1
"ลิลลี่ พาพ่อไปหาหมอหน่อยสิ"
สุวิทย์ รองผบ.ตร. วัย 56 ร้องเรียกลูกสาว 'ลิลลี่' นักศึกษาปี 4 ในมหาวิทยาลัยดัง
"เป็นอะไรอีกละ" เธอถามด้วยความหน่าย
"ไปเอาวิตามินเพิ่ม พ่ออยากถามหมอว่ากินยาตัวไหนได้บ้าง"
"ไปกับหม่าม๊าแทนแล้วกัน หนูไม่ว่างต้องทำทีสิส"
"ม๊าแกไม่อยู่"
"ลุงเสริฐอยู่ เดี๋ยวหนูบอกให้ลุงพาไปแล้วกัน" ลุงเสริฐคนขับรถประจำบ้าน
"พ่อให้เสริฐเอารถตู้ออกไปเช็คที่ศูนย์เมื่อกี้"
"เฮ้อ หาเรื่องกันชัดๆ"
"อยากไปกับลูกสาว"
เสียงค้านดื้อดึงของคนเป็นพ่อยืนกร้าน สุดท้ายลิลลี่ก็ต้องยอมจำนนต่อผู้บังเกิดเกล้าคนนี้ตลอด จึงขับรถเก๋งซีดานออกไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึงระหว่างทางพ่อก็รบเร้าแวะซื้อผลไม้เกรดพรีเมี่ยมติดมือด้วย
"ซื้อทุกรอบขนาดนี้ไม่เปิดร้านของฝากเองเลยละ" ลิลลี่บ่นอุบอิบใส่สุวิทย์
"เขาอุตส่าช่วยเราไว้ ไม่มีของฝากสิน่าเกียจ" เขาบอก
"ยุคนี้ไม่น่าเกียจเลยเถอะ เราเป็นผู้เข้ารับบริการ หอบเงินไปให้เขาดูแล เป็นหน้าที่เขาถูกแล้ว ไม่ได้ไปให้รักษาฟรีสักหน่อย 😒"
"เอาหน่าๆ ลูกว่ากระเช้านี้ หรือ กระเช้านี้ดี"
สุวิทย์ไม่สนใจคำพูดของลูกสาวมัวแต่ครุ่นคิดเลือกของฝากทั้งที่ตัวเองไม่ได้กิน แถมไม่รู้อีกว่าเอาไปฝากเขาเขาจะกินด้วยหรือเปล่าอีก เผลอๆคงส่งต่อให้พวกพยาบาลในแผนกด้วยซ้ำ
"เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ.... อันนั้นก็ได้ค่ะผลไม้ถูกดี สารเคมีน่าจะเยอะ"
"ลิลลี่..."
สุวิทย์กดเสียงต่ำเอ่ยเรียกลูกสาว ส่วนเธอทำหน้าหน่ายใส่ ชี้กระเช้าโบว์สีเขียวผลไม้พรีเมี่ยมนำเข้าแทน ยังไงซะก็ไม่ใช่เงินเธอที่ต้องควักจ่ายอยู่แล้ว
.
.
"สวัสดีค่ะท่านรองฯ" พยาบาลรุ่นใหญ่วิ่งเข้ามารับทันทีที่เห็นคนไข้วีไอพีประจำ "วันนี้เป็นอะไรมาคะ"
"อยากคุยกับหมอณทีน่ะ"
"ค่ะท่านฯ เดี๋ยวดิฉันแจ้งคุณหมอให้นะคะ รบกวนรอสักครู่ค่ะ"
พยาบาลที่นี่แทบไม่ต้องเช็คประวัติกับสุวิทย์ เพราะเขาชอบมาโรงพยาบาลเกือบทุกอาทิตย์ แทบอยากจะแบ่งหุ้นให้รู้แล้วรู้รอด
ลิลลี่ในชุดสบาย หน้าเปลือย สวมเสื้อยืดลายการ์ตูนตาหวานญี่ปุ่น กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะหนีบ มัดผมหางม้าลวกๆ แต่งตัวไม่สมฐานะของลูกสาวรองผบ.ตร.เสียเลย (แต่งตัวประชดพ่อทุกครั้งที่มารพ.) ยืนถือกระเช้าผลไม้ทำหน้าบูดรออย่างเงียบๆ รอเข้าพบหมอตัวต้นเหตุ
"เชิญท่านรองฯ คุณลิลลี่ ที่ห้องคุณหมอได้เลยค่ะ" พยาบาลเรียก
ทั้งสองพ่อลูกเดินดุ่มไปยังห้องตรวจ พบหมอหนุ่มใส่เสื้อกราวน์ขาวสะอาด ผมปรกหน้าผาก สวมแว่นสายตากรอบเหลี่ยมยี่ห้อแพง และปิดแมสขาวนั่งรอที่โต๊ะ ทุกครั้งที่พบทั้งคู่เห็นกันในสภาพนี้ตลอด เธอไม่เคยเห็นหน้าเต็มของเขาสักครั้ง และเขาก็เห็นเธอหน้าโล้นสดในชุดสบาย
"สวัสดีครับท่านรองฯ"
"สวัสดีครับหมอ..ทักทายสิลิลลี่" พ่อทัก
"สวัสดีค่า" ลิลลี่ทักทายตามคำสั่งของพ่อด้วยความหน่ายใจ แล้วยกกระเช้าผลไหม้พรีเมี่ยมลงไว้กลางโต๊ะ "ของฝากค่ะ"
"คราวหลังไม่ต้องมีของติดมือมาก็ได้นะครับ ผมเกรงใจ" หมอณทีเอ่ยรับ
"ฮ่าๆ เกรงจงเกรงใจอะไรกัน ผมกับลูกสาวเต็มใจ"
"เหอะ เต็มใจอยู่คนเดียวน่ะสิ" ลิลลี่ที่นั่งบนโซฟาเผลอพึมพำ
"ไม่ทราบพบปัญหาอะไรครับ"
"เอ่อ... ผมอยากได้วิตามินเสริมน่ะครับ นิ้วมือมันชาบ่อย กับ..ช่วงนี้ตาฟากฟาง"
"รอบที่แล้วผมเสริมตัววิตามินเอกับบีรวมเพิ่มไป ไม่ทราบทานต่อเนื่องหรือเปล่าครับ"
"เอ้าหรอ...น่ามีหลงลืมบ้างแหละครับ"
"งั้นต้องให้ลูกสาวท่านเตือนบ้างนะครับ จะได้ทานยาต่อเนื่องไม่ขาด ไม่อย่างนั้นอาการพวกนั้นจะไม่หาย"
/นี่กำลังแขวะฉันเหรอ?/
ลิลลี่ที่นั่งไถ่โทรศัพท์มือถือรอเหลือบมองหมอณทีที่กำลังพูดเธอถึงอ้อมๆอยู่
"ฮ่าๆๆ น่ะสินะลูกสาวผมไม่เตือนเลย ถ้าได้หมอมาช่วยเตือนอีกแรงก็คงดี"
"ผมก็คอยดูแลท่านอยู่ตรงนี้แหละครับ" หมอณทีตอบรับ
"ผมว่าผมปวดห้องน้ำด่วน ขอตัวก่อนนะครับ แต่มีเรื่องที่ต้องคุยกับหมอต่อ ..ลิลลี่นั่งรอที่นี่ก่อนนะ"
สุวิทย์พูดจบก็รีบเดินดุ่มออกไปจากห้องตรวจทันที เขาชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย ชอบสร้างจังหวะให้เธอกับหมอณทีอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 หวังให้สานสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางนึง แต่ทั้งสองก็นั่งประจำที่โดยไม่พูดอะไรสักคำจนความอึดอัดนี้ล่วงเลยมา 10 นาที
"บอกพ่อคุณด้วยนะ ว่ารอบหน้าไม่ต้องเอาของฝากมา" เขาเอ่ยระหว่างพิมพ์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์
"บอกเองสิ เขาฟังหมอกว่าลูกตัวเองอีก"
"..."
"ถ้าหมออึดอัดก็บอกตรงๆเถอะ ฉันก็อึดอัดเหมือนกัน..ถ้าหมอบอก พ่อฉันเขาจะได้หยุดการกระทำแบบนี้สักที"
หมอณทีชำเหลืองมองไม่ตอบอะไรมัวแต่นั่งพิมคีย์บอร์ดเสียงดังท่ามกลางความเงียบงัน จนสุวิทย์กลับเข้ามาก็ตรวจเช็คอาการทั่วไปแล้วสั่งยาให้โดยไม่พูดเรื่องความอึดอัด จนพ่อลูกรับยาเสร็จเดินทางกลับบ้าน
"ได้คุยกันมั้ย" สุวิทย์ถามลูกสาว
"คุย 3 ประโยค พอใจยัง" ลิลลี่ตอบระหว่างขับรถ
"อุตส่าปล่อยให้คุยกันแล้วได้แค่เนี้ยะ ไม่ได้เรื่อง"
"ก็เลิกจับคู่สักให้หนูทีสิเถอะ ถ้าคนจะชอบคงชอบกันไปนานแล้ว ไม่มีใครพิสวาทกันเลยไม่เห็นหรือยังไง"