เขาพาเธอลงลิฟต์มาชั้นล่างสุดของโรงแรม แบบไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยลิลลี่จมอยู่กับอารมณ์หงุดหงิดของเพื่อนเวรนั่น จนลืมไปเลยว่าเขากำลังกุมมือเธออยู่
"เอ่อ..มือ -//- " เหมือนเขาคงลืมตัวเหมือนกันจึงรีบปล่อยออกทันทีที่ทัก
"คุณติดเลี้ยงเครื่องดื่มผม 1 ครั้งน่ะ"
"อ๋อ..งั้นไปร้านไหนดีละคะ ฉันไม่อยากขึ้นรูฟท็อปข้างบนแล้ว"
"ซอยข้างๆมีบาร์อยู่"
"ฉัน...ไว้ใจคุณได้ใช่มั้ย?"
"...แล้วแต่"
เขาพูดทิ้งประโยคไว้ให้เธอตัดสินใจ แล้วเดินหันหลังออกจากโรงแรมไปทางซ้าย แต่เขาก็แอบชำเลืองดูว่าลิลลี่จะตามมาด้วยหรือเปล่า ผู้คนกำลังเดินเข้าออกโรงแรมสวนโถงกลางฟลอร์ขวักไขว่จนเธอเกือบคาดสายตากับหนุ่มปริศนา
"เอาว้ะลิลลี่ เป็นไงเป็นกัน!"
เธอพึมพำกับตัวเองแล้วรีบจ้ำเท้าเดินตามเขาไปกลัวตามไม่ทัน เขาเห็นอย่างนั้นจึงหยุดรอเธอด้านหน้าโรงแรมแล้วเดินไปพร้อมกันโดยไม่พูดอะไร
พวกเขาเข้าบาร์ลึกลับในอาคารพาณิชย์ที่มีแต่ป้ายลูกศรบอกทางให้ขึ้นลิฟท์ขนาดเล็กไปยังชั้น 5 ดีที่บรรยากาศครื้นเครงหน่อยเพราะเป็นเวลาของคนท่องราตรีเดินสวนพูดเอิกเกริกไม่ให้ระหว่างทางเงียบเกินไป
/ตัวหอมจัง สูงด้วย/
เธอนึกใจในเรื่องส่วนสูงของผู้ชายคนนี้ เมื่อยืนชิดกันในลิฟท์แคบๆ (ลิฟท์เข้าได้4คนเต็ม) หัวของเธอเลยช่วงไหล่เขานิดเดียวเอง แถมกลิ่นน้ำหอมสไตล์ผู้ชายๆแมนๆคลีนๆ โชยมาตีประสาทสัมผัสให้เขาดูน่าหลงใหลเข้าไปใหญ่
แล้วลิฟท์ก็พามาถึงจุดหมาย ประตูเปิดออกบรรยากาศไฟสลัว ตกแต่งด้วยอิฐแดงแนวลอฟ์ทมีวงดนตรีแจ๊สร้องคลอ ผู้คนไม่เยอะมาก หนุ่มสาวแต่งตัวแบบชิลๆไม่ติดแกลมมองสาวเดรสสั้นกริตเตอร์เงินวิบวับพร้อมชายหนุ่มผู้พกสปอร์ตไลท์ส่วนตัวมาเองเป็นตาเดียว แน่นอนว่าพวกเขาทั้งคู่เด่นสุดในร้านแย่งซีนนักร้องเพลงแจ๊สบนมินิเวทีดับสนิท บรรยากาศด้านนอกมีระเบียงชมบรรยากาศชิล แตกต่างกับรูฟท็อปของโรงแรมเมื่อกี้ลิบลับ
"วอดก้าครับ ... คุณล่ะ?" เขาสั่งเครื่องดื่มที่บาร์
"เอ่อ..กามิกาเซ่ค่ะ"
พูดเสร็จเธอก็หยิบบัตรเครดิตทิ้งไว้ให้พนักงานแล้วเดินออกไปนั่งที่ริมระเบียงมองวิวตึกรามบ้านช่อง ตรงกันข้ามมีตึกสูงระฟ้า และผู้คนบนถนน เธอสูดลมหายใจเข้าสุดปอด แม้ว่าจะอากาศกลางเมืองไม่ดีเพราะมลพิษแต่นั่นก็ทำให้เธอผ่อนคลายจากเหตุการณ์เมื่อครู่ได้พอสมควร
เขาตามมานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ ท่าไขว่ห้างแขนเท้าพนักพิงเก้าไม้วินเทจอีกตัว บนโต๊ะเล็กมีต้นกระบองเพชรจิ๋ววางอยู่ แค่เขาทำท่าทางแค่นี้ก็ทำลิลลี่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
"ขอบคุณนะคะที่ช่วยไว้เมื่อกี้"
"แค่จะตามคุณมาเลี้ยงเครื่องดื่มน่ะ"
"เหอะๆ แต่คุณก็ตามในจังหวะที่ต้องการพอดี ขอบคุณค่ะ" แล้วเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ
"ถ้าอยู่ในสถานการณ์ลำบากก็ตะโกนดังๆไปสิ"
"ก็นึกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เฮอะ! คิดแล้วอารมณ์เสีย"
ลิลลี่พูดแล้วกระดกค็อกเทลลงคอพรวดๆ โดยลืมคิดไปว่าค็อกเทลเมาง่ายกว่ากินเบียร์อีก "ขออีกแก้วค่ะ!"
.
เขานั่งมองเธอมอมตัวเองด้วยค็อกเทล 4 แก้ว พูดจนลิ้นเหลวเล่าเรื่องเพื่อนแก๊งนี้หมดเปลือกมีทั้งแบบนินทา ด่าถอ แล้วเปรียบเทียบกับแก๊งสาวเพื่อนสนิทในมหาวิทยาลัยให้เขาฟังไม่หยุด เขาก็นั่งฟังเธอพูดไปด้วยยิ้มไปด้วยเหมือนตกอยู่ในภวังค์ของสาวคนนี้ ...มุมที่ไม่เคยเห็น
"คูณน่ะหลงเสน่ห์ฉ้านล่ะซิ้ถึงเลี้ยงเหล้าฉ้านอ่า? "
"อยากทำความรู้จัก เวลาเราเจอกันไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่" มือเท้าคางพูดบอกลิลลี่แล้วกระดกวอดก้าเข้าปาก
"หือออออ? ให้คุยเยอะได้งายเราพึ่งเจอกัลเอง ยางม่ายรู้ชื่อกัลเยย" ลิลลี่ตกอยู่ในสถานการณ์ลิ้นเหลวมึนตาหวานเยิ้มเพราะฤทธิ์ค็อกเทลแบบสุดๆ
"..ลิลลี่ค่าาา" เธอยื่นมาหวังเช็คแฮนด์ เขาชะงักไปแปปนึง
"ที" เขาก็ยื่นจับด้วยเช่นกัน
"คุณที~" แล้วลิลลี่ก็ดึงมือเหวี่ยงตัวเองเข้าไปกอดเขา กลิ่นน้ำหอมฟุ้งจนเธอไม่อยากคลายกอดไว้
แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
"ฮึก ฮือ..ตอนนั้น...ฉันกลัวจริงๆนะ กลัวไม่มีใครช่วย ถ้าไม่ได้คุณ...ฮึก"
ทีชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็เอามือมาลูบหลังหัวลิลลี่ปลอบ ไม่รู้อีท่าไหนกลายเป็นลิลลี่มานั่งบนตักผู้ชายคนนี้ได้ เธอร้องไห้โฮใส่เขา เขาก็ลูบปลอบเธอ
"เมาแล้วเป็นแบบนี้หรอเนี่ย"
"ฮึก ฮึก"
"หยุดร้องได้แล้ว เครื่องสำอางค์ไหลหมด" ลิลลี่ได้ยินแบบนั้นรีบคว้ากระจกเล็กในกระเป๋าครัชมาดู
"ฮือออ ไหลจริงด้วย แงงง~"
เขาเห็นท่าทางโกะกังเป็นเด็กขี้แยจึงหัวเราะ แล้วเอามือหนาปาดน้ำตาบนใบหน้าเธอ เหมือนเวลาหยุดหมุน เธอมองจ้องมองใบหน้าหล่อนั้นที่กำลังตั้งใจเช็คน้ำตาให้ ส่วนเขาก็มองหน้าขี้แย ขอบตาแดงก่ำพอๆกับสีแดงระเรื่อของพวงแก้ม ลิลลี่เผลอกัดปากตัวเองเหมือนกำลังส่งสัญญาณบางอย่างให้เขา
แล้วทั้งคู่ก็ประกบริมฝีปากจูบกันเหมือนแม่เหล็กดึงดูด รสหวานเปรี้ยวจากค็อกเทลผสมเหล้าเพียวคละคลุ้งในโพรงปาก
"ไปต่อกันมั้ย?" ทีถอนริมฝีปากถาม เธอหยุดคิดแปปนึง ก่อนมองหน้าเขา อารมณ์ของทั้งคู่กำลังขึ้นควรหาที่จัดการอารมณ์นั่นสักหน่อย
"อือ" เธอตอบรับอย่างเขินอาย