“ถ้าชาร์มอายุสามสิบแล้วยังไม่มีแฟน แม่จะหาให้นะลูกเพราะลูกของเพื่อนแม่มีหลายคน” ฝนสุดาพูดกับลูกสาวแล้วยิ้มขำเมื่อเห็นลูกสาวหน้างอง้ำ
“ก็ได้ค่ะแม่ ถ้าชาร์มอายุสามสิบแล้วยังไม่มีแฟน แม่ก็เอารายชื่อหนุ่มๆที่แม่หาให้ใส่กล่องมาให้ชาร์มจับฉลากได้เลยค่ะ” หญิงสาวพูดขึงขังหน้าทะเล้น
“เพี้ยะ..”
“โอ้ยย..เจ็บนะคะแม่” ชาครียาแกล้งร้องเสียงดังอย่างโอเวอร์เมื่อแม่ตีแขนเบาๆ
“ลูกคนนี้นี่ นั่นมันจับฉลากชิงโชคใครเขาจะหาสามีแบบนี้กันเล่า ไปๆเราไปทำอาหารเย็นกันดีกว่าลูกส่วนเรื่องสามีของลูกเอาไว้สามสิบเมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันดีมั้ย” ฝนสุดายังไม่จบเรื่องหาสามีให้ลูกสาวเพราะเพื่อนของเธอก็มีลูกชายที่ยังไม่ได้แต่งงานกันหลานคน
“แม่อ่ะ ชาร์มยังไม่อยากมีแฟนนี่คะ” หญิงสาวอ้อนแม่เธอเพิ่งยี่สิบหกเองนะจะรีบมีแฟนมีสามีไปทำไมกันอยู่อย่างนี้เธอก็มีความสุขดีไม่ใช่ไม่มีคนจีบที่ทำงานก็มีทั้งหมอเจ้าหน้าที่บุรุษพยาบาลและพนักงานในโรงพยาบาลแม้แต่คนไข้ญาติคนไข้ก็ขายขนมจีบเธอและซื้อของฝากจนเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานแซวเธอว่าเป็นพยาบาลที่เนื้อหอมที่สุดในโรงพยาบาล
“ไม่รู้แหละ สามสิบนะลูก” คนเป็นแม่ยังแกล้งลูกสาวไม่หยุด
จากนั้นก็มีเสียงของสองแม่ลูกถกเถียงหยอกเย้าหัวเราะดังขึ้นในห้องครัวของบ้านและทำอาหารเย็นไปด้วยอย่างมีความสุขเหมือนที่ผ่านมาตลอดของสองแม่ลูกที่ใช้เวลาด้วยกันในวันหยุด
ที่สวนประถมพรไม้ประดับ
“ฉันกลับก่อนนะพี่พบ พี่สุ” พักต์พริ้งถือกระเป๋าเดินออกมาจากออฟฟิศบอกพี่ชายพี่สะใภ้ที่ช่วยคนงานนำดินลงกระถางเพื่อปลูกต้นดอกไม้
“คุณพักต์รอพี่แป๊บนะจ้ะ พอดีพี่ทำแกงฮังเลไว้ให้คุณพักต์เดี๋ยวพี่เอามาให้นะจ้ะ” สุมนบอกน้องสาวของสามีก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านที่อยู่หลังออฟฟิศเพราะด้านหน้าเป็นร้านขายต้นไม้ดอกไม้ประดับและยังมีสวนที่สามพรานสำหรับเพาะต้นไม้ดอกไม้ประดับมีคนงานเก่าแก่ที่เรียนเกษตรมาโดยตรงคอยดูแลคนงานและเพาะพันธ์กล้าไม้และตอนนี้ไม้ด่างกำลังเป็นที่นิยมและราคาแพงซึ่งในสวนเพาะไว้เยอะจึงทำให้มีกำไรเป็นกอบเป็นกำและมีโบนัสงามๆให้คนงานทั่วหน้า
“พี่สุทำฉันอ้วนอีกแล้วนะ” พักต์พริ้งมองตามหลังพี่สะใภ้ที่เดินเข้าไปเอาแกงฮังเลให้เธอเพราะสุมนเป็นสาวเหนือมาทำงานที่บริษัทของอดีสามีและพบรักกับพี่ชายจึงแต่งงานกันและเป็นช่วงที่เธอมีปัญหากับแม่สามีเพราะท่านอยากมีหลานแต่เธอไม่สามารถมีได้อีกเพราะมีปัญหาเรื่องมดลูกขนาดทำเด็กหลอดแก้วหลายครั้งก็ไม่ได้พอฝังตัวอ่อนไปก็หลุดจนเธอท้อส่วนสามีก็บอกว่าไม่เป็นไรมีแค่ลูกชายคนเดียวก็ได้แต่แม่สามีไม่คิดอย่างนั้นเพราะลูกสาวคนโตไม่ยอมแต่งงานหลังจากถูกแฟนหนุ่มหักหลังด้วยการคบซ้อนและผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนสนิทจึงไม่ยอมมีแฟนและไม่แต่งงานจนตอนนี้อายุหกสิบแล้ว
“เธอนี่นะอ้วน พี่ว่าเธอผอมไปด้วยซ้ำนะพักต์ไปตรวจร่างกายบ้างหรือเปล่าอย่าประมาทนะ พรุ่งนี้พี่ไม่เข้าสวนพาเธอไปตรวจร่างกายดีกว่า” พิภพพูดกับน้องสาวที่ผอมลงกว่าเดิม
“หยุดเลยนะพี่ภพ กว่าฉันจะลดได้ต้องทรมานมากขนาดไหนรู้มั้ย ฉันไดเอทอยู่พี่นั่นแหละต้องไปตรวจพุงปริ้นออกแล้วนะนั่น” พักต์พริ้งรีบบอกพี่ชายเธอไปตรวจร่างกายทุกปีคุณหมอก็บอกแข็งแรงดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะเธอดูแลตัวเองดีแต่ต้องระวังเรื่องเบาหวานความดันซึ่งอายุมากขึ้นก็จะเป็นได้ง่ายเธอจึงควบคุมอาหารและเธอก็เป็นห่วงพี่ชายเช่นกัน
“พี่แกแข็งแรงจะตาย เข้าสวนทุกวันก็เหมือนได้ออกกำลังกายเป็นห่วงแต่แกนั่นแหละอยู่กันแต่ผู้หญิงเกิดเป้นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” พิภพพูดกับน้องสาวด้วยความเป็นห่วงแต่บ้านของเขากับน้องสาวก็ไม่ไกลกันขับรถไปแค่ยี่สิบนาทีถ้ารถไม่ติดแต่ถ้ารถติดก็เป็นชั่วโมง
“ฉันอยู่มาตั้งนานแล้วนะพี่ภพ ไม่ต้องห่วงหรอกฉันมีเพื่อนบ้านน่ารักทั้งนั้นมีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้แล้วพี่ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” พักต์พริ้งรู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงแต่เธอก็อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เลิกกับอดีตสามีและมีสองสามีภรรยาที่พามาจากบ้านเดิมที่อยู่กับอดีตสามีมาช่วยดูแลบ้านและดูแลสวนก็อยู่กันเหมือนญาติเหมือนพี่เหมือนน้อง
“เฮ้อ..แกนี้มันดื้อตั้งแต่เล็กจนโตเลยนะ” พิภพว่าน้องสาวแล้วอดคิดถึงหนหลังไม่ได้ตอนที่น้องสาวทะเลาะกับแม่สามีเรื่องมีลูกเพราะแม่สามีกดดันจนพักต์พริ้งทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ใส่แม่สามีเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตสุดท้ายเกริกวิทย์ก็เข้าข้างแม่ทำให้ทั้งสองจบความสัมพันธ์กันในเวลาหกปีทั้งที่ยังรักกันและตอนนั้นลูกชายอายุได้สี่ขวบแม่สามีขอหลานชายไว้และให้เงินมาก้อนใหญ่แต่ก็ให้แม่ลูกได้เจอกันบ้าง
“พี่สุมาแล้วฉันไปนะพี่พรุ่งนี้อาจจะไม่มานะ” พักต์พริ้งบอกพี่ชายเพราะเธอแค่มาช่วยงานแก้เบื่อเท่านั้น
เมื่อรับถุงอาหารมาจากพี่สะใภ้แล้วพักต์พริ้งก็ขับรถกลับบ้านเพราะเธอชอบทำอะไรด้วยตัวเองยกเว้นเวลาออกต่างจังหวัดก็จะให้คนขับรถให้ พอถึงบ้านก็เอาถุงอาหารไปให้แม่บ้านจัดการแบ่งไปกินกับเพื่อนบ้าน
“เมื่อกี้คนขับรถของคุณจุลเอาอาหารทะเลสดมาให้แต่เมียดยังไม่ได้เปิดเลยค่ะ” ละเมียดบอกเจ้านายเธอคิดว่าคุณจุลคงโทรคุยกับเจ้านายแล้ว
“ไม่เห็นตาจุลโทรบอกเลย ไหนดูสิเมาเยอะหรือเปล่าจะได้แบ่งไปให้พี่ภพกับคุณฝนด้วย” พักต์พริ้งเดินไปดูกล่องอาหารทะเลสดที่แม่บ้านบอกว่าคนของลูกชายเอามาให้สงสัยเพิ่งกลับจากชลบุรีถึงได้ซื้อมาให้เพราะรู้ว่าแม่ชอบกินอาหารทะเล
ละเมียดก็เอามีดมากรีดสก็อตเทปที่ปิดกล่องออกให้เจ้านายดูว่าข้านในมีกุ้งหอยปูปลาหมึกปลากระพงแล้วพักต์พริ้งก็แบ่งใส่กล่องโฟมเล็กให้สามีของละเมียดเอาไปให้พี่ชายและโทรบอกเรียบร้อยจะได้ทำทานเย็นนี้และอีกกล่องก็ให้ละเมียดเอาไปให้น้องสาวคนสนิทบ้านตรงข้าม ส่วนตัวเองก็ไปอาบน้ำเพื่อจะได้ไปทานข้าวเย็นที่บ้านของน้องสาวคนสนิทแต่ไม่ลืมโทรหาลูกชาย
“ตู้ดดๆๆ..”
“สวัสดีครับคุณแม่”
“ขอบใจมากนะลูกที่เอาอาหารทะเลมาฝากแม่” พักต์พริ้งขอบใจลูกชายที่ยังจำได้ว่าเธอชอบทานอาหารทะเล
“พอดีมีญาติของลูกน้องที่ทำงานเขาออกเรือ ผมเห็นคุณแม่ชอบกินอาหารทะเลก็เลยช่วยอุดหนุนครับ” คนเป็นลูกตอบแม่ถึงเขาไม่ได้อยู่กับแม่แต่ป้านวลก็พาไปเจอกันบ่อยๆจนกระทั่งเขาโตแม่ก็จะไปหาที่โรงเรียนหรือไม่ก็นัดกินข้าวด้วยกันไปเที่ยวด้วยกันบ้างเขาจึงสนิทกับแม่มากกว่าเพราะพ่อมีภรรยาใหม่แยกไปอยู่อีกบ้านหนึ่งแล้วเขากับเมียใหม่ของพ่อก็ไม่มีปัญหาอะไรกันแต่ก็ไม่ได้สนิทเพราะเขาอยู่กับย่าและป้า
“ลูกกลับมากรุงเทพแล้วเหรอจ้ะ”
“ผมเพิ่งกลับครับคุณแม่ เอาไว้ว่างๆผมจะไปหาคุณแม่นะครับ” เสียงห้าวตอบแม่
“จ้ะลูก จุลดูแลตัวเองด้วยนะลูกอย่าโหมงานหนักล่ะ” คนเป็นแม่บอกลูกชายด้วยความเป็นห่วงเพราะทำงานเยอะ
“คุณแม่ก็เหมือนกันครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับมีอะไรก็โทรหาผมได้เลยครับ”
“โอเคจ้ะลูก งั้นแม่ไม่กวนจุลแล้วลูกแค่นี้นะจ้ะ”
“สวัสดีครับคุณแม่” จุลภัทรวางสายจากแม่แล้วไปดื่มกับเพื่อนๆตามที่นัดกันไว้
ส่วนพักต์พริ้งเมื่อวางสายจากลูกชายแล้วก็ไปอาบน้ำเพื่อไปทานอาหารที่บ้านของฝนสุดาเพื่อนบ้านที่สนิทกันเหมือนพี่น้องไปมาหาสู่ทำกิจกรรมร่วมกันและไปเที่ยวไปทำบุญด้วยกันบ่อยๆและพึ่งพาอาศัยกันดูแลกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว
ที่บ้านของฝนสุดา
สองแม่ลูกกำลังเตรียมของสดทำอาหารเย็นเสียงกริ่งประตูหน้าบ้านดังขึ้นคนเป็นลูกสาวก็อาสาไปดูว่าใครมากดกริ่งประตูบ้านพอชาครียาออกไปดูก็เห็นแม่บ้านของบ้านพักต์พริ้ง
“สวัสดีค่ะน้าละเมียด”
“สวัสดีจ้ะหนูชาร์ม น้าเอาอาหารทะเลมาให้ค่ะ พอดีคุณจุลลูกชายคุณพักต์ฝากมาให้กล่องใหญ่คุณพักต์ก็ให้น้าเอามาให้บ้านหนูชาร์มจ้ะ” ละเมียดบอกสาวสวยลูกสาวเพื่อนบ้านคนสนิทของเจ้านายถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆของฝนสุดาแต่ฝนสุดาก็รักเหมือนลูกในไส้และเธอก็เห็นตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเจ้านายที่นี่ก็ยี่สิบปีกว่าแล้วจึงสนิทสนมกันดี
“ขอบคุณค่ะน้าละเมียด พอดีชาร์มกับแม่กำลังทำแกงส้มผักรวมปลาช่อนกับน้ำพริกปลาทู น้าละเมียดอย่าเพิ่งทานอาหารเย็นนะคะเดี๋ยวทำเสร็จแล้วชาร์มจะเอาไปให้ที่บ้านนะคะ” ชาครียารับกล่องโฟมมาจากละเมียดและบอกว่าจะเอากับข้าวที่ทำไปให้เหมือนทุกครั้งเพราะสองแม่ลูกจะมีเวลาทำแค่วันหยุดส่วนวันธรรมดาป้าพักต์ก็จะโทรมาตามฝนสุดาไปกินข้าวด้วยกันบ่อยโดยเฉพาะชาครียาเข้าเวรบ่ายหากเธอเข้าเวรก็จะกินข้าวด้วยกันบ่อยจนเป็นเหมือนญาติสนิทกันไปแล้วแต่ชาครียายังไม่เคยเจอลูกชายของป้าพักต์เห็นแต่ในข่าวและนานๆเขาจะมาหาป้าพักต์ที่บ้านสักครั้งส่วนมากป้าพักจะไปหาเขามากกว่าหรือก็ไปทานข้าวด้วยกัน
“ได้จ้ะ แล้วมีแกงฮังเลด้วยนะหนูชาร์ม น้าไปนะ” ละเมียดพูดจบก็เดินข้ามถนนกลับเข้าบ้าน
ชาครียาปิดประตูบ้านเสร็จก็ยกกล่องโฟมและถุงแกงฮังเลเข้าบ้านตรงไปในครัวแล้ววางบนเคาน์เตอร์ครัวที่แม่กำลังทอดปลาช่อนเพื่อทำแกงส้มกับน้ำพริกปลาทูอาหารเย็นวันนี้
“กล่องอะไรลูก” ฝนสุดาถามลูกสาวที่วางกล่องโฟมลงบนเคาน์เตอร์ข้างอ่างล้างจาน
“ป้าพักต์ให้ละน้าเมียดเอาอาหารทะเลสดมาให้ค่ะ บอกว่าลูกชายของป้าพักต์เอามาให้เยอะเลยแล้วยังมีแกงฮังเลอีกค่ะแม่” หญิงสาวตอบแม่แล้วเปิดกล่องโฟมมองอาหารทะเลสดที่มีกุ้งหอยปูปลาหมึก ปลากะพงตัวใหญ่ๆเต็มกล่อง
“ทำไมเยอะอย่างนี้ล่ะลูก แล้วจะทำอะไรกินดีล่ะงั้นชาร์มเอากุ้งมาแกะเดี๋ยวแม่จะทำกุ้งมะนาวเพิ่มอีกจาน” ฝนสุดาบอกลูกสาวซึ่งเธอเป็นคนชอบทำอาหารกินเองแต่ถ้าไม่มีเวลาก็ซื้อกินและยังสอนลูกสาวให้ทำอาหารง่ายๆและชาครียาก็หัวดีทำเป็นทุกอย่าและอร่อยด้วยแต่ไม่ค่อยได้ทำเพราะทำงานจึงทำอาหารง่ายๆกินยกเว้นวันหยุดพร้อมกับแม่เหมือนวันนี้ก็จะทำอาหารกินด้วกัน
“ค่ะแม่”
จากนั้นสองแม่ลูกก็ทำอาหารเย็นจนเสร็จเรียบร้อยแล้วขาครียาก็ตักแกงส้มกับน้ำพริกปลาทูและผักสดไปให้ละเมียดกับสามีส่วนพักต์พริ้งกับหลานสาวก็ไปกินข้าวบ้านฝนสุดา
“พี่ชาร์มอาทิตย์หน้ามีหนังเข้าใหม่เราไปดูกันมั้ยคะ” สราลีถามสาวสวยรุ่นพี่ที่เธอสนิทสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่องเพราะเธอเป็นลูกสาวคนโตของพิภพกับสุมนมีน้องชายหนึ่งคนเรียนมหาวิทยาลัยศึกษาปีที่สองจึงไม่รู้จะคุยกับใครบางเรื่องก็คุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องแต่ชาครียาสามารถช่วยเธอได้ทุกเรื่องจริงๆโดยเฉพาะเรื่องเรียนตอนนี้เรียนมหาวิทยาลับปีสุดท้ายกำลังจะจบและชาครียาก็แนะนำให้เธอเลือกเรียนที่ชอบแล้วเธอก็เลือกเรียนสถาปัตย์กรรมการออกแบบภายใน
“พี่ยังไม่รับปากน้องอ่อนนะคะ เอาไว้ใกล้ถึงวันหยุดแล้วพี่จะบอกนะคะ” เวลางานของเธอไม่แน่นอนหากวันไหนคนไข้เยอะบางทีต้องเข้าเวรต่อซึ่งเป็นเรื่องปกติของพยาบาลวิชาชีพที่เธอเลือกเรียนก็เพื่ออยากช่วยเหลือคนเจ็บไข้ได้ป่วยเท่าที่จะทำได้และจะได้ดูแลแม่ยามแก่ด้วยในเมื่อท่านเลี้ยงดูเธอมาอย่างดีก็จะตอบแทนบุญคุณท่านถึงที่สุดหากไม่มีท่านก็ไม่มีเธอในวันนี้และอยากช่วยเหลือคนอื่นด้วย
“โอเคค่ะพี่ชาร์ม พี่ละเมียดคะอ่อนไปบ้านพี่ชาร์มก่อนนะคะ” สราลีบอกละเมียดเพราะอายังแต่งตัวไม่เสร็จ “ไปค่ะพี่ชาร์ม” สรารีจับมือพี่สาวคนสนิทเดินออกจากบ้านข้ามถนนไปบ้านของพี่สาวคนสวยเพื่อช่วยตั้งโต้ะอาหารเย็น
เมื่อพักต์พริ้งมาถึงก็งมือทานอาหารและคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งอิ่มชาครียากับสราลีก็เก็บจานชามไปล้างเหมือนทุกครั้งส่วนพักต์พริ้งกับฝนสุดาก็ย้ายไปคุยกันที่ห้องรับแขก
“คุณฝนถามพี่เรื่องที่ดินจะเอาไปสร้างบ้านเหรอคะ”
“ไม่ใช่ค่ะพี่พักต์ คือว่าตอนนี้ที่บ้านมาลัยรักกำลังเดือดร้อนเพราะลูกชายคุณสมัยจะเอาที่ดินผืนนั้นคืนแล้วจะให้ครูแววพาเด็กๆไปอยู่ที่ราชบุรีค่ะ แต่ที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากที่ดินรกร้างแล้วไกลจากหมู่บ้านและโรงเรียนการเดินทางก็ลำบากและยังให้เวลาย้ายเด็กๆแค่สามเดือน ฝนก็เลยอยากถามพี่พักต์ว่าพอจะมีที่ดินว่างแบ่งขายให้ฝนสักแปลงมั้ยคะ ฝนรบกวนขอแค่สองไร่ก็พอค่ะ” ฝนสุดาบอกสาเหตุที่เธออยากได้ที่ดินไปทำอะไรให้พักต์พริ้งฟัง
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอฝน พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าคนใจบุญอย่างคุณมาลัยจะทิ้งเด็กๆท่านต้องทำทุกอย่างไว้แล้วแน่ๆแต่อย่างว่าแหละเราเป็นคนนอกในเมื่อลูกหลานท่านว่ายังไงเราก็ต้องทำตามแต่ไม่น่าจะใจร้ายกับเด็กๆนะ เอาเถอะพี่มีที่ดินตรงสามพรานห้าไร่ที่ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่ในชุมชนใกล้โรงเรียน ตลาดสะดวกสบาย ฝนกับครูแววจะสร้างบ้านให้เด็กๆแล้วพี่จะช่วยหาทุนมาช่วยอีกแรงหนึ่ง ฝนกับครูแววว่างวันไหนก้บอกพี่นะจะได้ไปดูที่ดินกัน” พักต์พริ้งไม่เสียเวลาคิดเลยเธอยินดียกที่ดินให้สร้างบ้านพักให้เด็กๆถึงแม้ทางราชการจะช่วยแต่ก็ช่วยได้ไม่เต็มที่และเด็กๆก็มีเพิ่มมาเรื่อยๆเธอเองก็รู้จักคุ้นเคยกับคุณมาลัยและสนิทกับครูแววเพราะจะซื้อข้าของเครื่องใช้ไปให้เด็กๆบ่อยๆ
“ขอบคุณค่ะพี่พักต์ งั้นให้ครูแววไปดูที่ดินกับพี่พักต์ก่อนได้มั้ยคะพอดีฝนติดงานพวกเราจะรอช้าไม่ได้ค่ะ” เธอต้องไปทำงานยังไม่ว่างไปด้วยต้องรอวันอาทิตย์ถึงจะไปได้
“ได้สิ พรุ่งนี้พี่จะโทรหาครูแววเอง” พักต์พริ้งคิดแล้วสะท้อนใจทำไมคนเราถึงได้ใจดำขนาดนี้และเธอก็เห็นเด็กที่บ้านมาลัยกินดีอยู่ดีมีการศึกษาดีทุกคนเพราะมีผู้ใจบุญอย่างคุณสมัยให้ความช่วงเหลือมาตลอดไม่คิดว่าลูกๆของท่านจะทำแบบนี้และคิดว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงของอดีตสามีกับลูกชายที่จะช่วยเหลือสร้างบ้านให้เด็กๆ
“เดี๋ยวฝนจะเตรียมเอกสารการซื้อขายไว้นะคะ จะได้เอาเข้าแบงค์ทีเดียวไปเลย” ฝนสุดาบอกกับสาวใหญ่รุ่นพี่แม้อายุเฉียดหกสิบก็ยังสวยเพราะพักต์พริ้งดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเธอเรียกว่าสาวสองพันปี
“เดี๋ยวนะ ฝนจะเตรียมเอกสารซื้อขายทำไมล่ะ พี่ไม่ได้จะขายให้ฝนนะแต่พี่จะยกให้เป็นบ้านของเด็กๆแล้วจะไปขอให้ตาจุลกับพ่อของเขาช่วยสร้างบ้านให้เด็กๆด้วย ในเมื่อจะทำบุญก็ต้องทำให้สุดๆไปเลย พี่เองก็ไม่มีห่วงอะไรแล้วตาจุลก็มีหน้าที่การงานสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ก็แบ่งปันให้เด็กๆบ้างจะเป็นไร” ในเมื่อจะทำบุญแล้วเธอก็จะทำให้จบสมบูรณ์จะทำครึ่งๆกลางๆได้ยัง
“พี่พักต์พูดจริงเหรอคะ” ฝนสุดาถามสาวสองพันปีที่บอกว่าจะยกกที่ดินให้และจะสร้างบ้านพักให้เด็กๆอีก
“จริงสิฝน เรื่องนี้พี่จะช่วยจัดการเองเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันพร้อมครูแววนะ พี่จะได้นัดตาจุลกับพ่อของเขามาคุยด้วย” พักต์พริ้งคิดดีแล้วเพราะที่ดินของเธอที่สามพรานมีหลายแปลงและอยู่ในเขตชุมชนและจะดูที่ใกล้โรงเรียนเด็กๆจะได้ไม่ลำบากในการเดินทางไปเรียน
“ขอบคุณพี่พักต์แทนครูแววและเด็กๆด้วยนะคะ ฝนเองก็ขอบริจาคเพื่อนที่ทำงานและผู้บริหารต่างประเทศเขาก็จะช่วยสมทบทุนให้ด้วยค่ะ แล้วยัยชาร์มเองก็ขอบริจาคจากหมอพยาบาลที่โรงพยาบาลมาช่วยอีกแรงหนึ่งค่ะ” ฝนสุดาบอกพักต์พริ้งว่าเธอกับลูกก็ช่วยเต็มที่
“ฝนโชคดีนะที่มีหนูชาร์ม เด็กคนนี้จิตใจดีมีเมตตามาตั้งแต่เด็กไม่อายที่บอกใครว่าเป็นเด็กกำพร้าขนาดพี่ยังอยากได้เป็นลูกสาวเลย” เธอมีแต่ลูกชายคนเดียวและยังไม่ได้อยู่ด้วยกันจึงเอาหลานสาวมาอยู่ด้วยก็พอคลายเหงาได้บ้างและยังได้ชาครียาที่มักจะมาเป็นเพื่อนคุยและชวนไปไหว้พระทำบุญในวันหยุดบางครั้งก็ไปกันสี่สาวบ้างสามสาวบ้างเพราะหลานสาวกลับไปนอนค้างที่บ้านกับพ่อแม่
“ยัยชาร์มแค่เกิดผิดที่เท่านั้นเองค่ะ ถ้าฝนมีแฟนบางทียัยชาร์มก็อาจมาเกิดในท้องของฝนก็ได้นะคะ เสียดายที่บ้างานไปหน่อยพอรู้ตัวอีกทีก็หมดวัยแล้ว นี่ฝนก็ขู่ยัยชาร์มไว้แล้วว่าถ้าอายุสามสิบยังไม่มีแฟนฝนจะหาให้ไม่อยากให้ขึ้นคานเหมือนแม่น่ะค่ะ” ฝนสุดาพูดขำๆเธอไม่ให้ลูกสาวขึ้นคานแน่
“งั้นนัดดูตัวกับตาจุลดีมั้ยฝน” พักต์พริ้งพูดออกมาทันทีเธอคิดว่าลูกชายไม่มีทางตกลงปลงใจกับพัชรียาไฮโซสาวลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังแต่ไม่ทำงานทำการอะไรวันๆเฉิดฉายในสังคมออกงานไม่เว้นและที่สำคัญย่าของลูกก็ไม่ชอบด้วย
“พูดเป็นเล่นไปได้นะพี่พักต์ ลูกชายพี่พักต์ทั้งหล่อทั้งเก่งการศึกษาสูงฐสนะร่ำรวยทายาทหมื่นล้านบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่แล้วลูกฝนเป็นแค่พยาบาลตัวเล็กๆจะเหมาะสมกันได้ยังไงคะ อีกย่างเขาก็มีแฟนแล้วทำแบบนี้ไม่ดีหรอกค่ะ” ฝนสุดาปฏิเสธทันทีไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้ลูกสาวได้ดีมีแฟนรวยแต่ลูกชายของอีกฝ่ายนั้นเป็นทายาทคนโตที่ย่าหวงด้วยและจะต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรให้หลานชายและที่สำคัญมีแฟนแล้ว
“คิดอะไรมากขนาดนั้นนะฝน ขนาดพี่เป็นแค่พนักงานในบริษัทยังได้แต่งงานกับเจ้าของบริษัทเลยถึงย่าของตาจุลจะเจ้ายศเจ้าอย่างแต่เรื่องนี้เขาให้ลูกหลานตัดสินใจเอง ส่วนเรื่องแฟนถ้าตาจุลรักผู้หญิงคนนั้นจริงป่านนี้พามาแนะนำให้พี่รู้จักแล้วล่ะ” ตอนที่เธอคบหากับอดีตสามีท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรยอมรับได้จนกระทั่งแต่งงานและมีเรื่องเดียวที่ทำให้เธอยอมถอยออกมาไม่ใช่ว่าไม่รักลูกรักสามีแต่อยู่ไปก็ไม่มีความสุขต่างก็ถูกกดดันเธอจึงขอยุติความสัมพันธ์กับอดีตสามี
“มันไม่เหมือนกันนะคะพี่พักต์”
“ช่างเถอะ เอาไว้วันไหนตาจุลมาที่นี่พี่จะนัดกินข้าวด้วยกันนะ”
“เอาจริงเหรอคะพี่พักต์”
“เปล่า ก็แค่กินข้าวด้วยกันเท่านั้นส่วนเด็กๆเขาจะรักกันหรือไม่เราไม่ยุ่งไง” ลูกชายของเธอยิ่งฉลาดเป็นกรดด้วยสิเรื่องแค่นี้ต้องมองออกแต่เธอจะทำให้เป็นเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะให้เด็กทั้งสองเจอกัน
“ก็ดีค่ะ แนะนำให้เด็กๆรู้จักกันไว้ก็ได้ค่ะ” ฝนสุดาก็เออออตามสาวรุ่นพี่ก็ไม่รู้ว่าลูกสาวของเธอจะมีเวลามาเจอลูกชายของพักต์พริ้งหรือเปล่า
“งั้นเอาตามนี้แหละ พี่กลับก่อนนะฝนกับหนูชาร์มจะได้พักผ่อน” พักต์พริ้งบอกสาวใหญ่รุ่นน้องแล้วลุกขึ้นมองหาหลานสาว “ยัยอ่อนกลับบ้านได้แล้วพี่ชาร์มกับอาฝนจะได้พักผ่อน” พักต์พริ้งเรียกหลานสาวที่ชอบมาขลุกกับชาครียา
“ไปเดี๋ยวนี้ค่าอาพักต์” เสียงตอบกลับมาแล้วเจ้าตัวก็โผล่หน้ามาพร้อกับพี่สาวคนสวย
เมื่อสองอาหลานกลับบ้านไปแล้วสองแม่ลูกก็กลับเข้าบ้านแล้วฝนสุดาก็คุยให้ลูกสาวฟังเรื่องที่พักต์พริ้งจะยกที่ดินให้สร้างบ้านพักให้เด็กๆฟรีๆและจะผู้อุปการะคุณมาช่วยสร้างบ้านให้เด็กๆอีกด้วยทำให้ชาครียาโล่งใจดีใจที่น้องๆจะมีที่พักพิงแห่งใหม่ที่ใกล้กับโรงเรียนและชุมชนไม่ใช่ที่รกร้างห่างไกลความเจริญเหมือนที่ลูกชายของคุณมาลัยจะให้ย้ายเด็กๆไปอยู่
“ป้าพักต์ใจดีมากเลยค่ะแม่ แบบนี้เด็กก็ไม่ต้องลำบากกันนะคะ” เธอก็มาจากบ้านมาลัยรักเหมือนกันถึงจะอยู่ไม่นานแต่แม่ก็เอามาทิ้งไว้ที่นั่นก่อนจะเจอแม่บุญธรรม