bc

พรหมลิขิต พิศวาส

book_age18+
943
ติดตาม
7.2K
อ่าน
จบสุข
แบดบอย
ผู้สืบทอด
หวาน
ชายจีบชาย
ฉลาด
นักสืบ
วิทยาลัย
like
intro-logo
คำนิยม

เธอเป็นเด็กกำพร้าที่มีคนใจดีเอามาเลี้ยงเป็นลูก เขาเป็นทายาทหมื่นล้านที่อยู่กันคนละสังคมแล้วจะลงเอยกันได้ยังไงถ้าไม่ใช่เพราะ พรหมลิขิตศวาส นำพาให้พวกเขาได้เจอกัน

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่ 1
บ้านมาลัยรัก เป็นตึกสองชั้นสีขาวที่ทรุดโทรมตามกาลเวลาเป็นเหมือนอพาร์เม้นท์แต่มีแค่สองชั้นมีห้องพักทั้งหมดยี่สิบห้อง มีโรงอาหาร มีห้องน้ำสะอาดสะอ้าน มีที่สนามหญ้า สนามเด็กเล่นตั้งอยู่บนเนื้อที่ห้าไร่อยู่ริมคลองย่านฝั่งธนบุรี คุณสมัย วิสุมาลัย เศรษฐีนีใจบุญยกให้เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเกือบสามสิบปีแต่ไม่มีลายลักษณ์อักษรจนกระทั่งท่านไม่สบายจึงท่านได้เขียนไว้ในพินัยกรรมบอกว่าสถานที่แห่งนี้ห้ามซื้อขายและให้ความช่วยเหลือครูแววตาผู้ดูแลและก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาพร้อมกับท่านแต่ไม่มีใครรู้ว่าท่านทำพินัยกรรมไว้แม้แต่ทายาทและท่านถึงแก่กรรมเมื่อสามเดือนก่อนลูกหลานอยากได้ที่ดินผืนนี้สร้างคอนโดและจะให้ย้ายสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปอยู่ราชบุรีทำให้ครูแววตาเดือดร้อนแทนเด็กๆจำนวนแปดสิบกว่าคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีทั้งเด็วัยสี่ขวบขึ้นไปและกำลังอยู่ในวัยเรียนซึ่งเป็นเด็กที่พ่อแม่มีปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูได้เอามาฝากเลี้ยงและไม่เคยกลับมาดูแล เมื่อเศรษฐีนีหม้ายถึงแก่กรรมที่ดินในครอบครองทั้งหมดมากมายสร้างตึกอาคารพานิชให้เช่าและอพาร์ทเม้นหลายที่ให้เช่าก็ตกทอดสู่ลูกหลานและไม่มีใครสนใจจะมาดูแลหรือช่วยเหลือตามพินัยกรรมที่ท่านทำไว้กลับหมกเม็ดยื่นข้อเสนอให้ทนายความปกปิดเรื่องนี้และยังบีบให้ครูแววย้ายออกไปเพื่อเอาที่ดินไปทำธุรกิจสร้างคอนโด “กอเอ๋ยกอไก่ ขอไข่ในเล้า ขอขวดของเรา..” เสียงหวานใส่ดังขึ้นเป็นจังหวะจะโคนสอนหนังสือเด็กน้อยวัยสี่ขวบถึงหกขวบที่นั่งในห้องประมาเจ็ดคนและมีเสียงเด็กๆท่องตามดังลั่นห้อง “พี่ชาร์มคะเมื่อไหร่เราจะท่องเสร็จคะหนูอยากกินขนมแล้วค่า” เด็กน้อยวันห้าขวบถามพี่สาวคนสวยที่แวะมาสอนหนังสือทุกวันหยุด “ท่องกอไก่อีกรอบหนึ่งทุกคนก็จะได้กินขนมแล้วค่ะ” ชาครียาตอบเด็กๆที่เป็นดั่งผ้าขาวและเธอก็พยายามสอนเด็กๆทุกคนให้ขยันหมั่นเพียรอ่านเขียนเรียนหนังสือเพื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบากเธอไม่รู้ว่าน้องๆพวกนี้จะโชคดีเหมือนตัวเองหรือเปล่าที่มีแม่บุญธรรมแสนดีคอยดูแลสั่งสอนหากแม่ฝนไม่รับเธอไปเลี้ยงป่านนี้ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงและตอนนี้ทางลูกชายของคุณสมัยเจ้าของที่ก็อยากได้ที่ดินตรงนี้สร้างคอนโดแล้วจะให้ครูแววตากับน้องๆในบ้านกำพร้าย้ายไปอยู่ราชบุรีที่มีอะไรเลยแม้แต่สิ่งปลูกสร้างและยังกันดารห่างไกลจากชุมชนและโรงเรียนอีกด้วยเธอเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะช่วยครูแววกันน้องๆยังไงดี “เย้ๆๆ พวกเราจะได้กินขนมแล้ว” เด็กร้องกันเสียงดังด้วยความดีใจเพราะตั้งแต่คุณสมัยผู้อุปถัมภ์สถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้ถึงแก่กรรมก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากลูกหลานของท่านอีกเลยทั้งที่มีเงินทองมากมายกินใช้ทั้งชาติก็ไม่หมดแต่กลับแล้งน้ำใจ เมื่อเด็กท่องกอไก่จบทุกคนก็มายืนต่อแถวเพื่อรับขนมที่พี่ชาร์มเอามาฝากทุกครั้งที่มาสอนหนังสือพวกเขาพอได้ขนมแล้วก็นั่งกินกันจนอิ่มก่อนจะไปวิ่งเล่นที่สนามตามประสาเด็ก ชาครียาก็เดินไปหาแม่กับครูแววตา “เป็นไงบ้างหนูชาร์ม น้องๆซนมั้ยจ้ะ” ครูแววตาถาม ชาครียา วงค์ศา หรือ ชาร์ม วัย26ปีลูกสาวบุญธรรมของฝนสุดาเพื่อนสนิทที่ทำงานในบริษัทต่างชาติมีฐานะดีและตอนนี้อายุห้าสิบปียังทำงานอยู่ หลังจากชาครียามาอยู่ที่บ้านมาลัยรักได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เพื่อนของเธอก็ทำเรื่องรับเป็นลูกบุญธรรมและแม่ของหญิงสาวก็เซ็นหนังสือยกให้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่าจะไม่ทวงคืนและจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกจากนั้นมาเพื่อนของเธอก็เลี้ยงดูรักเหมือนเป็นลูกแท้ๆส่งเสียจนเรียนจบปริญญาตรีคณะพยาบาลศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังและตอนนี้ชาครียาก็ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน “ไม่ซนค่ะป้าแวว น้องๆน่ารักมาค่ะแล้วเรื่องนั้นเป็นยังไงบ้างคะ” เรื่องนั้นที่เธอถามก็คือเรื่องที่ดินผืนนี้เพราะทางลูกชายของคุณมาลัยบอกว่าแม่ไม่ได้พูดถึงอะไรในพินัยกรรมเพราะฉะนั้นที่ดินผืนนี้ก็เป็นสิทธ์ของเขาและเขาอยากจะทำอะไรก็ได้ “เขาก็ยืนยันคำเดิมแหละหนูชาร์ม ป้ายังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดีก็เลยขอเวลาเขาปีหนึ่งเพื่อจะได้มีเวลาและหาลู่ทางว่าจะทำยังไงดีหากไปตอนนี้เด็กคนลำบากกันเลยลูก” ครูแววตาตอบหญิงสาวที่ไม่เคยลืมและรังเกียจสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและพูดกับทุกอย่างไม่อายว่าเธอมาจากบ้านเด็กกำพร้าเพราะแม่เอามาทิ้งไว้ผิดกับอีกคนที่คุณสมัยส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรีและได้เป็นดารานางแบบแม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากแต่ก็มีคนรู้จัก “แล้วเขายอมมั้ยคะป้าแวว” “ไม่ยอมจ้ะ เขาบอกว่าให้เวลาได้แค่สามเดือนป้าต้องย้ายพวกเด็กๆออกจากที่นี่” ครูแววตาพูดแล้วน้ำตาไหลด้วยความเสียใจที่ลูกหลานคุณสมัยใจร้ายใจดำขนาดนี้ทั้งที่คุณสมัยก็พูดตลอดว่าห้ามซื้อขายที่ดินผืนนี้ให้เป็นสถานเลี้ยเด็กกำพร้าและให้ลูกหลานช่วยเหลือจนกว่าเธอจะทำไม่ไหวหรือจะส่งต่อให้ใครทำต่อและให้ความช่วยเหลือด้านการเงินตลอดไป “อะไรนะคะป้าแวว สามเดือนนี่จะไปทันอะไรล่ะคะแล้วที่ราชบุรีก็ไม่มีอะไรสักอย่างน้องๆจะไปอยู่ที่ไหนทำไมพวกเขาถึงใจดำกันนักนะคะ” ชาครียาไม่คิดว่าจะมีคนเห็นแก่ตัวใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้ถ้าเป็นคนหาเช้ากินค่ำก็ว่าไปอย่างแต่นี่มีเงินมากกมายหากรู้จักกินจักใช้ก็กินได้ทั้งชาติผิดกับคุณสมัยท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตากับเด็กๆและให้ทุนการศึกษาเด็กๆทุกคน “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะลูก ตอนนี้แม่ก็คุยกับเพื่อนที่ทำงานว่าจะขอบริจาคคนละเล็กละน้อยเพื่อเอาเงินไปสร้างอาคารให้เด็กๆอยู่ชั่วคราวก่อนแล้วเราค่อยหาทุนสร้างบ้านพักทีหลัง” ฝนสุดาพูดกับลูกสาวตอนนี้เพื่อนที่ทำงานของเธอต่างก็ให้ความช่วยเหลือมากันเยอะแล้วแต่ยังไม่พอ ตอนนี้รอท่านประธานบริษัทชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่บอกว่าจะช่วยเหลือสร้างที่พักให้แต่ต้องรอเขากลับมาก่อนเพราะอยู่ในระหว่าพักร้อนกับครอบครัวและรับปากว่าจะหาทุนจากเพื่อนนักธุรกิจมาช่วยเหลืออีก “ลำบากเธอแล้วนะฝน” แววตาพูดกับเพื่อนที่เดือดร้อนไปด้วย “ลำบากที่ไหนกันล่ะแวว คุณสมัยเสียไปยังไม่ครบร้อยวันเลยนะบางทีท่านอาจจะทำพินัยกรรมไว้ก็ได้ ท่านไม่มีทางปล่อยให้เด็กๆลำบากหรอกเธอยังไงฉันกับลูกไม่ทิ้งเธอแน่นอนจ้ะ” ฝนสุดาสาวใหญ่วัยห้าสิบปีพูดกับเพื่อนที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมานาน ถึงเธอไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็พอจะแบ่งปันมาช่วยเหลือเด็กๆตามกำลังตลอดไม่เคยขาดและวันหยุดมักจะมาช่วยดูแลเด็กๆและสอนหนังสือบ่อยๆ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนขณะที่เธอคุยกับเพื่อนก็มีสาววัยรุ่นอุ้มเด็กหญิงวัยสองขวบมาฝากเลี้ยงเพราะท้องแล้วสามีหนีไปไหนก็ไม่รู้และตอนนั้นเธอไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก ฝนสุดาจึงขอรับมาเลียงเป็นลูกบุญธรรมและทำเรื่องทุกอย่างถูกต้องและแม่ของเด็กน้อยก็เซ็นมอบลูกให้เธออย่างเต็มใจและเธอ “ขอบใจเธอกับหนูชาร์มมานะ” ครูแววตาซาบซึ้งน้ำใจเพื่อนกับลูกสาว “ป้าแววอย่าเพิ่งคิดมากนะคะ เราค่อยคิดหาทางออกกันนะคะ” ชาครียาบอกครูแววตาทั้งที่เธอแทบมองไม่เห็นทางออกเลยมันตันไปหมดหากเธอมีเงินทุกอย่างคงง่ายกว่านี้แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาเยอะขนาดนั้นลำพังเงินเดือนของเธอก็พอกินพอใช้และยังแบ่งมาเลี้ยงขนมน้องๆส่วนเงินเก็บก็มีน้อยนิดแต่ก็พร้อมจะช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้าที่ครั้งหนึ่งเธอเกือบจะได้อยู่ที่นั่นหากแม่ฝนไม่ขอมาเลี้ยง “งั้นวันนี้ฉันกลับก่อนนะแวว มีอะไรก็โทรหาฉันกับยัยชาร์มได้ตลอดเวลานะ” ฝนสุดายิ้มให้กำลังใจเพื่อนที่อุทิศตัวช่วยเหลือสังคมทั้งที่แววตาก็มีหน้าที่การงานดีเป็นถึงอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยหากยังทำงานอยู่ป่านนี้เพื่อนของเธอก็คงมีตำแหน่งสูงเพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา “ขับรถดีนะหนูชาร์ม” “ค่ะป้าแวว สวัสดีค่ะ” ชาครียายกมือไหว้ลาครูแววตาแล้วเดินไปที่รถคันเล็กของเธอพาแม่กลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเด็กกำพร้า แววตามองตามเพื่อนกับลูกสาวแล้วถอนหายใจเธอไม่รู้ว่าจะสู้ได้ถึงแค่ไหนและไม่คิดจะทวงบุญคุณเด็กๆที่เคยอาศัยอยู่ที่บ้านมาลัยที่โตแล้วเรียนจบทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้และบางคนก็มีครอบครัวซึ่งเธอจำเด็กๆที่เลี้ยงดูมาได้ทุกคน บางคนก็นานๆจะมาเยี่ยมเอาของมาฝากน้องๆบางคนก็อายที่ยอมรับว่ามาจากบ้านเด็กกำพร้าและเธอก็จะดูแลเด็กๆไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ชาครียาขับรถออกจากบ้านมาลัยแล้วพาแม่ไปตลาดเพื่อซื้ออาหาสดเข้าบ้านซึ่งเป็นกิจวัตรของสองแม่ลูกที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเองแต่ก็รักเหมือนลูกแท้ๆเช่นเดียวกับชาครียาที่รักแม่บุญธรรมมากกว่าชีวิตของตัวเอง “แม่คิดว่าคุณยายสมัยท่านจะไม่ทำอะไรเป็นหลักฐานไว้เลยเหรอคะ” “แม่ก็คิดเหมือนชาร์มนั่นแหละลูก แต่ทำยังไงได้ล่ะเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลของเขาในเมื่อเป็นความต้องการของทายาทท่านเราก็ต้องยอมเพียงแต่ว่าขอเวลาให้พวกเราได้ตั้งตัวก่อนและแม่คิดว่าเราไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกหากวันหนึ่งเขาอยากได้ที่คืนขึ้นมาเด็กๆก็จะไม่มีที่อยู่กันอีก เมื่อกี้แม่ไม่พูดกับครูแววเพราะไม่อยากให้คิดมาก” ฝนสุดาคุยกับลูกสาวแต่เธอยังไม่ได้คุยกับเพื่อนตอนนี้แววตาก็เครียดมากพอแล้ว “จริงด้วยค่ะแม่ ถ้าเขาจะให้ป้าแววและน้องๆอยู่ที่นั่นจริงก็ควรมีลายลักษณ์อักษรไม่ใช่พูดแต่ปากเดี๋ยวจะเหมือนกับตอนนี้อีกแล้วเราจะทำยังไงดีคะแม่” หญิงสาวเห็นด้วยกับแม่ “แม่ว่าจะไปคุยกับป้าพักต์หน่อยน่ะ ป้าพักต์มีที่ดินแถวสามพรานเยอะอาจจะขอซื้อแล้วค่อยผ่อนจ่ายกับธนาคารเอา” ฝนสุดาพูดถึงเพื่อนบ้านที่สนิทสนมนับถือกันมายี่สิบกว่าปีก่อนที่ชาครียาจะมาอยู่กับเธอ “ก็ดีสิคะแม่ ป้าพักต์ใจดีหากรู้ว่าป้าแววกับน้องๆลำบากอาจจะยอมขายที่ให้เราก็ได้ค่ะ” ชาครียารู้จักป้าพักต์มาตั้งแต่เด็กๆเธอรู้แต่ว่าท่านเป็นแม่หม้ายมีลูกชายหนึ่งคนอยู่กับพ่อแต่เธอไม่เคยเจอและไม่ได้ถามป้าพักต์เองก็ไม่พูดถึงลูกชาย “งั้นเรารีบไปซื้อของทำอาหารกันดีกว่า เดี๋ยวแม่จะโทรชวนป้าพักต์ของลูกมากินข้าวด้วยกันจะได้คุยเรื่องที่ดิน” ฝนสุดาบอกลูกสาวเพราะเรื่องนี้รอไม่ได้ถึงเธอไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็พอมีกำลังที่จะผ่อนที่ดินได้ตอนนี้ลูกสาวก็มีหน้าที่การงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว “ค่ะแม่” จากนั้นฝนสุดาก็โทรนัดเพื่อนบ้านรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องชวนมาทานข้านเย็นด้วยกันและพักต์พริ้งตกลงแล้วสองแม่ลูกก็ไปซื้ออาหารสดที่ตลาดเพื่อกลับไปทำอาหารเย็นรอเพื่อนบ้านที่ไปช่วยงานพี่ชายที่ร้านขายต้นไม้ “นั่นน้าแก้วนี่คะแม่” ชาครียาขับรถเข้ามาในหมู่บ้านแล้วเลี้ยวรถเข้าซอยหนึ่งซึ่งบ้านของเธออยู่หลังสุดท้ายสุดซอยขนาดร้อยตารางวางแล้วบ้านป้าพักต์อยู่ตรงข้ามกันมีแค่ถนนกั้นและบ้านป้าพักต์มีบริเวณกว้างสี่ร้อยตารางวางด้านหลังบ้านก็ติดซอยสอง “ก็คงมาเรื่องเดิมนั่นแหละลูก” ฝนสุดาพูดกับลูกสาวถ้าน้องสาวมาหาเมื่อไหร่ก็คือเรื่องเงินและมักจะพูดกระทบกระเทียบลูกสาวว่าเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงแล้วเธอเลี้ยงดูดีกว่าหลานสาวหลานชายแท้ๆ “งั้นแม่ไปคุยกับน้าแก้วเถอะค่ะ เดี๋ยวชาร์มขนของเข้าบ้านเองค่ะ” ชาครียาบอกแม่เมื่อกดรีโมทประตูบ้านแล้วขับรถผ่านเห็นหน้าน้าสาวบูดบึ้งคงมารอนานแล้ว “พี่ฝนไปไหนมาฉันมานั่งรอเป็นชั่วโมงแล้วร้อนก็ร้อนหิวก็หิว” ฝนแก้วว่าพี่สาวทันนทีที่ลงจากรถหลังจากมารอเป็นชั่วโมงทั้งร้อนและหิวเพราะหมู่บ้านที่พี่สาวอยู่มีร้านค้าและเซเว่นหน้าหมู่บ้านโน่นจะเดินเข้าออกก็ลำบาก “เธอจะมาทำไมไม่โทรมาบอกพี่ก่อนล่ะ” คนเป็นพี่พูดกับน้องสาวนี่คงร้อนเงินอีกล่ะสิถึงได้มาหาเธอ “ก็โทรศัพท์เสียไม่มีตังค์ซื้อ ฉันขอโทรศัพท์เก่าๆของพี่สักเครื่องได้มั้ยล่ะ” ฝนแก้วพูดกับพี่สาวเพราะโทรศัพท์ของสามีเสียเธอจึงให้เขาเอาไปใช้กะว่าจะมาขอของพี่สาว “ไม่มีหรอก เดี๋ยวพี่ให้เงินเธอไปซื้อละกันเอาเครื่องละสามสี่พันก็ใช้ได้แล้ว” ฝนสุดาบอกน้องสาว “เครื่องละสามสี่พันมันจะเล่นเน็ตเล่นเฟสเล่นไลน์ได้มั้ยล่ะพี่ฝน เครื่องเก่าของฉันราคาเป็นหมื่นเน็ตยังช้าเลย เขาว่าไอโฟนมันดีมากนะพี่เล่นเน็ตดูหนังไม่สะดุดเลยแหละ” ฝนแก้วบอกพี่สาวเพราะลูกสาวสั่งมาต่อไอโฟนเท่านั้น “นี่ฝนแก้ว เธอรู้มั้ยว่าไอโฟนราคาเท่าไหร่” ฝนสุดาถามน้องสาวขนาดเธอยังไม่ใช้เลย “ก็แค่หมื่นสองหมื่นเองนะพี่ฝน พี่ก็มีเงินเยอะแยะแค่ซื้อโทรศัพท์ให้น้องสักเครื่องจะเป็นอะไรไปล่ะทีพี่เลี้ยงเด็กกำพร้าหมดเงินไปเท่าไหร่เห็นบ่นเลย กับน้องกับนุ่งนี่บ่นเอาบ่นเอาเพราะอย่างนี้ไงหลานมันถึงไม่อยากมาอยู่ด้วย” ฝนแก้วว่าพี่สาวที่เอาเด็กมาเลี้ยงแทนที่จะช่วยเลี้ยงลูกของเธอและทุกครั้งเธอก็จะได้เงินสมใจ “ฉันยังใช้โทรศัพท์เครื่องล่ะหมื่นกว่าเอง ถ้าซื้อไอโฟนให้เธอฉันซื้อใช้เองไม่ดีกว่าหรือไงถ้าเธอคิดว่าไอโฟนมันสำคัญกับค่าเทอมของลูกก็เอาสิแล้วไม่ต้องมาขอเงินฉันอีกและฉันจะไม่ช่วยเธออีก”ฝนสุดาพูดกับน้องสาวครั้งนี้ต้องเด็ดขาดไม่งั้นก็จะมาหาเธอทุกเดือนอ้างโน่นอ้างนี่ตลอดจะไม่ให้ก็น้องและหลาน “ทียัยชาร์มพี่ยังซื้อให้เลย” ฝนแก้วเห็นหลานสาวนอกไส้ใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ “ยัยชาร์มจะซื้ออะไรมันก็เรื่องเค้าเพราะเขาค้าทำงานหาเงินซื้อเองและยี่สิบกว่าปีมานี้เธอก็พูดแบบนี้มาตลอดที่พี่ให้ก็เพราะเธอเป็นน้องและยัยกิ๊บกับตาก้านก็เป็นหลานเธอยังไม่พอใจอีก ต่อไปถ้าไม่มีพี่แล้วเธอจะทำยังไงเธอกับสามีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ใช่เอาแต่วิ่งมาขอความช่วยเหลลือจากพี่เหมือนยังเป็นเด็กอยู่แบบนี้” ฝนสุดาพูดกับน้องสาวอย่างหมดความอดทนไม่ใช่ว่าเธอไม่ช่วยน้องสาว เธอช่วยมาตลอดแต่น้องสาวไม่เคยช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่แต่งงานมีลูกก็มาขอเธอเอาลูกมาอ้างตลอด “พี่ก็เอาแต่ยัยเด็กกำพร้านั่นไม่เคยสนใจลูกของฝนเลยมีอะไรก็ยกให้นังชาร์มมันหมด” ฝนแก้วโกรธพี่สาวที่เห็นขี้ดีกว่าไส้ทั้งที่ลูกสาวของเธอเป็นหลานแท้ๆกลับไม่สนใจ “เฮ้อ..พอเถอะแก้ว เธอรู้ดีทุกอย่างแต่ไม่ยอมรับความจริงหากเธอสอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองใช้จ่ายอย่างประหยัดและอดออมบ้างเธอคงไม่ต้องดิ้นรนมากขนาดนี้ กลับไปคิดให้ดีหากยัยกิ๊บกับตาก้านไม่มีเธอไม่มีฉันแล้วจะเป็นยังไง” ฝนสุดาสอนน้องสาวที่สอนลูกให้อยู่เหนือคนอื่นอยากได้อะไรก็หาให้จนหลานของเธอไม่เห็นหัวพ่อแม่และป้าอย่างเธอแม้ตอนนี้จะเรียนจบและทำงานก็ยังไม่พอใช้ “พี่ไม่ต้องมาพูดยังไงลูกของฉันก็ไม่ดีในสายตาของพี่ อะไรก็นังชาร์มมันดีทุกอย่างได้ทุกอย่างแล้วลูกฉันล่ะลูกฉันได้ไรทั้งที่เป็นหลานแท้ๆ” ฝนแก้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดโกรธพี่สาวที่ที่ว่าลูกของเธอ “หยุดนะแก้ว อย่ามาโวยวายพูดจาไร้มารยาทแบบนี้ที่นี่แล้วเรียกลูกพี่ให้ดีด้วยถ้าพูดดีๆกันไม่ได้ก็กลับไปซะ ไปคิดตรึกตรองให้ดีว่าที่เธอมันถูกมั้ย อย่าให้พี่ต้องหมดความอดทนกับเธอ” ฝนสุดาพูดกับน้องสาวอย่างใจเย็นทั้งที่น้องสาวโยนภาระของลูกมาให้เธอก็ไม่ว่าแต่มาพูดถึงลูกสาวของเธอแบบนี้มันไม่ถูกเพราะชาครียาไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยได้ดั่งใจทุกอย่างดูแลเธอมาตลอดผิดกับหลานสาวที่หัวสูงสอนอะไรไม่เคยฟังทำตัวยังกับเกิดมาบนกองเงินกองทอง “ก็ได้ พี่เลือกมันใช่มั้ยคอยดูนะ ฉันจะคอยดูวันที่มันสูบพี่ไปจนหมดตัวแล้วทิ้งพี่ไปฉันกับลูกจะไม่มาดูดำดูดีพี่เลย” ฝนแก้วพูดเสียงดังลั่นด้วยความโกรธพี่สาวที่เลือกเด็กกำพร้าทั้งที่เธอเป็นน้องสาว “ตามใจเธอก็แล้วกัน” ฝนสุดาพูดจบแล้วถอนหายใจไม่คิดว่าน้องสาวจะเป็นคนแบบนี้ไปได้ “งั้นพี่ก็เอาเงินมาให้ฉันสิ ฉันจะได้กลับแล้วจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก” ฝนแก้วยังไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการจึงไม่ยอมไป ฝนสุดามองน้องสาวด้วยความผิดหวังเสียใจทั้งที่เธอยกทุกอย่างให้ไม่ว่าจะเป็นบ้านรถที่ดินของพ่อแม่ที่เก็บไว้ให้แบ่งให้ลูกสาวทั้งสองคนเพื่อแลกกับเธอเอาชาครียามาเลี้ยงแต่น้องสาวยังไม่พอใจก็คงเป็นน้องเขยที่เสี้ยมกันมาตอนนี้ก็คงต้องปล่อยให้จัดการชีวิตของพวกเขาเองเพราะเธอเหนื่อยมากแล้วก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินมาเปิดออกหยิบเงินที่ทั้งหมดในกระเป๋าออกมานับได้หมื่นสองก็ยื่นให้น้องสาว “พี่หวังว่าเธอจะคิดได้นะแก้ว” “เงินแค่นี้มันจะไปพอซื้ออะไรล่ะพี่ฝน” ฝนแก้วคว้าเงินในมือพี่สาวมาถือไว้แล้วเดินออกไปจากบ้านของพี่สาวอย่างไม่พอใจเหมือนสามีของเธอพูดไว้ไม่มีผิดว่าพี่สาวถูกนังเด็กกำพร้าล้างสมอง ฝนสุดามองตามน้องสาวที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องรับแขกแล้วทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยใจหวนคิดถึงคำสอนของพ่อแม่ให้พี่น้องรักใคร่กันดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันแต่คงมีเธอฝ่ายเดียวที่ทำตามคำสอนของพ่อแม่ “แม่คะ” ชาครียาถือแก้วน้ำเย็นมาให้แม่แล้วนั่งลงข้างๆโอบกอดร่างอวบไว้ด้วยความรักและเห็นใจท่านที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเก็บเธอมาเลี้ยง “ขอบใจลูก ถ้าแม่ไม่มีชาร์มแม่จะทำยังไงก็คงเป็นสาวแก่ทึนทึกอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆแน่เลยลูก” ฝนสุดายิ้มให้ลูกสาวแล้วลูบศีรษะเบาๆอย่างรักใคร่ถึงไม่ใช่สายเลือดของเธอแต่เธอก็รักชาครียาเหมือนลูกสาวแท้ๆ “ชาร์มจะไม่แต่งงานจะอยู่กับแม่ดูแลแม่แบบนี้ตลอดไปค่ะ” เสียงหวานพูดกับแม่เธอยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเพราะอยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วยิ่งเห็นเพื่อนแลพเพื่อนที่ทำงานมีปัญหากับแฟนกับสามีแล้วทำให้เธอคิดเรื่องหนักเรื่องแต่งงานมีครอบครัว “ไม่ได้นะลูก แม่อยากมีหลานนะหากชาร์มเป็นสาวแก่เหมือนแม่ถ้าแม่ตายแล้วชาร์มจะอยู่กับใครยังไงลูกต้องแต่งงานจ้ะ แม่ว่าตานุก็ตามลูกมานานแล้วนะจ้ะ” ฝนแก้วพูดกับลูกสาวเธอไม่อยากให้ชาครียาเป็นสาวแก่ทึนทึกเหมือนตัวเองที่ทำงานจนลืมไปว่าตัวเองยังไม่มีครอบครัวแต่พอคิดจะมีมันก็เลยวัยมาแล้วยิ่งเธอมีหน้าที่การงานดีมีตำแหน่งสูงก็หาแฟนยากเพราะตั้งมาตรฐานไว้สูงแต่ที่เจอก็มีแต่คนเจ้าชู้หรือไม่ก็สามีชาวบ้านมาจีบเธอก็เลยไม่สนใจอยู่เป็นโสดดีกว่าพอชาครียาเข้ามาเติมเต็มในชีวิตของเธอทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทำให้เธอมีความสุข “แม่คะ เรื่องพี่นุลืมไปได้เลยค่ะ ชาร์มนับถือพี่นุเป็นพี่ชายไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นค่ะ” หญิงสาวบอกแม่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งว่าเธอคิดยังไงกับอนุวัชหนุ่มรุ่นพี่ที่เพียรจีบเธอมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงทุกวันนี้ทั้งที่เธอบอกไปแล้วว่านับถือเขาเป็นพี่ชายไม่ได้คิดเชิงหนุ่มสาวแต่เขาบอกว่าจะรอเธอจึงทำให้ช่วงนี้ห่างกันไปนานๆเจอกันทีและมันก็ดีสำหรับเธอ

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

Secret Love ซ่อนรักคุณหมอมาเฟีย

read
1.4K
bc

พลาดรักนายคาสโนว่า

read
23.2K
bc

ยั่วรัก หม้ายสาวสายแซ่บ

read
22.6K
bc

บำเรอรักขัดดอก

read
2.8K
bc

เมียแต่งที่คุณไม่เคยต้องการ

read
20.8K
bc

พี่สามีอย่ารังแกข้า

read
5.5K
bc

แอบเสียวจนได้ผัว (NC20+)

read
60.2K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook