ความเดิม- "ป๋าไปเกาะไม่ยอมชวนหนูกับน้องเลย.." นนท์วนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับวิ่งมากอดคอผู้เป็นบิดาจากด้านหลัง ส่วนวนานนท์ปีนขึ้นมานั่งบนตักของบิดา
…………………………………………..
"ป๋าไปทำงานนี่ครับ..หื้ม..ตัวหนักขึ้นน่ะเนี่ยทั้งสองคนเลย..ไง..จะอ้อนเอาอะไรจากป๋าอีกล่ะ..รถบังคับ..เกมเพลย์ หรือจักรยาน"
"ของอาลีเอาจักรยานคร้าบ../ของลีอาเอาเกมเพลย์ค่า"
"แน่ะ เจ้าลีอาจะขึ้น ม.ปลายแล้วนะ ถ้าป๋าให้เกมเพลย์แล้วจะสนใจอ่านหนังสือหรือเปล่า คะแนนตกระวังแม่เราจะมาดุป๋านะ ทีนี้แหละไม่เป็นอันกินอันนอนเลยนะจะบอกให้ ถ้าอยากได้ต้องสัญญาก่อนว่าจะรู้จักแบ่งเวลา แล้วต้องช่วยป๋าทำงานแลกค่าเกมนี้ด้วย ส่วนเจ้าอาลีก็เหมือนกัน ต้องเป็นเด็กดีช่วยแม่่ทำงานบ้านไม่ดื้อ ไม่ทำให้แม่เราเหนื่อยแลกกับค่าจักรยาน และต้องเป็นเด็กดีให้ดูก่อนถึงจะซื้อให้.. โอเค้"
"โอเคค่า/โอเคคร้าบ" สองเด็กน้อยส่งเสียงตอบรับบิดาประสานกัน
ด้านเกียรติพงษ์ที่นั่งฟังอยู่อดยกยิ้มอย่างนึกเอ็นดูไม่ได้และการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของอานนท์ทั้งหมดแล้ว
อานนท์ได้ชักชวนให้เกียรติพงษ์มาคุยกันที่ศาลาหน้าบ้านดู ซึ่งมองไปจะเห็นทัศนียภาพโดยรวมของบ้านตลอดจนต้นไม้ต้นไร่ดูสบายขึ้นเยอะแต่ความจริงแล้วกันชายหนุ่มให้อยู่ห่าง ๆ กับลูกสาวต่างหากล่ะ
สำหรับอานนท์แล้วเขาไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรเรื่องสัญญานั่น เพียงแต่ลูกสาวของเขายังเด็กเกินไป จึงอยากให้โฟกัสเรื่องเรียน-เล่นให้สมวัยไปก่อนไม่อยากชี้โพรงให้กระรอกเดี๋ยวลูกสาวของเราจะเสียเด็กเสียเปล่า ๆ เรื่องอะไรจะเปิดทางให้ง่าย ๆ เล่า ลูกพี่ชายที่นับถือก็นับถือเถอะ บุญคุณส่วนบุญคุณ มันคนละเรื่องคนละส่วนกัน
"เอ่อ.. อานนครับ เปิดเทอมหน้าน้องลีอาก็ไปเรียนที่ตัวจังหวัดแล้วไม่ใช่เหรอครับ งั้นผมขออาสาไปรับไปส่งน้องให้ดีมั๊ยครับ อานาจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไป อานนก็ต้องดูแลฟาร์มหอยมุก ไหนจะท่าประมงอีกไม่ใช่เหรอครับ ยุ่งจะตาย" เกียรติพงษ์ทำทีเป็นเสนอตัวด้วยความเห็นอกเห็นใจ
"ก็ยุ่งอยู่..เอาเป็นว่าถ้าอากับอานาไม่ไหวจะรบกวนเราเป็นครั้งคราวแล้วกันนะ" อานนท์ตัดบท
"ยินดีครับอานน"
"ว่าแต่เราเถอะ ไม่ยุ่งรึไง งานที่โรงแรมก็ไม่เบานิ่ ไหนจะรีสอร์ทอีก แล้วอย่างนี้จะมีเวลาที่ไหนมาดูแลให้สาว ๆ ล่ะ" อานนท์ทำทีเป็นพูดหยั่งเชิง
"ผมไม่มีแฟนครับ ผู้ชายน่ะครับ..ก็มีซื้อกินบ้าง แต่คบหาเป็นแฟนไม่มีครับ"
"เฮ่ย.. 32 แล้วนะ ยังไม่มีอีกเหรอ นายกันก็หมั้นไปแล้วนิ่ แล้วเราล่ะเมื่อไรจะหาสักที เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้หรอก ดูอาซิ่ ต้องมานั่งเลี้ยงเด็กแสบตอนอายุห้าสิบกว่าเนี่ย มันเหนื่อยนะ วิ่งตามลูกไม่ทัน หึหึ"
"ก็กำลังหา ๆ ดู ๆ อยู่นี่แหละครับ" เกียรติพงษ์บอกอย่างมีความนัย
แต่ในขณะที่ชายสองคนต่างวัยกำลังคุยกันสัพเพเหระนั้น ก็ต้องหันสนใจเสียงที่ดังมาจากหลังบ้านนั่นทำให้สองคนต้องรีบสับเท้ามาที่จุดกำเนิดของเสียงอย่างไวอยู่ในที
//ลีอา ลงมาเดี๋ยวนี้.. บอกให้ลงมา..ยังอีก เดี๋ยวจะโดนไม้เรียวนะ.. ขึ้นไปทำไมบนต้นไม้นั่น.. เสียงคุณนายวนาลีดุลูกสาวเสียงขรม
//แม่ครับอย่าตีพี่ลีอา พี่เค้าเอานกไปคืนให้พ่อแม่มันคร้าบ..
อีกด้านของผู้มาใหม่
"อะไรกันนา เสียงดังอะไร/ อ้าวอาลีก็อยู่นี่เหรอ..แล้วพี่เราล่ะอยู่ไหน" อานนท์เอ่ยถามภรรยาเป็นเชิงตำหนิเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กอยู่กับแม่ก็เบาใจแต่ไม่เห็นลูกสาวคนโตในใจก็คิดไปสารพัดว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวอย่างแน่นอน
"จะอะไรล่ะคะ นู่น..แม่นางฟ้าของป๋าปีนเอาลูกนกไปคืนรังอยู่บนยอดไม้นู่น" วนาลีบอกอย่างฉุน ๆ ในใจก็ห่วงลูกสาวเกรงว่าจะตกต้นไม้แข้งขาหักแต่ปากแข็ง
//อาลี..ภารกิจสำเร็จ ส่งลูกนกคืนรังเรียบร้อย.. เสียงนนท์วนาร้องบอกน้องชายโดยไม่ทันมองว่ามีใครรออยู่ที่ใต้ต้นไม้บ้าง
//สุดยอดเลยครับพี่ลีอา ลงมาได้แล้วคร้าบ.. คนน้องตะโกนบอกพี่สาวไปโดยไม่ได้บอกพี่สาวว่าสถานการณ์ข้างล่างเป็นอย่างไรบ้าง
//อ้าวลีอาขึ้นไปทำอะไรบนนั้นลูก ลงมาเร็วป๋ารออยู่ข้างล่าง ค่อย ๆ ลงลุก.. อานนท์ตะโกนเรียกลูกสาวและลุ้นอยู่ในใจว่าอย่าให้เกิดเหตุอะไรเลย
ด้านเกียรติพงษ์ได้แต่รอสแตนบายไว้ก่อนแล้ว
//ไม่ต้องห่วง สบายมาก เดี๋ยวลีอาลงเอง..เคลียร์.. เด็กสาวร้องบอกคนข้างล่างอย่างล้อเลียนเกมเพล์ที่มักจะได้ยินคำพูดนี้เมื่อภารกิจสำเร็จ แต่ขณะที่เด็กสาวกำลังจะลงมานั้นดันพลาดไปเหยียบกิ่งไม้ที่ผุทำให้หญิงสาวเสียหลักแต่บังเอิญเกาะกิ่งไม้ได้ทัน
ส่วนคนข้างล่างได้แต่นิ่งเงียบลุ้นจนตัวโก่งมีเพียงคนเดียวที่ได้สติรีบเข้าไปอุ้มเด็กสาวไว้ เพราะเกรงว่ากิ่งไม้เล็ก ๆ จะรับน้ำหนักตัวของเด็กสาวไม่ไหวและก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
แกร่บ.!!
พรึ่บ!!
ฟู่ว…. เสียงถอนหายใจโล่งจากชายหนุ่ม
"ขอบใจมากนะพ่อเกียรติ ถ้าไม่ได้พ่อเกียรติอาว่าเราต้องได้ยายัยลิงทะโมนนี่ไปหาหมอแน่ ๆ เลย" เป็นวนาลีที่เอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก ส่วนอานนท์ได้แต่โล่งอกและนึกชื่นชมชายหนุ่มในใจที่มีไหวพริบและมีสติดีมาก
"ขอบใจนะเกียรติ/มะยัยตัวดีมานี่ ไหนมาเล่าให้ป๋าฟังซิว่าขึ้นไปบนนั้นทำไม ถ้าเหตุผลไม่ดีมีโดนไม้เรียวนะ" อานนท์ทำทีเป็นพูดขึงขังแต่แอบจูงมือลูกสาวหนีจากตรงนั้นอย่างไว ทำเอาชายหนุ่มได้แต่นึกขำในใจในความปกป้องลูกสาวจากไม้เรียวของภรรยาของคุณป๋า