดูเป็นภรรยาที่อยากจะแต่งงานด้วย จากนั้นก็กลับมาบอกความจริงกับคุณตาของทยากร บอกเลิกกันไปพร้อมให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อชดเชยให้อีกฝ่าย เขาก็รู้สึกผิดที่ลักษณะการคบหากันกับโอเมก้าคนใหม่มันคือการลอบมีสัมพันธ์ในขณะที่มีคนรักอยู่แล้ว คุณตาของทยากรจะตีตราว่าเขามีชู้ก็ไม่ผิด ความเจ็บปวดจากเหตุการณ์นั้นทำให้คุณตาของทยากรอยากแก้แค้น อยากแข่งขัน สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณปู่ของฐากูรรู้สึกเจ็บแสบได้คือเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ถึงจะเริ่มต้นได้ช้ากว่าแต่ก็โตไวจนตามติดกันเป็นอันดับสองมาตลอด เรื่องนี้ทำให้คุณตาของทยากรมีแผลใจ พานเกลียดตระกูลเธียรทวีทรัพย์ที่ร่ำรวยขึ้นทุกวัน เกลียดที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุข เกลียดอัลฟ่าที่ทอดทิ้งให้ตนเองต้องเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว ไหนจะต้องเลี้ยงดูลูกอีกสามคนที่ติดมาจากสามีเก่าอีก คุณตาถึงขนาดสร้างอคติจากรุ่นสู่รุ่นว่าอัลฟ่าทุกคนนั้นล้วนชั่วช้า ไม่จริงใจ และบุคคลที่ไม่ควรข้องเกี่ยวที่สุดคือคนตระกูลเธียรทวีทรัพย์ที่ทำเรื่องเลวทรามให้เจ็บช้ำน้ำใจ ความเกลียดชังในอดีตถูกส่งต่อมาจนถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้ กึก ฐากูรวางแก้วน้ำที่เพิ่งดื่มเสร็จลงบนโต๊ะ ตอนนี้พ่อของเขาออกไปทำงานแล้ว ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่เหลือแค่เขาที่ยังไม่เตรียมตัวออกไปไหน คิดว่าจะพักอีกสักหน่อยแล้วค่อยออกเพราะยังรู้สึกเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อย เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นในขณะที่แบตเตอรี่นั้นเหลือน้อยนิด ภาพแรกที่เปิดอินสตาแกรมเข้ามาคือภาพทยากรสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ปลดกระดุมมาจนถึงช่วงสะดือ นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนกราบเรือพร้อมยกปลายนิ้วมือขึ้นแตะแว่นกันแดดแบรนด์ดัง ‘ยิ้มสวยจัง ดูมีความสุขมากเลยแฮะ’ นิ้วโป้งข้างถนัดกดเลื่อนดูรูปถัดไปก็เห็นว่าถ่ายคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ปัดไปอีกรูปก็เจอว่าถ่ายคู่กันอีก จนรูปสุดท้ายที่ลงเห็นทยากรเอียงใบหน้าซบที่ไหล่พร้อมกับกอดเธอด้วย ฐากูรมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเพื่อนแน่นอน ยิ่งกดเข้าแอ็กเคานต์ของเธอก็ยิ่งตอกย้ำว่าเป็นเพื่อน เพราะเธอก็โพสต์รูปคู่กับทยากรเหมือนกันแต่มีแคปชันว่า ‘เพื่อนชื่อทอย โสดมาก โสดแบบตะโกน’ ริมฝีปากหยักฉีกยิ้มเมื่ออ่านแคปชันของเธอจบ จากนั้นก็กลับมากดไลก์รูปของทยากรและคอมเมนต์ใต้รูป ‘thakun_ttsg : สวยจังครับ คอมเมนต์เสร็จก็กดส่งข้อความส่วนตัวไปให้ทยากรต่อ thakun_ttsg : ผมมีร้านอาหารอยู่ที่ภูเก็ตด้วยนะครับ ถ้าคุณทอยไปกินเดี๋ยวผมเลี้ยงเลย ที่บอกไปแบบนั้นเพราะเขาหวังดีอยากให้ทยากรลองไปกินจริง ๆ ร้านนั้นเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ฐากูรหุ้นกับพี่น้องในตระกูลเธียรทวีทรัพย์และเพิ่งเปิดทำการได้ไม่นาน หากได้คำติชมจากลูกค้าที่ไปกินจริงบ้างก็คงดี ขณะที่ร่างสูงกำลังลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารนั้นจู่ ๆ อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา ทยากรรู้สึกสนใจกิจการของฐากูรเป็นอย่างมาก เดิมทีก็อยากรู้เรื่องการทำงานของอีกฝ่ายมากอยู่แล้ว พอได้รู้ว่ามีร้านอาหารก็สนใจเป็นพิเศษ เขาอยากรู้ให้หมดว่าฐากูรมีธุรกิจอะไรบ้างเผื่อจะได้แทรกแซงได้ในอนาคต thayakorn_toy : ขอพิกัดหน่อยครับ ผมกับเพื่อนกำลังหาร้านอร่อย ๆ กันอยู่พอดี ฐากูรรีบส่งข้อมูลให้ จากนั้นก็เดินมานั่งเอนหลังที่โซฟาใหญ่ในห้องโถงแล้วชวนคุยต่อ เขาอยากคุยให้รู้ว่าอีกฝ่ายไปเที่ยวอย่างเดียวหรือไปทำงานด้วย ถ้าเป็นงานดูแลธุรกิจปั๊มน้ำมันที่มีอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทยากรไปติดต่องานกับบริษัทอื่นที่เขาไม่รู้ล่ะ? thakun_ttsg : แล้วนี่คุณไปภูเก็ตกี่วันครับเนี่ย ตื่นเช้าแบบนี้ไปเที่ยวหรือทำงานครับ thayakorn_toy : คุณฐาล่ะครับ ตื่นเช้ามาคุยกับผมได้นี่ว่างเหรอครับ นักธุรกิจใหญ่ไม่ทำงานเหรอ? thakun_ttsg : ตอนนี้ว่างครับ คุยได้ แต่ถ้าผมรบกวนเวลางานคุณทอยก็ไม่เป็นไรนะ ไว้ค่อยคุยวันหลัง thayakorn_toy : ผมก็ว่างเหมือนกัน เพิ่งกินมื้อเช้าของโรงแรมเสร็จ thakun_ttsg : คอลกันไหมครับ ผมอยากเห็นบรรยากาศสดชื่น ๆ ก่อนไปทำงานจัง thayakorn_toy : ได้นะ แต่คุยไม่นานนะครับ พอดีอยู่กับเพื่อน thakun_ttsg : Video Call การวิดีโอคอลกันแบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกครั้งที่ส่งข้อความคุยกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของทั้งคู่ที่ต้องการรู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ ใช้ชีวิตอย่างไร อยากจับทั้งข้อดีและข้อด้อยให้ได้เร็ว ๆ ผ่านการพูดคุยแต่ละครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน ทยากรได้รู้ว่าฐากูรนั้นไม่ใช่คนที่เคร่งกับชีวิตอะไรมาก ทีแรกนึกว่าจะเป็นคนที่ตื่นตีห้ามาวิ่ง หกโมงกินมื้อเช้า เจ็ดโมงเตรียมตัวไปทำงาน ทว่าความจริงคือมันไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกวัน เมื่อคืนออกไปสังสรรค์จนเมาไม่รู้เรื่องเลยนอนค้างที่อื่น กลับบ้านมาตอนเช้าก็เพิ่งกินข้าวเสร็จ มีงานตอนสิบโมงก็จะออกจากบ้านสักเก้าโมงซึ่งมีเวลาพักอีกประมาณชั่วโมงหนึ่ง คุยจนรู้อีกว่างานของฐากูรวันนี้คือการประชุมงบประมาณ ทยากรตีความจากการที่ฐากูรบอกว่างานเขามีประชุมบ่อยว่าภายในองค์กรนั้นคงดูแลหลายโครงการ เพราะการประชุมส่วนมากจะเป็นการติดตามผลของสิ่งที่กระทำอยู่ เช่น รายงานปัญหาและทางแก้ จัดเตรียมงบประมาณ วางแผนพัฒนา ถ้ามีประชุมบ่อยก็แปลว่าภายในองค์กรคงทำงานกันอย่างหนัก ส่วนฐากูรก็ได้ข้อมูลที่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายมาทะเลที่ภูเก็ตนั้นคือมาเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ทำงาน ทยากรบอกไปตามตรงว่าพาเพื่อนมาเที่ยวเพราะไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้ว เพื่อนเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ คุยไปคุยมาดันเล่าออกไปอีกว่าเจลคือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต ซึ่งพอเล่าเสร็จทยากรก็ชะงักไปเล็กน้อยพลางตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมต้องบอกเรื่องพวกนี้กับฐากูรด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพูดคุยกันบ่อยครั้งของพวกเขานั้นทำให้รู้สึกสนิทกันขึ้นจริง ๆ และทุกครั้งต่างฝ่ายก็ต่างได้ข้อมูลใหม่ ๆ กลับมาอยู่เสมอ ต่อให้ไม่รู้เรื่องงานอย่างที่ใจอยากจะรู้ ก็ได้รู้เรื่องการใช้ชีวิตหรือความชอบอย่างอื่นมาแทน เรื่องยิบย่อยแบบนี้ก็มองข้ามไม่ได้ บางทีอาจมีประโยชน์ในอนาคต หลายวันต่อมา หลังจากที่อรรถพลวางแผนการสกัดดาวรุ่งบริษัทคู่แข่งอย่างพีซีเคปิโตรเลียมในวันนั้น ผ่านมาระยะหนึ่งแผนที่คิดก็เป็นผล เขาจึงมาบอกลูกชายเพื่อให้ลดความกังวลเรื่องพวกนี้ลง อย่างไรภาพแรกที่ฐากูรเห็นก็คงเป็นจริงได้ยาก “ทางนั้นมีดีลกับหลายที่จริง เหมือนรออยู่แล้วว่าถ้ามีใครปล่อยขายหุ้นจะต้องติดต่อทางนั้นเป็นคนแรก คงจะกว้านซื้อมั้ง แต่ก็เป็นหุ้นเปอร์เซ็นต์เล็ก ๆ บางที่ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ที่จริงต่อให้ทางนั้นได้หุ้นแท่นขุดน้ำมัน เราก็ไม่เดือดร้อนนะ หุ้นแค่นั้นเอง แต่พ่อก็ป้องกันไว้แล้ว” “ยังไงครับ?” “กว้านซื้อตัดหน้าสิ ติดต่อไปทุกแท่นฯ ที่มีแล้วขอซื้อหุ้นที่รอขายก่อนที่เขาจะขาย มีดีลพิเศษกันนิดหน่อย ยังไงถ้าปล่อยขายจริงเขาก็จะให้เราก่อน ทางพีซีเคฯ ไม่ได้กินหรอก” “ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ อืม...ผมก็ไม่อยากให้ทางนั้นประสบความสำเร็จจนเทียบเท่าเราได้ แต่ลึก ๆ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาจะทำได้อย่างภาพที่ผมเห็นก็ไม่รู้” “ยังไงนะ มันเป็นความรู้สึกพิเศษของคู่แห่ง-” “อย่าพูดครับพ่อ ผมขนลุก แต่ต่อให้มันจะจริงหรือไม่จริง ผมก็จะสนับสนุนพ่อทุกทางเพื่อขัดขวางไม่ให้พีซีเคปิโตรเลียมตีคู่เราขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้” “พ่อก็ทำเท่าที่จะทำได้แล้ว ที่เหลือก็รอแค่โอกาส แล้วฐาล่ะมีแผนการขัดขวางนอกจากนี้อีกไหม?” “ตอนนี้ผมคิดว่าสิ่งที่เราทำมันโอเคแล้วครับ เท่านี้ก็ขัดขวางได้เยอะแล้ว แผนของผมจากนี้คงจะเป็นการตีสนิทมากขึ้นเรื่อย ๆ เผื่อได้ข้อมูลอื่น เท่าที่ผมได้คุยมาก็รู้สึกว่าน้องไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย โทรไปทีไรก็ว่างบ่อยจนผมงงว่าเขาทำงานบ้างหรือเปล่า เหมือนว่ายังไม่มีบทบาทอะไรในบริษัทมากขนาดนั้น แต่ก็ดูถูกไม่ได้หรอก เขาเป็นคนฉลาด อาจตบตาผมอยู่ก็ได้” “เรื่องนั้นก็แล้วแต่ลูกเลย เอาเป็นว่าถ้าได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับงานที่ฐาจัดการไม่ไหวก็มาบอกพ่อ เดี๋ยวพ่อจัดการเอง แล้วก็...อย่าแพ้ใจตัวเองจนเผยความลับองค์กรเราให้เขาไปหมดนะ พ่อขอเตือนไว้เลย” “ไม่มีทางหรอกครับ พ่อสบายใจได้” มือใหญ่ของอรรถพลวางลงบนบ่ากว้างของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของลูกเพื่อเข้าประชุมต่อ ปล่อยให้ฐากูรนั่งทำงานกับเอกสารบนโต๊ะต่อเงียบ ๆ คนเดียว ‘ทำไมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยวะ’ จู่ ๆ สมาธิในการทำงานของเขาก็หายไป หลังจากได้รู้ว่าผู้เป็นพ่อเตรียมแผนการขัดขวางองค์กรคู่แข่งได้ก็ทำให้ฐากูรคิดไม่ตกกับความรู้สึกบางอย่างที่มันประท้วงขึ้นมาว่าเขากำลังเดินผิดทาง เขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่ยิ่งนึกภาพที่เคยเห็นในครั้งแรกที่จับมือก็ยิ่งรู้สึกว่าเหตุการณ์ในภาพมันสมจริงเกินไป ความรู้สึกมันบอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นจริง แม้จะมีความรู้สึกอีกด้านคอยต่อต้านอยู่ตลอดก็ตาม ในภาพที่เห็นเขายังจำได้แม่นว่าทยากรมีความสุขมาก เขายิ้มกว้างจนตาหยี ขณะเดียวกันก็เดินถอยหลังแล้วผายมือเชิงโอ้อวดเชิญให้เข้าไปด้านใน แม้สิ่งที่เห็นจะไม่มีอะไรบ่งบอกว่าที่นั่นเป็นของเขา แต่ความรู้สึกมันชัดเจนว่าเป็นแบบนั้น ร่างสูงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายกมือขึ้นทาบอกตัวเองหลังจากรู้สึกวูบโหวงประหลาด ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งอกที่ขัดขวางความก้าวหน้าทางธุรกิจขององค์กรคู่แข่งได้ ทว่าอีกใจกลับรู้สึกตรงกันข้าม ‘ใจหวิวเพราะกลัวว่ารอยยิ้มของเขาในภาพที่เห็นจะหายไปเหรอวะ’ ‘แต่ก็ไม่เห็นต้องรู้สึกผิดอะไรนี่หว่า ยังไงก็ตั้งใจปั่นหัวเพื่อหลอกถามเรื่องงานอยู่แล้ว’ ฐากูรถามและตอบตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดเพื่อเรียกสติ เขาหยัดตัวนั่งตัวตรงอีกครั้งเพื่อจัดการงานตรงหน้า อีกทั้งยังเรียกความเชื่อมั่นให้ตัวเองว่าทุกสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว ต่อไปไม่ว่าจะได้ข้อมูลใดจากทยากรมา หากเกี่ยวข้องกับความสำเร็จของพีซีเคปิโตรเลียม เขาก็จะขัดขวางทุกทางเพื่อไม่ให้ใครมาเทียบเท่าองค์กรอันดับหนึ่งอย่างทีทีเอสกรุ๊ปที่ตระกูลเขาปลุกปั้นมายาวนานได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม