ความเดิม- "ก็ตามประสาเด็กน่ะครับ เห็นคุณหนูกำชับนักกำชับหนาว่าอยากกิน พอผมไปเก็บมาให้ก็หายตัวกันแล้ว ก็เลยเอามาส่งให้ที่นี่น่ะครับ" ทองพูดยิ้ม ๆ
………………………………………
"อ๋อ..ครับ..ขอบคุณครับลุงทอง..กินข้าวด้วยกันมั๊ยครับ" เด็กชายวนานนท์เอ่ยชวนชายวัยกลางคนอย่างน้ำใสใจจริง
"ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้ว งั้นผมขอไปทำงานต่อนะครับ" นายทองพูดยิ้มอย่างนึกเอ็นดูเด็กน้อย
"ขอบคุณมากค่ะลุงทอง/เด็ก ๆ ขอบคุณลุงทองหรือยัง ลุงเค้าอุตส่าห์เอาของที่หนูอยากกินมาให้เนี่ย.." วนาลีกระตุ้นเตือนลูกทั้งสอง
"ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่า" เด็กน้อยยกมือกระพุ่มไหว้ และกล่าวประสานเสียงขอบคุณนายทองพร้อมกันอย่างน่าเอ็นดู
ด้านเกียรติพงษ์ที่นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่แอบเก็บรายละเอียดเด็กสาวอยู่ตลอด ถึงบทขำก็หัวเราะแบบไม่ปิดบังนั่นทำให้วนาลียิ่งแน่ใจเข้าไปใหญ่ว่าเด็กหนุ่มคราวหลานได้ถูกยัยเด็กแสบตกเข้าให้แล้ว
"อ๊าว..กินข้าวจ้ะพ่อเกียรติ มัวแต่นั่งเหม่อเดี๋ยวเจ้าสองแสบแย่งกินกับหมดก่อนน๊าจะบอกให้เผื่อไม่รู้ กินเก่งมาก สักพักก็หิวอีก เนี่ยกินเสร็จก็คงพากันเข้าสวนไปหาลุงทองอีกตามเคย ลุงแกก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปโดยปริยาย" วนาลีพูดถึงลูกทั้งสองของเธออย่างเอือมระอาระคนเอ็นดู ส่วนอีกคนก็ได้แต่กินไปยิ้มไป
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเด็ก ๆ ได้ขอมารดาไปเล่นในสวนต่ออีกสักพัก ส่วนเกียรติพงษ์เลือกที่จะนั่งคุยกับเจ้าบ้านต่อที่ห้องนั่งเล่น
..เอ่อ..อานาครับคืออานาทราบเรื่องข้อตกลงระหว่างอานนกับคุณพ่อแล้วใช่ไหมครับ.. เกียรติพงษ์เอ่ยถามขึ้นหลังจากชั่งใจอยู่นาน
..เรื่องอะไรล่ะจ้ะ.. วนาลีแกล้งถามไปอย่างนั้น
..คือเรื่องที่คุณพ่อสัญญากับอานนไว้ว่าถ้าอานนมีลูกสาวจะขอไปเป็นลูกสะใภ้น่ะครับ.. เกียรติพงษ์พูดมันออกมาจนได้
..อ๋อ…..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.. สัญญาในวงเหล้าน่ะเหรอ..คงลืมไปแล้วมั๊ง วันนั้นอานนพาอาขึ้นไปกรุงเทพฯ บอกว่าจะพาไปเยี่ยมพี่ชายที่นับถือ แต่ที่ไหนได้พอไปถึงก็ตั้งวงกันเลย ตอนนั้นอาไม่เห็นพ่อกันพี่ชายเราหรอกเห็นคุณพี่กานดาบอกว่าติดเพื่อนช่วยเพื่อนเลี้ยงน้องอะไรนี่แหละ ก็เจอแต่เรานั่นแหละที่เล่นฟุตบอลอยู่ที่สนามหน้าบ้าน ตอนนั้นเราน่าจะกำลังเรียนอยู่ ม.ต้นละมั๊ง ที่ไหนได้พอกลับมาจากที่นั่นได้ไม่เท่าไรก็รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะมีน้อง ก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันที่อายุครรภ์ได้สี่เดือนนี่แหละหมอตรวจดูรู้เพศแหละทีนี้ คุณป๋าเค้าก็คิ้วขมวดอยู่พักใหญ่เหมือนกัน กลัวเพื่อนรุ่นพี่จะทวงสัญญาละมั๊ง.. วนาลีเล่าไปยิ้มไป
..ไม่ลืมนะครับ คุณพ่อยังถามถึงอยู่เลย ยังบอกกับผมว่าผมคือความหวังเดียวที่จะทำให้สัญญาระหว่างคุณพ่อกับอานนท์เป็นผลสำเร็จน่ะครับ..
..แล้วเกียรติล่ะ ถามถึงเรื่องนี้เพราะอยากรักษาสัญญาของรุ่นพ่อหรือเพราะอะไรล่ะ ถามใจตัวเองดูให้ดีก่อนแล้วค่อยมาดูแลน้อง แต่ถ้าเป็นเพราะประการแรก ลืมมันไปเถอะ ก็แค่สัญญาในวงเหล้า.. วนาลีกล่าวยิ้ม ๆ อย่างพอจะเดาอะไรได้แต่ทำไมเธอต้องแบไต๋ง่าย ๆ ล่ะลูกสาวของเราทั้งคนจะยกให้ใครง่าย ๆ อย่างงั้นหรือ
..ถ้าผมบอกว่าผมสนใจน้องล่ะครับ อานาจะว่ายังไง..
..สนใจแบบไหรเหรอจ๊ะไหนลองบอกอามาซิ๊..
..แบบทึ่งในความกล้าอย่างบ้าบิ่นของน้องครับ พอเห็นตัวจริงแล้วเกิดถูกชะตา บางครั้งก็หมั่นเขี้ยวอยากตีก้นสักป่าบนึงครับ หึหึ..
..แบบพี่ชายหรือเปล่า..เราต้องไปหยั่งใจตัวเองดูให้ดีนะพ่อเกียรติ..ถ้าวันนึงหลานพบว่ามันไม่ใช่มันจะเสียกันไปหมด อีกอย่างน้องก็ยังเด็ก เพิ่งจะสิบห้าย่างเอง ยังมีเวลาอีกเยอะ..
อีกด้านของผู้มาใหม่ที่ยืนฟังอยู่สักพักแล้ว
"ใช่..ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะเรียนรู้หัวใจตัวเองนะตาเกียรติ" อานนท์เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นและเดินมานั่งลงข้าง ๆ ภรรยาสุดรักสุดบูชา
"อานนสวัสดีครับ พอดีผมหยุดงานก็เลยอยากมาคุยด้วย แต่อานาบอกว่าอานนมีส่งของล็อตใหญ่ครับก็เลยนั่งคุยกับอานารอที่บ้านจะดีกว่า"
"ใช่ เสร็จหมดแล้วหละ มีของฝากไปให้คุณพี่กานดาด้วยนะ เป็นมุกสีชมพูเม็ดกลม ๆ เลยจะเอาไปเข้าชุดหรือไปทำเป็นสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือก็สวยนะ" อานนท์ยื่นถุงกำมะหยี่สีดำให้ชายหนุ่มแล้วยิ้ม
"ขอบคุณครับอานน นี่ก็คงเอาไปให้ช่างเค้าทำอีกตามเคย ไม่รู้กี่คอลเลกชันแล้ว" เกียรติพงษ์ยกมือกระพุ่มไหว้เพื่อนรุ่นน้องของบิดาอย่างรู้มารยาทพร้อมกับพูดถึงมารดาในเชิงล้อเลียน
"ผู้หญิงน่ะ ก็ชอบของสวย ๆ งาม ๆ ว่าแต่เราเถอะ จะเริ่มเมื่อไรล่ะฟาร์มเลี้ยงหอยมุกน่ะ"
"ก็กำลังดู ๆ อยู่ครับ คุณพ่อก็ให้คนช่วยดูหลาย ๆ ด้านครับทั้งเรื่องระเบียบข้อกฎหมาย ดูชุมชน ชาวบ้านแล้วก็ตลาด"
"อืม รอบคอบดี แต่เราจะมีเวลาเหรอ งานโรงแรมรีสอร์ทก็ยุ่งจะตาย ส่วนพี่ชายก็บริษัทที่กรุงเทพฯ แล้วก็บริษัทลูกอีก ต่างคนต่างไม่มีใครช่วยใครได้เลยนะอาว่า"
"ก็ใจมันรักครับ ก็คงต้องลอง ถ้าไม่ลองก็คงไม่คงไม่รู้ว่าจะไหวหรือไม่ไหวละครับ คุณพ่อก็ไม่ได้ห้าม ส่วนคุณแม่ก็มีบ่นบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับห้ามแค่ให้ดูแลตัวเองดี ๆ น่ะครับ"
"หึหึ คนเป็นแม่ก็ห่วงเป็นธรรมดาแหละนะ"
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นั้นก็มีเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาก่อนตัวจากทางหลังบ้าน
/..ป๋ามาแล้ว/ป๋ามาแล้ว..
"ป๋าไปเกาะไม่ยอมชวนหนูกับน้องเลย.." นนท์วนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับวิ่งมากอดคอผู้เป็นบิดาจากด้านหลัง ส่วนวนานนท์ปีนขึ้นมานั่งบนตักของบิดา