ชั้นที่1 กฎการรับประทานอาหารในห้องอาหารของมาดามเชอรี่

2743 คำ
หลังจากทุกคนอ่านกฎจนครบแล้ว บางคนก็เกิดอาการหวาดผวา บางคนก็กลืนน้ำลายด้วยความเหลือเชื่อ แต่บางคนก็ดูเฉยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาๆ “น่ากลัวจังเลยเนอะ แต่ว่ามันอาจจะเป็นการล้อเล่นก็ได้นี่ จริงไหม” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม บอกกับผมด้วยรอยยิ้มที่ปราศจากการกังวล เธอเป็นคนที่สวยอย่างน่าตกใจ จนผมเผลอมองค้างไปหลายวินาที ช่างน่าแปลกที่ผู้หญิงที่บอบบางแบบเธอไม่มีอาการกลัวสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้เลยแม้แต่นิดเดียว พ่อบ้านเปิดประตูห้องรับแขกออกอย่างช้าๆ และเรียกให้พวกเราออกจากห้อง ทุกคนค่อยๆ เดินออกไปอย่างเชื่อฟัง ผมก็เหมือนกัน เพราะผมเองก็ยังไม่อยากเป็นคนทดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหรอก แต่ไม่ทันไรก็มีคนโวยวายขึ้นมาว่า “ใครจะออกไปให้โง่ล่ะ แกอาจจะพาพวกเราไปฆ่าก็ได้ สู้อยู่ในห้องนี้แล้วหาทางออกไปจากที่นี่ไม่ดีกว่าหรือไง” ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา เขามีผมสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาดุร้าย ตอนแรกนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ตามเขากลับไปที่ห้อง แต่พอได้ยินเขาพูดขึ้นมาเช่นนี้ บางคนก็เริ่มเกิดอาการลังเล “พวกคุณโปรดรออยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ จนกว่ากระผมจะกลับมา” พ่อบ้านพูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆ เช่นเคย และเดินกลับไปหาชายคนนั้นที่ห้องรับแขก แล้วเขาก็ปิดประตูไป ผมได้ยินเสียงฉีกกระชากของอะไรบางอย่าง และเสียงที่เหมือนเสียงกระแทกดังโครมคราม ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของชายคนนั้น จนไม่นานเสียงก็เงียบลง พ่อบ้านเดินกลับมาโดยกำลังเช็ดมือที่เปื้อนเลือด แถมเสื้อผ้ายังมีรอยเลือดกระเซ็นเต็มไปหมด แต่ตัวพ่อบ้านกลับไม่มีรอยแผลเลยสักนิด แม้แต่รอยถลอกก็ไม่มี “ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนแขกท่านนั้น โปรดทำตามกฎอย่างเคร่งครัดนะขอรับ” พ่อบ้านเตือน แล้วก็เดินนำหน้าพาพวกเราไปยังอีกห้องหนึ่ง พวกเราได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเขาไปโดยไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรข้างหน้า มีเด็กคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังผม ท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ สาวสวยคนนั้นก็เลยเข้าไปปลอบ “ไม่เป็นไรนะ ถ้าทำตามกฎล่ะก็ พวกเราต้องได้ออกไปจากที่นี่แน่ๆ จ้ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูด แล้วก็ลูบหัวเด็กชายคนนั้นเบาๆ “จริงๆ หรอ จะไม่เป็นไรจริงหรอ” เด็กชายพูดด้วยเสียงสั่นๆ เด็กคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุประมาณ12ปีเอง ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ …ไม่สิ งั้นก็แปลว่าตัวผมเองก็น่าสงสารเหมือนกันไม่ใช่หรือไง “แน่นอนจ้ะ ฉะนั้นตอนนี้ หนูต้องเป็นเด็กดีนะ” เธอปลอบเด็กคนนั้นด้วยความอ่อนโยน ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าเหลือแค่12คนแบบนี้ พวกเราจะมีโอกาสได้ไปถึงชั้นสุดท้ายหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตัวตามที่เขาบอกไปเรื่อยๆ พวกผมเดินมาถึงห้องๆ หนึ่งที่มีกลิ่นหอมหวนของอาหารลอยมาแต่ไกล ผมก็ไม่รู้ว่า ผมไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากๆ จนอยากรีบเข้าไปในห้องนั้นเร็วๆ แต่แล้วพ่อบ้านก็แจกกระดาษให้พวกเราใบหนึ่ง แล้วกำชับให้พวกเราอ่านก่อนจะเดินเข้าห้องไป “กฎของลานประหาร13ชั้น : ชั้นที่ 1 กฎการรับประทานอาหารในห้องอาหารของมาดามเชอรี่ 1.พอเข้าไปในห้องอาหาร ห้ามเดินไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยตนเอง รอจนกว่ามาดามเชอรี่ทักทายเสร็จ และพาคุณไปที่ที่นั่งของคุณ เมื่อเธอบอกว่าให้นั่งได้ คุณถึงสามารถนั่งลงได้ 2.มาดามเชอรี่เป็นสุภาพสตรีชาวอังกฤษที่เคร่งในกฎระเบียบมากๆ เธอเกลียดคนที่ไม่ปฏิบัติตามมารยาทเวลาอยู่บนโต๊ะอาหาร ฉะนั้นแล้วโปรดระวังให้ดี ถ้ามาดามอารมณ์เสียขึ้นมา มันจะไม่ดีต่อตัวพวกคุณต่อจากนี้ 3.อาหารจะถูกนำมาวางที่โต๊ะคุณทีละอย่าง ตามลำดับ เราขอแนะนำว่าอย่าไปมองหน้าเด็กเสิร์ฟจะดีกว่า มันไม่ค่อยน่าอภิรมย์สำหรับคุณเท่าไหร่นัก 4.คุณสามารถกินอาหารได้เฉพาะ จานที่มีขอบสีแดงเท่านั้น ห้ามกินอาหารจากจานที่มีขอบสีอื่นโดยเด็ดขาด ไม่ว่ามันจะดูน่าเอร็ดอร่อยแค่ไหนก็ตาม หากไม่ปฏิบัติตามอาหารมื้อนี้ อาจจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของคุณ 5.สำหรับจานที่มีขอบสีอื่นจะมีวิธีปฏิบัติแตกต่างกันไป 6.เริ่มจากจานที่มีขอบสีขาว อาหารในจานนี้จะส่งกลิ่นเย้ายวนชวนกินมาให้คุณ ดังนั้นคุณควรจะกลั้นหายใจ หรือปิดจมูกเอาไว้ อย่าให้ได้กลิ่นเป็นเวลานานเป็นอันขาด คุณจะเห็นบางสิ่งค่อยๆ เขยื้อนขึ้นมาบนโต๊ะเพื่อกินอาหารในจานนี้ อย่าไปสนใจ มันไม่ทำอะไรคุณหรอก 7.ต่อมาเป็นจานที่มีขอบสีฟ้า อาหารในจานนี้จะดูน่าเอร็ดอร่อยเป็นที่สุด และเราขอยืนยันว่ามันอร่อยจริงๆ ถ้าคุณอยากรับประทานมันเป็นอาหารมื้อสุดท้าย ก็เชิญตามสบาย แต่ถ้าไม่ กรุณาหลับตาลง ไม่ว่าคุณจะได้ยินเสียงเรียกหรือเสียงอะไรก็ห้ามลืมตาขึ้นมาโดยเด็ดขาด เจ้าพวกที่กำลังกินอาหารของคุณอยู่เป็นพวกขี้อายน่ะ จนกว่าจะได้ยินเสียงกระดิ่งของมาดาม เพื่อบอกถึงอาหารจานต่อไป อย่าลืมตาขึ้นมา หากคุณยังอยากมีชีวิตรอด 8.จานที่มีขอบสีเขียว จะเป็นอาหารที่ดูน่าสะอิดสะเอียนสำหรับคุณ แต่คุณไม่ต้องกินมัน เพียงแค่หั่นมันเป็นชิ้นพอดีคำ จะมีสิ่งหนึ่งมากินมันให้คุณเอง อย่าหั่นใหญ่หรือเล็กไปล่ะ มันอาจจะทำให้เจ้าสิ่งนั้นไม่พอใจ 9.ส่วนจานสีแดงที่คุณสามารถรับประทานได้ ไม่ว่ารสชาติมันจะห่วยแตกแค่ไหน คุณห้ามแสดงอาการไม่พอใจออกมา และควรจะกินมันให้หมดจาน มาดามเชอรี่เกลียดคนที่กินทิ้งขว้างมากๆ 10.ถ้าคุณอิ่มแล้ว คุณสามารถวางช้อนกับส้อมไขว้กันเพื่อเป็นสัญญาณขอพักท้องได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณอิ่มแล้วจริงๆ และจะไม่แสดงอาการว่าอยากกินอาหารในจานอื่น เพราะมันจะทำให้มาดามไม่พอใจ 11.เมื่อใกล้จะสิ้นสุดมื้ออาหาร มาดามจะยกขนมมาเสิร์ฟด้วยตนเอง สิ่งที่คุณควรจะสังเกตคือสีหน้าของมาดาม 12.ถ้ามาดามยิ้มให้อย่างสุภาพ ถือว่าคุณโชคดีแล้ว คุณปฏิบัติตัวในที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี แค่คุณกินขนมให้หมด แล้วนำผ้าบนตักมาพับวางบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วกล่าวขอบคุณมาดาม คุณก็จะออกไปจากชั้นนี้ได้อย่างปลอดภัย 13.ถ้ามาดามทำหน้าเฉยๆ ให้คุณ ให้คุณออกปากชมว่าอาหารเธออร่อยไปเสียหน่อย เธอจะยิ้มให้คุณเอง แล้วก็ปฏิบัติตามข้อ12ได้เลย 14.ถ้ามาดามทำหน้าบึ้งให้คุณ หลังจากรับประทานของหวานเสร็จ คุณอาจจะต้องนั่งคุยกับเธออีกสักพัก ท่ามกลางเจ้าพวกนั้น ถ้าคุณสามารถคุยจนเธอกลับมายิ้มได้ คุณก็จะสามารถออกจากห้องนี้ไปได้ 15.ถ้าเธอยิ้มกว้างจนเหมือนปากจะฉีกให้กับคุณ เราขอแสดงความเสียใจด้วย แต่คุณคงไม่สามารถรอดจากห้องนี้ไปได้ อย่าพยายามคิดหนีเลย มันเหนื่อยเปล่า ขอให้พวกคุณเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารในห้องอาหารของมาดามเชอรี่ อาจจะมีบางจานที่ไม่ถูกปากไปบ้างก็ขออภัยด้วย มาดามเขาไม่แน่ใจว่ามนุษย์ชอบรสชาติแบบไหน แต่เธอก็ทำดีที่สุดแล้ว” พอผมอ่านกฎจนจบ จากที่กำลังหิวจนตาลาย กลายเป็นว่าผมรู้สึกจะกินอะไรไม่ลงไปซะอย่างนั้น พ่อบ้านบอกว่าพวกผมสามารถนำกฎไปวางข้างๆ ได้ ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะลืม หลังจากนั้นพ่อบ้านก็เคาะประตูหน้าห้อง 3 ที แล้วก็เปิดประตูพาพวกเราเข้าไป มาดามเชอรี่ต้อนรับพวกเราอย่างสุภาพ เธอใส่หมวกปิดหน้า ทำให้ผมมองเห็นดวงตาของเธอไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ดูแล้วไม่มองมันน่าจะดีกว่า มาดามเชอรี่พาพวกเราไปนั่งที่ทีละคน ขั้นตอนนี้ทุกคนสามารถทำตามมันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ที่ยากน่ะ ต่อจากนี้ต่างหาก บนโต๊ะมีจานช้อนส้อมมีด วางเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งคู่มือมารยาทบนโต๊ะอาหาร และกฎที่ผมถือมา อาหารจานแรกถูกนำมาเสิร์ฟ จานนี้มีขอบสีขาว ทุกคนจึงรีบเอามือมาปิดจมูกโดยทันที หวังว่ามาดามจะไม่มองว่ามันไร้มารยาทนะ แต่ดูเหมือนว่ามาดามจะไม่หันมามองทางนี้ ตอนที่อาหารจานนี้มาเสิร์ฟ มีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดหน้าตาบิดเบี้ยว ค่อยๆ คลานขึ้นมากินอาหารบนจาน ผมรู้สึกว่าถ้าผมดูมันกินต่อไป ผมอาจจะกินข้าวไม่ลง ผมจึงเลือกที่จะปิดตา ครั้งนี้ เด็กเสิร์ฟนำจานสีแดงมาแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นซุป พวกเราที่หิวโหยจึงรีบตักกินกันอย่างไม่คิดชีวิต แต่แล้วก็พบว่าซุปชามนี้มันเผ็ดเกินกว่าจะกินได้ มาดามจ้องมาทางพวกเราอย่างหนัก ผมมองเห็นดวงตาของเธอที่อยู่ใต้หมวกอยู่แวบๆ มันเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าเลย ดังนั้นผมจะทำท่าเหมือนกินไม่ไหวไม่ได้ ผมพยายามซดน้ำซุปจนหมด โดยรู้สึกเหมือนคอกำลังถูกแผดเผา แต่ยังไงมันก็คงจะดีกว่าความตาย ผู้หญิงแต่งตัวมีระดับ ใส่ต่างหูแปลกๆ ที่นั่งข้างๆ ผม พยายามทนกินน้ำซุปด้วยความยากลำบาก ผมเห็นสีหน้าทรมานของเธอเลยล่ะ หวังว่ามาดามจะไม่ว่าอะไรนะ อาหารจานต่อมาที่มาเสิร์ฟ เป็นการวัดความอดทนอย่างแท้จริง มันคืออาหารจานสีฟ้า ที่มีสเต็กเนื้อชิ้นใหญ่ที่ดูชุ่มฉ่ำ ราดด้วยซอสที่มีกลิ่นหอมสมุนไพร จนบางคนเกิดอาการน้ำลายสอกันเลยทีเดียว เพราะน้ำซุปเมื่อกี้ ไม่สามารถบรรเทาความหิวได้เลยแม้แต่นิด การที่มีอาหารที่ดูน่าอร่อยขนาดนี้ มาตั้งอยู่ตรงหน้าแล้วกินไม่ได้ มันจึงทรมานยิ่งกว่าต้องซดน้ำซุปสุดเผ็ดเมื่อกี้อีก ผมปิดตาปิดจมูก แล้วพยายามลืมๆ มันไป ครั้งนี้ผมแทบไม่ได้ยินเสียงกินอาหารของ ‘เจ้าสิ่งนั้น’ เลย แต่ก็ไม่กล้าหรี่ตาขึ้นมามองอยู่ดี เสียงกระดิ่งของมาดามดังขึ้น บ่งบอกว่าอาหารจานถัดไปถูกนำมาเสิร์ฟแล้ว ผมลืมตาขึ้นมาเห็นแจกันที่เต็มไปด้วยผัก หน้าตาแปลกประหลาด ที่ดูไม่น่าจะกินได้ ถูกวางไว้ในจานที่มีขอบสีแดง ผมฝืนกินมันเข้าไป รสชาติมันทั้งขมทั้งฝาด เหมือนไม่ใช่อาหารที่มนุษย์กินได้เลย แต่ผมก็ต้องทนกินมันไปก่อน สาวสวยที่ผมเจอตอนแรกเป็นคนที่สุดยอดไปเลย เธอกินมันอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับรสชาติที่ตีกันในปากผมเป็นแค่เรื่องโกหก ส่วนผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้างผม ออกอาการรังเกียจอาหารจานนี้อย่างเห็นได้ชัด ผมชักจะเป็นห่วงเธอแล้วว่าเธอจะรอดจากห้องนี้ไปได้หรือไม่ และพวกเราก็รับประทานอาหารกันต่อไป อาหารที่มีขอบจานสีเขียวมันดูน่าสยดสยองเกินกว่าผมจะรับได้ มันเหมือนจะเป็นอวัยวะบางส่วนของมนุษย์ ที่ผมทนต้องหั่นเป็นชิ้นๆ แต่ก็ดีที่ไม่มีของเหล่านี้ไปโผล่ในจานสีแดง เพราะผมคงทนกินหมดไม่ได้แหงๆ เวลาผ่านไปจนถึงจานขนม ซึ่งเป็นตัวตัดสิน ว่าเราจะรอดออกไปได้หรือไม่ ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด มาดามนำขนมมาเสิร์ฟให้ผม เหมือนว่ามันจะเป็นไอศกรีมรสพีช ที่ราดด้วยฟรุตสลัด ผมลองตักกินคำหนึ่งก่อนจะมองไปที่หน้ามาดาม มาดามทำหน้าเฉยเมยใส่ผม “อาหารอร่อยมากเลยครับ โดยเฉพาะขนมที่กินอยู่นี่ มันอร่อยจนผมอยากจะขอเพิ่มอีกเลยล่ะครับมาดาม” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่คำโกหก ขนมมันอร่อยจริงๆ ผมพูดโดยพยายามลืมรสชาติอาหารก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่กินไป มาดามกลับมายิ้มแล้ว แถมเธอยังบอกกับผมว่า ขนมมีอีก ถ้าอยากได้เพิ่มเดี๋ยวเธอจะไปเอามาให้ ผมกล่าวขอบคุณมาดาม กินขนมทั้งสองถ้วยให้หมด แล้วจึงพับผ้าเช็ดหน้า วางบนโต๊ะ หลังจากนั้น ผมก็ถูกส่งออกไปจากห้องนี้ มีคนบางส่วนออกมาก่อนผมแล้ว เด็กผู้ชายตัวน้อย แล้วก็สาวสวยคนนั้นด้วย แต่ผู้หญิงที่นั่งข้างผมยังไม่ออกมา ที่ด้านนอกมีฉายภาพหน้าจอของคนที่อยู่ข้างในให้พวกเราดูด้วย มาดามเดินไปเสิร์ฟขนมให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยยิ้มกว้าง กว้างยิ่งกว่าที่ผมจินตนาการไว้ จากนั้นก็ล็อกผู้หญิงคนนั้นไว้ ทั้งที่แขนขา และคอ จากนั้นก็วนไปเสิร์ฟขนมจนครบ จนทุกคนยกเว้นเธอคนนั้นได้ออกมากันหมด ภาพหน้าจอถูกเปลี่ยนเป็นภาพวาด ที่มีคำอธิบาย เหมือนกับนิทานเด็กน้อย “กฎของลานประหาร13ชั้น : ชั้นที่1 ลานประหารของมาดามเชอรี่ มีแค่พวกคุณที่อยู่ด้านนอกเท่านั้น ที่สามารถมองเห็นตัวเอียง 1.มาดามเชอรี่ไม่พอใจในการรับประทานอาหารอย่างไร้มารยาทของคุณ ดังนั้นเธอจะให้โอกาสคุณในการแก้ตัวใหม่ 2.จงกินอาหารที่เห็นบนโต๊ะให้หมดอย่าให้เหลือแต่จานเดียว มันเป็นอาหารที่อร่อย ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก เพียงแต่อาหารทุกจานจะถูกใส่ยาถ่ายฤทธิ์แรงมากๆ ไว้ 3.ไม่ว่าคุณจะรู้สึกเช่นไรอยู่คุณก็ต้องกินอาหารให้หมด ภายในครึ่งชั่วโมง มิเช่นนั้นหนามที่อยู่บริเวณที่ล็อกคอคุณอยู่จะทำงาน คุณคงเข้าใจนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น 4.เมื่อคุณกินอาหารจนหมดแล้ว คุณอาจจะรู้สึกหมดแรง เรามีไวน์คุณภาพดีให้กับคุณ จงซดให้หมดแก้วในครั้งเดียว ไวน์ใส่พิษนี้จะแผดเผาลำคอคุณอย่างรุนแรง เมื่อคุณทนพิษไม่ไหวคุณจะตายไปเอง ไม่ต้องห่วง หวังว่าคุณจะได้รับประสบการณ์อันน่าจดจำ จากอาหารมื้อนี้ ปล. คุณไม่สามารถใช้งานห้องน้ำได้ ขออภัยในความไม่สะดวก ขอบคุณที่ใช้บริการ มาดามเชอรี่” ผมแทบไม่อยากนึกภาพว่าคนที่อยู่ด้านในจะเจอกับอะไรบ้าง นี่ขนาดแค่ชั้นแรกเท่านั้น แต่แทนที่ทุกคนจะรู้สึกกังวล หรือเสียใจที่มีเพื่อนร่วมทางคนหนึ่งต้องจากไป หลายคนทำท่าทางโล่งใจ ที่ครั้งนี้เหยื่อไม่ใช่ตน ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อถึงคราวคับขัน ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ก็พร้อมที่จะทิ้งทุกคนที่อยู่ข้างๆ หากมันทำให้รอดตายไปได้ มนุษย์น่ะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้แหละ ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม