EP.04
เดทแรกของเราก็ไม่ได้แย่
“พี่ไทม์ค้าบบบ น้ำตาลอยากกินไอติมที่มันโฆษณาในทีวีจังเลย ถ้าได้ไปกินกับพี่ไทม์คงดีนะครับ พาหนูไปหน่อยน้า”
คำพูดเพียงประโยคเดียวจากเจ้าตัวเล็กที่แค่พูดไปตามความต้องการ ไม่ได้หวังมากเท่าไหร่ว่าจะได้ไปกินไอติมอย่างที่ตัวเองบอกในเร็ว ๆ นี้ ทว่าพี่ไทม์คนใจดีกลับอยากเนรมิตความต้องการของน้องให้เป็นจริงแทบในทันใด เขาแพ้ลูกอ้อนของเด็กคนนี้มานักต่อนัก การช้อนตากลมมองมายังเขา พลางทำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย ไม่ว่าอยากจะได้อะไรไทม์ก็แทบจะหามาประเคนให้ทั้งหมด
ก็จุดอ่อนของไทม์คือแพ้เด็กน่ารัก พอโดนทำตัวน่ารักใส่ หัวใจไทม์ก็เหลวเป็นน้ำแล้ว...
ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาเป็นตอนเจอกับน้ำตาล แต่เขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ได้ค้นพบว่าตัวเองมีความสุขตอนอยู่กับเด็ก แต่นอกจากหลานเขาก็ไม่เคยได้คลุกคลีกับเด็กที่ไหน กระทั่งมาเจอน้ำตาล นอกจากจะรู้สึกถูกชะตาแล้วยังหลงใหลความไร้เดียงสา ความช่างพูด และความน่ารักของน้องอยู่เป็นประจำ
ถามว่าหลงน้องแค่ไหน? ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ เพียงแค่เขายอมโดดเรียนคาบบ่ายเพื่อมารอรับน้องตอนเลิกเรียนแล้วไปกินไอติมที่น้องอยากกินด้วยกันก็เท่านั้นเอง เจ้าตัวเล็กบ่นอยากกินตอนเช้า เขาก็จะพาไปกินในเย็นวันเดียวกันไม่ให้เด็กน้อยของเขาต้องคอยนาน
ระหว่างวันที่รอเวลาจะมาเจอน้องตอนเย็น ไทม์ได้จินตนาการเอาไว้แล้วว่าน้องจะต้องชอบไอติมร้านที่เขาพาไปแน่ ๆ พอน้องชอบน้องก็จะยิ้มหวานให้เขา หัวเราะกับเขา แค่นึกยังรู้สึกมันเขี้ยวจนแทบอดทนรอเวลาไม่ไหว
แต่ก่อนที่จะได้พบความสดใสของรอยยิ้มน้องอย่างที่ไทม์คิด เขาต้องผ่านอุปสรรคอย่างหนึ่งไปให้ได้เสียก่อน อุปสรรคของการพบเจอน้องในวันนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแม่น้องนั่นเอง
เพราะน้องน้ำตาลยังเด็กมาก การจะพาน้องไปไหนมาไหนโดยลำพังมันเป็นเรื่องที่อันตรายในสายตาคนอื่นมากโดยเฉพาะแม่ของน้องที่ยังไงก็มองเขาเป็นคนนอก ไทม์ได้โทรไปขออนุญาตแม่เป็นที่เรียบร้อยว่าต้องการพาเจ้าตัวเล็กไปกินไอติมหลังเลิกเรียน แล้วจะพากลับไปส่งให้ถึงบ้านโดยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับไม่เกินหกโมงเย็น
แม่น้องก็อนุญาตโดยง่าย แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อแม่น้องบอกว่าแม่น้องจะไปด้วย...
เป็นการหลอกให้ไทม์ดีใจเก้อ เพราะแม่โทรกลับมาบอกไทม์ก่อนน้องเลิกเรียนเพียงครึ่งชั่วโมงว่าจะมาด้วย ให้พาน้องไปกินไอติมที่ห้างใกล้ ๆ โรงเรียน เดี๋ยวแม่จะตามไปแล้วพาน้องกลับบ้านเอง ใบหน้าหล่อที่เผยยิ้มมาทั้งวันเจื่อนลงทันที ภาพในหัวที่จะคอยเช็ดไอติมที่เลอะปากนุ่มนิ่มนั่นเริ่มเลือนราง ถ้าแม่มาด้วย การจะให้น้องมานั่งตักแล้วป้อนไอติมให้ทีละคำคงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
แต่ทุกอย่างเข้าใจได้ เพราะเจ้าตัวเล็กยังเด็กมากในสายตาผู้ใหญ่ และความสัมพันธ์ประหลาดที่เกิดขึ้นระหว่างไทม์กับน้องมันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะเข้าใจได้ แม่คงห่วงลูกเป็นธรรมดา ไม่ใช่ญาติพี่น้องกันที่คนเป็นแม่จะยอมปล่อยให้ไปไหนมาไหนด้วยกันเพียงลำพัง
ร่างสูงยืนชะเง้อคออยู่หน้าอาคารเด็กประถม มองเด็กตัวเล็กหลายคนเดินลงบันไดมาทีละคน กระทั่งเห็นเจ้าแก้มกลมเดินสะพายกระเป๋าลงมา ไทม์ก็รีบเดินไปหาในทันที
“น้ำตาล”
เจ้าของชื่อหันขวับเมื่อได้ยินเสียงนุ่มแสนคุ้นเคย น้ำตาลกระโดดกอดร่างสูงด้วยความดีใจที่เจอไทม์ที่นี่
“พี่ไทม์มาหาน้ำตาลเหรอ? มารับหนูกลับบ้านเหรอครับ?”
“ดีใจที่เจอพี่อะไรขนาดนี้ เมื่อเช้าก็เพิ่งเจอกันไปเอง”
“น้ำตาลคิดถึงพี่ไทม์นี่นา วันนี้วิชาศิลปะน้ำตาลวาดรูปพี่ไทม์ส่งคุณครูด้วยนะ คุณครูบอกให้วาดอะไรก็ได้ตามจินตนาการที่อยู่ในหัวตอนนั้น น้ำตาลน่ะนึกถึงแต่พี่ไทม์เลยวาดรูปพี่ไทม์ส่ง”
“เพื่อนไม่งงเหรอ จู่ ๆ มาวาดรูปผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้”
“ไม่เลย ไม่มีใครดูออกเลยว่าน้ำตาลวาดรูปคน เพื่อนบอกว่าน้ำตาลวาดรูปต้นมะพร้าวที่ลำต้นยาว ๆ แล้วมีใบ แต่ไม่ใช่สักหน่อย ที่คนอื่นเห็นเป็นรากต้นไม้นั่นเท้าพี่ไทม์ต่างหาก ที่ยาว ๆ นั่นก็ลำตัวไม่ใช่ลำต้น ส่วนที่บอกใบนั่นคือผมพี่ไทม์”
“แล้วแขนพี่ไปไหน?”
“ไม่ได้วาด ตอนนั้นเห็นพี่ไทม์ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ครับ”
ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวเล็กรีบโชว์ผลงานในทันที น้ำตาลเปิดประเป๋า หยิบแฟ้มใสที่ในนั้นเก็บผลงานการวาดรูปในวิชาศิลปะไว้หลายแผ่น น้องก็เลือกหยิบผลงานล่าสุดออกมาอวดอย่างภาคภูมิใจ ไทม์มองแล้วส่งยิ้มกว้างให้พลางชื่นชมว่าสวย ทั้งที่ในใจก็มองเป็นต้นมะพร้าวไม่ต่างจากเพื่อนน้องคนอื่นมองรูปนี้เลย แต่ก็นะ การเอาใจเด็กคือสิ่งที่ไทม์ถนัดนัก
“วันนี้พี่มารับ เราจะไปกินไอติมกันนะ เห็นว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ?”
“จะได้กินวันนี้เลยเหรออออ เย้ ๆ หนูอยากไป ๆ แต่ไม่กลับรถโรงเรียนน้ำตาลต้องไปบอกคุณลุงก่อนไหมครับ”
“แม่เราโทรบอกหมดแล้ว”
“โอ๊ะ แม่รู้ด้วยเหรอครับว่าพี่ไทม์มา งั้นแม่ต้องไปด้วยแน่เลยใช่ไหมล่ะ”
“อื้ม เดี๋ยวตามไปเจอที่ร้านไอติม”
“ว้า..แบบนี้ก็จู๋จี๋กันไม่ได้สิ”
ไทม์แอบตกใจกับคำพูดไม่ประสาของเด็กอีกแล้ว ตัวแค่นี้รู้แล้วหรือว่าจู๋จี๋กันน่ะต้องทำยังไงบ้าง แล้วก็ไม่รู้ว่าความหมายที่น้องเข้าใจกับความหมายที่เขาคิดน่ะ มันจู๋จี๋แบบเดียวกันหรือเปล่า
ณ ร้านไอติมชื่อดังที่ใครต่อใครก็รู้จักคุ้นเคยดี มีชายหนุ่มตัวสูงท่าทางดูใจดีกับเด็กตัวเล็กที่พูดเก่งยิ้มเก่งกำลังนั่งป้อนไอติมให้กันอยู่ น้ำตาลได้กินเมนูที่ตัวเองเห็นโฆษณาในทีวีสมใจ เด็กน้อยอ้าปากรอให้พี่ไทม์ป้อนจนคนป้อนรีบตักมือเป็นระวิง แต่เขาก็ไม่บ่นสักคำเมื่อเด็กตรงหน้าน่ารักเหลือเกิน ดูจะชอบกินไอติมมากจริง ๆ เห็นว่ากินเก่งแบบนี้ไทม์ถึงกับนึกอยากทำไอติมด้วยตนเองเป็นแล้วจะทำให้น้องกินบ่อย ๆ ด้วย
เจ้าตัวเล็กเมื่ออิ่มก็นั่งทรงตัวไม่อยู่ เอนตัวพิงพี่ไทม์ก่อนยกมือขึ้นลูบท้องป้อย ๆ
“หนูเอาอะไรอีกไหม? นี่เพิ่งสี่โมงกว่าเอง เดินดูของเล่นไหมล่ะเดี๋ยวพี่ซื้อให้”
“น้ำตาลใช้เงินพี่ไทม์เยอะแล้ว ไม่เอาแล้วครับ กว่าจะเรียนจบได้ทำงานหาเงินมาคืนก็อีกนาน เป็นหนี้พี่ไทม์นานเลย”
“โตมาค่อยชดเชยเป็นอย่างอื่น”
“คือยังไงอะครับ?”
ไทม์รีบตะครุบปากตัวเองที่จู่ ๆ ก็เผลอพูดอะไรแบบนั้นไป ชดเชยเป็นอย่างอื่นอย่างนั้นหรือ? อย่างอื่นที่ว่าคืออะไร? นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? เด็กช่างสงสัยก็คอยถามว่าหมายถึงอะไร พลางยู่ปากทำหน้าครุ่นคิดก่อนเอ่ยปากถามไทม์อีกซ้ำๆ ไทม์นึกมันเขี้ยวปากอวบอิ่มที่คุยจ้อไม่หยุดจึงเอื้อมมือไปบีบปากน้องเบาๆ
ทว่าเมื่อริมฝีปากสัมผัสกับปลายนิ้ว เจ้าเด็กแสบก็งับนิ้วของไทม์เข้าปากทันที นั่นทำให้ไทม์ตกใจจนต้องรีบชักมือหนี จู่ๆ หัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมาเพราะไม่เคยมีใครอมนิ้วไทม์มาก่อน เด็กเจ็ดขวบตรงหน้าคือคนแรก!
“กินกันเสร็จหรือยังลูก”
เพียงชั่วอึดใจแม่ของน้องก็เดินเข้ามาหา ท่าทางเหมือนดูใจดีแต่สายตาดุเหมือนเดิม ไทม์ยกมือไหว้ตามมารยาทก่อนจะตอบแม่กลับไป
“เพิ่งเสร็จครับ คุณแม่จะพาน้องกลับเลยเหรอครับ ผมว่าจะพาน้องไปซื้อของเล่นต่ออีกสักหน่อย...”
“น้ำตาลมีของเล่นเต็มบ้านเลย เล่นไม่ทันแล้ว ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องซื้อให้น้องก็ได้”
ไทม์เริ่มหาทางออกที่จะอยู่กับน้องต่อไม่เจอแล้ว พาเด็กมาห้างนอกจากพามากินอะไรอร่อย ๆ แล้วก็เดินดูของเล่นยังจะมีกิจกรรมอะไรอีก เขานึกไม่ออกแล้ว ทว่าจู่ ๆ น้ำตาลก็เอนซบต้นแขนไทม์อีกครั้งพลางงอแงน้ำตาคลอ
“น้ำตาลอยากอยู่กับพี่ไทม์ ยังไม่อยากกลับบ้าน”
“กลับช้ารถจะติดนะ รถติดนาน ๆ เดี๋ยวเราก็เมารถอีก”
“ฮึก แต่น้ำตาลจะอยู่กับพี่ไทม์ จะให้พี่ไทม์ไปส่ง”
มือเล็กจับแขนไทม์แน่น ซุกหน้าลงบนเสื้อนักศึกษาของเขาแล้วสะอื้นไห้เบา ๆ ตามประสาเด็กขี้แง ไทม์ใช้อีกมือหนึ่งลูบหัวน้องเพื่อปลอบโยน ตัวเขานั้นก็คิดแบบเดียวกับเจ้าตัวเล็ก ยังอยากอยู่ด้วยกันต่อ อยากไปส่งน้องที่บ้านเอง แต่ถ้าหากเขาดื้อรั้นค้านคำสั่งของผู้ใหญ่มากเกินไปก็ยิ่งดูไม่ดี
“เอ่อ พี่ว่ากลับกับคุณแม่ก่อนก็ได้นะ ไว้วันหลังเราค่อยมาอีก ไม่งอแงนะครับเด็กดี”
น้ำตาลช้อนตาขึ้นมองพี่ไทม์ด้วยตากลมที่มีน้ำตาคลอพาให้ตัวไทม์นั้นใจอ่อนยวบ เขาแพ้น้ำตาของเด็กคนนี้เข้าแล้วจริง ๆ แม้ปากจะบอกให้น้องกลับ แต่สมองกลับคิดหาทางให้ได้อยู่ด้วยกันต่ออีกสักนิด
“งั้นกลับกันเถอะ วันหลังค่อยเจอพี่ไทม์อีกก็ได้นะลูก ยังไงพี่เขาก็มาหาหนูเกือบทุกเช้าอยู่แล้ว”
“เอ่อ คุณแม่ครับ เดี๋ยวผมขอพาน้องเข้าห้องน้ำก่อนนะครับแล้วค่อยกลับ ก่อนคุณแม่จะมาน้องบ่นปวดฉี่ผมยังไม่ได้พาไปเลย”
ซะเมื่อไหร่...น้องยังไม่ได้พูดแบบนั้นแม้แต่คำเดียว แต่นี่ก็คงเป็นวิธีที่ยื้อเวลาอยู่ด้วยกันต่อได้อีกสักหน่อย ไทม์จูงมือน้องมาจ่ายเงินค่าไอติมที่เคาท์เตอร์ก่อนพาเดินเข้าห้องน้ำ โดยนัดแนะกับแม่ให้รอเขาที่ทางเชื่อมหน้าห้องน้ำ
มาถึงในห้องน้ำก็ไม่ได้มีใครจะเข้ามาทำธุระอะไรเลย ไทม์ทรุดตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าน้องแล้วเจ้าตัวเล็กก็โผกอดพี่ไทม์ทันที ปากเล็กบอกไม่อยากกลับ อยากอยู่กับพี่ไทม์ น้องพูดแบบนั้นซ้ำ ๆ ก่อนเสียงเล็กจะสั่นเล็กน้อย
“พี่ไทม์กลับพร้อมหนูได้ไหม อุ้มหนูกลับบ้านเลยก็ได้...”
“มันจะดูไม่ดี อยู่ต่อหน้าแม่เราจะกอดกันแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะครับ ก็น้ำตาลอยากกอด”
“ก็กอดแล้วมันไม่จบแค่กอดน่ะสิ หนูไม่เข้าใจหรอก”
เพราะน้ำตาลจะชอบเอาหน้ามาซุกที่คอเพื่อดมน้ำหอมของไทม์ มีบางครั้งน้องหอมแก้มพี่บ้าง พี่หอมแก้มน้องบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยนักนอกจากเวลาที่จะมันเขี้ยวจริง ๆ
“พี่ไทม์ครับ ก่อนนอนน้ำตาลโทรหาพี่ไทม์ได้ไหม เดี๋ยวเอาโทรศัพท์แม่โทรหา นะ ๆ ๆ หนูอยากโทรหา”
“หืม นึกยังไงวันนี้อยากคุย?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ตรงนี้มันบอกให้โทรครับ”
น้ำตาลจิ้มที่อกข้างซ้ายพลางทำสีหน้าจริงจัง ราวกับจะบอกว่าหัวใจดวงน้อยของเขาเรียกร้องให้โทรหาพี่ไทม์ตอนก่อนนอน อยากคุยด้วย อยากได้ยินเสียงพี่ไทม์จะได้หลับฝันดี ส่วนคนฟังก็ไม่รู้จะรู้สึกได้ถึงความจริงจังจากน้องไหม ไทม์ได้แต่อมยิ้มแล้วยื่นมือไปบีบแก้มกลมด้วยความหมั่นไส้เด็กที่สรรหาคำมาพูด
“วันนี้หนูขี้อ้อนจังนะ เอาล่ะ กลับบ้านได้แล้ว ไว้กลางคืนถ้าจะนอนก็โทรหาพี่ตื๊ดเดียวพอเดี๋ยวพี่รีบโทรกลับ จะได้ไม่เปลืองเงินโทรศัพท์แม่ด้วย”
“อื้ม พี่ไทม์ ๆ เอียงหูมานี่หน่อยน้ำตาลมีอะไรจะบอก”
ทันทีที่ไทม์เอียงหน้าเข้าหาเจ้าเด็กน้อยจอมแสบก็ฉวยโอกาสหอมแก้มไทม์ดังฟอด เมื่อไทม์หันหน้ากลับมาก็โดนน้องจุ๊บเข้าที่ปากอีกครั้งราวกับเป็นจังหวะบังเอิญแต่สร้างความตกใจให้ไทม์ไม่น้อย
แต่ไทม์จะปล่อยให้ตัวเองโดนหอมอยู่คนเดียวหรือ?... ไม่มีทาง เขาย่อมเอาคืนให้มากเป็นเท่าตัว ไทม์ทั้งหอมหน้าผาก หอมจมูก คาง และหอมแก้มกลม ๆ ทั้งสองข้างอยู่หลายครั้ง ก่อนตาคมจะเลื่อนลงมามองริมฝีปากพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่
‘ไม่ ๆ มันเขี้ยวน้องยังไงก็ห้ามจูบ!’
เขาคิดในใจเพื่อดึงสติตัวเอง หลังจากร่ำลากันเสร็จไทม์จึงเดินมาน้องมาส่งให้กับแม่ด้วยอารมณ์ของน้ำตาลที่เปลี่ยนไปจนแม่ย่นคิ้วมอง ก่อนพากันเข้าห้องน้ำลูกชายตัวเล็กของคุณแม่ยังงอแงร้องไห้ไม่อยากกลับ เหตุใดตอนเดินออกจากห้องน้ำถึงได้อารมณ์ดียิ้มร่าได้ขนาดนี้
ไทม์ยืนโบกมือลา มองดูน้องกับแม่เดินไกลออกไปพร้อมกับมีความคิดหนึ่งแทรกเข้ามาในหัว
‘เดทแรกของเราก็ไม่ได้แย่’
จู่ ๆ ก็ยกให้กิจกรรมวันนี้เป็นเดทแรกเสียอย่างนั้น เมื่อรู้สึกว่าตัวเองคิดอะไรเกินเลยอีกแล้วไทม์จึงยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเพื่อเตือนสติ ไม่รู้จะพาตัวเองเสี่ยงคุกไปถึงไหน หรือจะต้องพูดย้ำกับตัวเองอีกสักกี่ครั้งกันว่าน้องเพิ่งเจ็ดขวบ!!