EPISODE 04.01
ขัดขวาง
ภายในคฤหาสน์หรูของครอบครัวเธียรทวีทรัพย์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะนักธุรกิจอันดับหนึ่งแห่งอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่งตระกูลนี้แบ่งออกเป็นหลายครอบครัว แต่ละครอบครัวก็แยกย้ายกันอยู่คนละที่แต่ยังคงทำงานที่องค์กรเดียวกันอย่างรักใคร่กลมเกลียว
ทุกรุ่นในตระกูลเธียรทวีทรัพย์จะมีคนที่เป็นอัลฟ่าอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของฐากูรที่มีคุณพ่อกับตัวเขาเป็นอัลฟ่า แต่คุณแม่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้มีพันธุกรรมพิเศษอะไร เขาเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมไปทุกด้านและทุกคนรักกันดี เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเลยก็ว่าได้
“อ้าวฐา เมื่อคืนนอนคอนโดเหรอลูก”
ร่างสูงของฐากูรเดินทอดน่องเข้ามาในเช้าตรู่ของวันนี้ มือใหญ่ยกขึ้นนวดขมับตัวเองด้วยรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับ ‘อรรถพล’ ผู้เป็นพ่อ และ ‘ณิชา’ ผู้เป็นแม่
“เมื่อคืนเปิดห้องนอนครับ เมาหนักเลยกลับไม่ไหว”
“ไปกับเจ้าแฝดเหรอ แต่วันนี้มีประชุมตอนสายนะ ลูกจะไหวไหมเนี่ย”
“ผมก็กินเหล้ากับเพื่อนกลุ่มเดิมแหละพ่อ มีไอ้เติร์ด ไอ้แฝด ส่วนประชุมวันนี้สบายมากครับ”
ฐากูรคือลูกชายคนเดียวของครอบครัว ถึงเขาจะชอบเที่ยวกลางคืนและชอบสังสรรค์บ่อยครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพิสูจน์ตัวเองได้แล้วคือเขาไม่เคยทำให้เสียงานเลยสักครั้ง ทำให้ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระมากถึงมากที่สุด เพราะสิ่งเดียวที่พ่อกับแม่ขอคือต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพเท่านั้นก็พอ
ครู่ต่อมาเบื้องหน้าของเขาก็มีแม่บ้านนำชามข้าวต้มมาวางให้อย่างเบามือ ขณะที่เขากำลังดื่มด่ำไปกับอาหารร้อน ๆ ที่เข้ามาไล่อาการแฮงก์อยู่นั้น จู่ ๆ ผู้เป็นแม่ก็ถามในสิ่งที่ทำให้เขาตื่นมากกว่าการซดน้ำซุปในข้าวต้มเสียอีก
“ได้ข่าวว่าสนิทกับลูกบ้านนั้นเหรอ ที่ชื่อทยากรน่ะ มีคนมาบอกแม่ว่าฐาไปคอมเมนต์ไอจีให้เขาตลอดเลย”
“เอ่อ ก็...ไม่รู้ว่าเขาอยากสนิทกับผมไหม แต่ผมอยากสนิทกับเขานะ”
“ชอบเขาไหมล่ะ ผู้ชายหน้าสวยแบบนั้นเข้าทางลูกเลยนี่”
“ไม่ได้ชอบแบบนั้นครับแม่ แค่รู้จักกันไว้ก็ดีกว่าเกลียดกันละมั้ง”
เขาตอบออกไปพลางตักอาหารเข้าปาก ทว่าเพียงเสี้ยวพริบตาที่คนเป็นพ่อมองลูกชายก็จับพิรุธบางอย่างได้ทันที ฐากูรมีเรื่องปิดบังอยู่แน่นอน จึงพยายามยิงคำถามเพื่อจับพิรุธต่อ อย่างน้อยก็ควรรู้ว่าทั้งคู่สนิทกันถึงขั้นไหนแล้ว
“แล้วบ้านโน้นเขาโอเคเหรอที่ลูกชายเขามารู้จักกับลูก”
“น้องเขาไม่ได้บอก แต่ผมเดาได้ว่าผู้ใหญ่คงไม่ชอบใจเท่าไหร่ครับ”
“แล้วฐารู้ว่าผู้ใหญ่ไม่ชอบก็ยังจะคุยกับเขาต่อเหรอ แบบนี้เด็กคนนั้นไม่โดนผู้ใหญ่เล่นงานหรือไง อย่าให้เขาเดือดร้อนกับเรื่องส่วนตัวเพราะลูกนะ สงสารเขา”
พูดมาถึงตรงนี้ทำให้ฐากูรฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ มีคำถามหนึ่งแทรกเข้ามาในหัวทันทีเกี่ยวกับที่ทยากรถูกตบหน้า หรือสาเหตุอาจจะมาจากการที่ทยากรมารู้จักกับเขาจึงทำให้ผู้ใหญ่ไม่พอใจแล้วลงมือทำร้าย?
แต่ความคิดนี้ก็โผล่มาแค่ชั่ววูบแล้วหายไป ฐากูรส่ายหน้าเล็กน้อยเนื่องจากคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ สำหรับเขามันไร้สาระมากหากสาเหตุที่ทำร้ายใครคนหนึ่งเพียงเพราะคนคนนั้นทำความรู้จักกับคนในตระกูลคู่แข่งและไม่ได้ทำอะไรเกินเลยต่อกัน
โดยที่ฐากูรเอาบรรทัดฐานของตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียว เนื่องจากตระกูลเขาไม่เคยห้ามเรื่องพวกนี้
“แม่ว่าระวังไว้หน่อยก็ดีนะลูก แล้วก็อย่าทำให้กระทบเรื่องงานนะ เรากับเขาน่ะเป็นคู่แข่งกัน”
“ผมรู้ครับแม่ ผมก็ไม่ได้จะทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย...มั้ง”
“หึ เราน่ะมันร้าย แม่รู้จักลูกแม่ดี แต่ทำอะไรก็คิดดี ๆ แล้วกัน อย่าให้ตัวเองเสียเปรียบ”
สุภาพสตรีคนเดียวในที่นี้ยกผ้าสะอาดขึ้นเช็ดปากก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอเดินมาโอบกอดสามีจากด้านหลังและเอียงใบหน้าหอมแก้มเขา จากนั้นก็เดินอ้อมโต๊ะมาทำแบบเดียวกันกับลูกชายด้วย
“แม่มีงานเช้าเหรอครับ ดูรีบร้อนจัง”
“มีสัมมนาตอนสายที่โคราชน่ะ แม่เลยต้องออกไวหน่อย”
หลังจากคล้อยหลังผู้เป็นแม่ไป พ่อกับลูกก็สบตากันแวบหนึ่ง อรรถพลยักคิ้วให้ลูกชายหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย
“ลูกคิดจะทำอะไรกับเด็กคนนั้นกันแน่ พ่อรู้สึกว่าการเข้าหาเขามันไม่ปกติ”
สิ่งที่อรรถพลคิดนั้นถูกต้องทุกอย่าง ฐากูรมีนิสัยที่เข้ากับคนง่ายก็จริงแต่เขาจะรักษาระยะห่างจากทุกคนไว้เท่ากัน เพื่อนที่รู้จักกันทางธุรกิจก็จะปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง กลุ่มเพื่อนสนิทก็จะอีกแบบหนึ่ง
แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับทยากรนั้น อรรถพลมองว่าทุกอย่างมันไวเกินไป รู้สึกได้เลยว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสนใจอีกฝ่ายมาก ๆ
“ไม่ใช่แบบที่พ่อคิดหรอก ไม่มีเรื่องชู้สาวอะไรทั้งนั้น ผมกับน้องเขามีแต่เรื่องแปลกเกิดขึ้นต่างหาก อืม...ผมว่าจะถามพ่อเรื่องนี้หลายวันแล้ว พ่อเคยเห็นภาพที่เหมือนลางบอกเหตุล่วงหน้าจากใครบ้างไหม?”
สิ่งที่ฐากูรถามนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อต้องขบคิดตามถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา จากนั้นจึงค่อย ๆ ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น
“หรือลูกเห็น?”
“ใช่ครับ ผมเห็นภาพแปลกตอนจับมือกับเขา แล้วภาพนั้นก็เกิดขึ้นจริงมาแล้วสองครั้ง ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะผมเป็นอัลฟ่าแล้วน้องเป็นโอเมก้าหรือเปล่า แต่กับคนอื่นก็ไม่เป็นนะ”
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังอย่างละเอียด แน่นอนว่าอรรถพลก็ตกใจเหมือนกัน โดยเฉพาะภาพแรกที่เห็นว่าทยากรอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบด้วยสีหน้ามีความสุขแถมผายมือราวกับจะโอ้อวด
ส่วนนี้ฐากูรตีความด้วยความรู้สึกตอนเห็นไปว่าอีกฝ่ายคือเจ้าของที่นั่น เรื่องนี้มันน่าตกใจกว่าเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจริงเสียอีก
“ถ้าทางนั้นได้ครองแท่นขุดน้ำมันจริงนี่เรื่องใหญ่นะ เพราะนั่นคือจุดได้เปรียบของเราที่เหนือเขามาตลอด ตระกูลเราครอบครองอุตสาหกรรมนี้ได้ครบวงจรที่สุดเลยเป็นที่หนึ่งมาตลอด ทั้งมีหุ้นสูงสุดในแท่นขุดน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน และร้านค้าปลีก”
“ผมก็ร้อน ๆ หนาว ๆ เหมือนกัน ว่าจะคุยเรื่องนี้กับพ่อหลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คุยสักที ภาพที่ผมเห็นมันยืนยันอะไรไม่ได้เลยไม่รู้ว่าพ่อจะเชื่อผมไหม”
“มันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เราก็ไม่รู้ แต่คงต้องป้องกันไว้ก่อน ชะล่าใจไม่ได้แล้ว”
“ที่ผมตีสนิทกับเขาเพราะอยากรู้ข้อมูลพวกนี้นี่แหละ ถ้ารู้ว่าดีลกับผู้ใหญ่ที่ไหนไว้เราจะได้ไปขัดขวางได้ถูก ผมไม่ยอมให้ใครขึ้นมาตีคู่องค์กรเราได้หรอก เราเป็นคิงก็ต้องเป็นคิงต่อไป”
อรรถพลถอนหายใจพร้อมกับเริ่มคิดวางแผนในหัว เขาคิดได้เป็นฉาก ๆ ว่าต้องติดต่อกับใครแล้วทำอะไรบ้างเพื่อชิงทำทุกอย่างที่คาดว่าอีกฝ่ายจะทำ ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการเร็วกว่าก็สามารถสกัดดาวรุ่งได้
แต่หลังจากที่วางแผนเสร็จเรียบร้อยก็เพิ่งนึกอีกเรื่องหนึ่งออก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฐากูรกับทยากรนั้นมันไม่ปกติ ทั้งการเห็นภาพและเรื่องที่มันดึงดูดพวกเขาเข้าหากัน
“ลูกเชื่อเรื่องคู่แห่งโชคชะตาไหม?”
ดวงตาคมเหลือบมองผู้เป็นพ่อพลางส่ายหน้า ฐากูรรู้ทันว่าพ่อของเขากำลังจะบอกอะไร
“ผมไม่เชื่อเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก ชีวิตผม ผมลิขิตเองได้ คู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่น ถ้าผมไม่รัก มันก็ไม่มีทางเกิดขึ้น”
“ก็อยากเล่าให้ฟังเฉย ๆ ว่ามันมีคู่แห่งโชคชะตาของอัลฟ่ากับโอเมก้าจริง ๆ แต่ละคู่ก็จะมีความพิเศษแตกต่างกันไป อะไรที่มันพิเศษกว่าคนอื่นน่ะ”
“แล้วพ่อโอเคเหรอครับถ้าสมมติว่าผมกับน้องเป็นคู่กัน?”
“นั่นชีวิตลูก ฐาโตพอจะตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องถามพ่อหรอก อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ขอแค่อย่าพาเสียงานก็พอ”
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาแบบนั้นหรอกครับ อยากรู้แค่เรื่องงานเท่านั้นแหละ ก็น้องเป็นคนของตระกูลนั้นคนเดียวที่ผมพอจะเข้าถึงได้นี่นา”
“จะทำอะไรก็อย่าให้เกินขอบเขตแล้วกัน ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย แค่นี้สองตระกูลก็ไม่ถูกกันมากพอแล้ว ถ้าลูกเล่นกับใจเขามากจนเขาเสียใจ พ่อว่าจะเป็นชนวนให้ผิดใจกันมากขึ้นเปล่า ๆ”
“เล่นกับใจอะไรล่ะครับ น้องก็ไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอก ทำไมมีแต่คนคิดว่าผมกับเขาจะมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น”
“ก็ลูกดูสนใจเด็กคนนั้นมากเป็นพิเศษ”
ฐากูรส่ายหน้าก่อนจะรีบเปลี่ยนบทสนทนาให้กลับมาเป็นเรื่องงาน เขารู้สึกว่าเรื่องส่วนตัวที่ผู้เป็นพ่อคิดนั้นมันไร้สาระแถมมีความสำคัญไม่ได้เสี้ยวของเรื่องงานด้วยซ้ำ
สิ่งเดียวที่ต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นเร็วที่สุดคือต้องขัดขวางไม่ให้ทางพีซีเคปิโตรเลียมได้สัมปทานแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ไหนเลย อย่างน้อยก็ในเครือข่ายที่ทางทีทีเอสกรุ๊ปรู้จัก
คงต้องติดต่อหาทุกคนเท่าที่ทำได้ว่าอย่าปล่อยหุ้นให้กับพีซีเคปิโตรเลียม หรือถ้าต้องการขายหุ้นเพิ่ม ทางทีทีเอสกรุ๊ปจะกว้านซื้อเอาไว้เอง
ที่ผ่านมาค่อนข้างชะล่าใจกับเรื่องนี้เพราะคิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่าทางพีซีเคปิโตรเลียมมาก มีวงจรธุรกิจที่ครอบคลุมครบครันกว่าเป็นไหน ๆ ซึ่งทำให้ธุรกิจขยายตัวเร็วแบบก้าวกระโดดจนขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมในตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา นับว่ายาวนานจนกลายเป็นตำนานที่ใครต่างพูดถึงเลยก็ว่าได้
เรื่องงานที่ต้องการขัดขวางไม่ให้ทยากรทำสำเร็จนั้น ฐากูรจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพ่อจึงคิดจะมาพูดคุยอยู่แล้ว ตัวเขาที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศมาทำงานเต็มรูปแบบในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารยังมีอำนาจไม่มากพอจะติดต่อผู้คนเพื่อวางแผนสกัดดาวรุ่งของพีซีเคปิโตรเลียมได้
แต่เรื่องส่วนตัวระหว่างเขากับทยากรเกรงว่าคงไม่ต้องให้ใครมาคอยกังวล ฐากูรรู้ตัวดีว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็ไม่เห็นว่าการคอมเมนต์รูปในอินสตาแกรมของอีกฝ่ายจะเป็นที่น่าจับตามองอะไร ไม่เข้าใจด้วยว่าคนที่นำข่าวมาบอกแม่ของเขานั้นต้องการอะไรกันแน่