ตอนที่10:แลกเปลี่ยน

3120 คำ
ตอนที่ 10 ใบหน้าคมคร้ามชักสีหน้าออกอาการไม่พอใจ ดวงตาคมคายมองต่ำดุดันเนื่องจากอารมณ์หึงหวงหรือไรไม่อาจทราบได้ หลังเห็นนายตำรวจในชุดสีกากีพูดคุยทำทีใกล้ชิดสนิทสนมบุหงา เสื้อผ้าเปียกชื้นแนบไปกับลำตัวอวดทรวดทรงองค์เอวของเรือนกายระหง นั่งกอดเข่าตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บอยู่ภายในห้องขัง หลังส้มป่อยมารายงานว่านังบุหงามันถูกตำรวจจับในวงไพ่ไม่มีคนไปประกันตัว เขาก็รีบบึ่งมาหาทันที พลางขบคิดในใจว่ามันช่างหาเรื่องใส่ตัวดีแท้ เขาไม่เคยเห็นแม่หญิงนางใดหาเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตนได้เก่งเยี่ยงนาง “พ่อครู...” บุหงาทำสายตาอ้อนวอนหลังได้รับการประกันตัว เธอเดินขัดแข้งขัดขาเขาเสียจนแทบล้มหน้าคะมำ “อะไร...เอ็งเลิกเดินขัดขาข้าเสียที เดินเกาะแกะจนข้าเดินไม่สะดวกผ้าขาวม้าข้าจะหลุดจนโชว์ความยิ่งใหญ่อยู่รอมร่อ” พ่อครูหรี่สายตามองคนร่างเล็ก “พ่อครูอย่าบอกพ่อฉันนะไม่งั้นฉันอดออกบ้านแรมเดือนแน่ ๆ นะพ่อครูน้า” “เป็นสาวเป็นนางไปยุ่งเกี่ยวกับพวกผีพนัน เอ็งทำถูกแล้วรึนังบุหงา รู้อย่างนี้ข้าไปบอกตาบัวมาประกันตัวเสียก็ดี ลิ้มรสไม้หวายเผื่อจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง” “ฉันแค่ไปนั่งเฝ้าอีแหวนเล่นเฉย ๆ ไม่ได้เป็นคนเล่นซะหน่อย อีกอย่างขืนพ่อครูให้พ่อฉันมาประกันฉันคงทำกับข้าวไปส่งพ่อครูไม่ได้อีก” เธอเถียงคอเป็นเอ็นไม่ยอมรับผิดในข้อกล่าวหา “แล้วตังในนมเอ็งนั่นคือกระไร” พ่อครูเหลือบมองเงินที่โผล่พ้นขอบคอเสื้อภายใต้เนื้อหนังเนียนละเอียดอวบคู่นั้น เนื้ออกอิ่มเบียดกระดาษเงินหลายใบจนมันโผล่ขึ้นมาเป็นหลักฐานมัดตัวบุหงา บุหงาก้มมองเงินที่โผล่พ้นออกมามือเล็กรีบยัดเงินจำนวนนั้นลงสู่ร่องอกอวบทันควัน พลางส่งยิ้มเจื่อนกลบความผิด ขายขี้หน้านักนังบุหงา หน็อย...โผล่มาขายขี้หน้าข้ารึ! “พ่อครูแอบมองนมฉันหรอ นี่คิดอะไรไม่ดีกับฉันหรอ” บุหงาเปลี่ยนเรื่องอย่างชาญฉลาด “หึ...” ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอไม่ตอบอะไร เดินทิ้งระยะห่างจากบุหงาพอสมควร คนร่างเล็กวิ่งตามหลังมาดักด้านหน้า บุหงาเขย่งขาเอียงกระซิบบอกพ่อครูเสียงหวาน “ตกลงพ่อครูห้ามบอกพ่อฉันนะ สัญญามาก่อนถ้าสัญญาแล้วฉันจะแยกกับพ่อครูตรงนี้แหละจ๊ะ” “แล้วเอ็งจะไปที่ใด” ชายหนุ่มเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ไปนอนบ้านอีแหวนไงจ๊ะ ฉันขอพ่อไปนอนเป็นเพื่อนอีแหวนพ่อก็เลยให้ฉันออกมา ไม่งั้นฉันไม่มีทางได้ออกมาเที่ยวเล่นหรอก” บุหงาตอบหน้าตาใสซื่อ “ขอกี่วัน” “ไม่ได้บอกกี่วันจ๊ะ งั้นฉันลานะจ๊ะ ขอบคุณพ่อครูที่มาประกันตัวฉันนะ” บุหงายกมือไหว้ชายหนุ่มคนตรงหน้าก่อนจะหันกายเดินเบี่ยงไปอีกทาง ทว่าเสียงเข้มเอ่ยท้วงจะให้เธอหยุดรอก่อน “เดี๋ยว” ชายหนุ่มรั้งท่อนแขนเรียวก่อนเธอจะเดินหนี “หืม?” “ถ้าอยากให้ข้าเก็บเรื่องวันนี้เป็นความลับก็ไปนอนบ้านข้าคอยรับใช้ข้า” พ่อครูเอ่ยสีหน้าราบเรียบแม้จะรู้สึกตื่นเต้นกับประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกไป ภายใต้สีหน้านิ่งสงบหัวใจกลับเต้นโครมคราม ทำเหมือนเขาเป็นตาแก่หลอกเด็ก “พ่อครูจะบ้าหรอฉันเป็นสาวเป็นนางจะให้ไปนอนบ้านผู้ชายสองต่อสองได้ไงกัน มันผิดผี!” “เอ็งก็เลือกเอาจะกลัวผิดผีหรือจะกลัวไม้หวายตาบัว” ชายหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์หลังข่มขู่หญิงสาวคนตรงหน้า “พ่อครู!” บุหงาเอ่ยเสียงสูง “ไม่ไปใช่ไหมงั้นข้ากลับล่ะ...” “พ่อครู!” เขาไม่เข้าใจคำว่าผิดผีหรือไง! “ไม่ไป?” “ไป!” บุหงากระแทกเสียงใส่ชายหนุ่ม เธอเดินนำหน้าตรงกลับตำหนักพ่อครู ใบหน้างามบูดเบี้ยวไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าเขาจะชวนคุยอะไรก็ตาขวางพาลหงุดหงิด ขืนยอมให้เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ ชาตินี้เธอก็อย่าฝันว่าจะได้ออกไปที่ไหนได้อีก หากพ่อจับได้ว่าเธอโกหกก็คงไม่รอดที่จะถูกมองว่าเป็นคนโกหกไปตลอด ตกเย็นบุหงาทำกับข้าวไปส่งให้พ่อทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องปั้นหน้ายิ้มกลบเกลื่อนความหงุดหงิดภายในใจ ก่อนกลับแวะไปเตี๊ยมกับอีแหวนให้เข้าใจตรงกันหากตาบัวแวะมาถามไถ่ “ไปทำอะไรเสียนานจนตะวันจะตกดินพึ่งจะกลับ” ชายหนุ่มยืนกอดอกอยู่บนระเบียงบ้าน สายตาคมกริบคาดโทษ ดูท่าจะยืนรอเธอนานแล้ว “ไปจัดการปัญหาสิจ๊ะพ่อครู ใครจะไปว่างไม่มีอะไรทำเหมือนพ่อครูกันล่ะ” บุหงาเดินขึ้นบันไดไม้อย่างระวัง เสียงหวานเหน็บแนมคนร่างสูง พลันเห็นสำรับอาหารที่เธอตั้งไว้ยังไม่ถูกแตะจึงเอ่ยถามชายหนุ่ม “พ่อครูกับพี่มิ่งยังไม่กินข้าวหรอจ๊ะ” “ไอ้มิ่งมันลากลับบ้านแม่มันป่วย ข้าไม่อยากกินคนเดียวก็เลยรอเอ็ง” “ไปกินสิจ๊ะเดี๋ยวฉันกินเป็นเพื่อนขอไปเอาน้ำก่อน” ไม่นานบุหงาก็เดินกลับมาพร้อมขันเงินลายไทยบรรจุน้ำฝนที่กรองแล้วลอยดอกมะลิหอมเย็นชื่นใจ เธอวางมันตรงหน้าเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตาดวงตาเหยี่ยวคู่นั้นความรู้สึกวูบวาบโลดแล่นหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น “มองหน้าฉันทำไมจ๊ะกินสิกับข้าวเย็นหมดแล้ว” “......” พ่อครูยักไหล่ ก่อนจะใช้ช้อนแงะปลาม้าทอดกรอบ ราดพริกน้ำปลาตบท้ายก่อนจะป้อนเข้าปาก ชายหนุ่มลิ้มรสฝีมือของเธออย่างพึงพอใจ ด้านข้างยังมีผัดฉ่าปลาดุกรสชาติเผ็ดร้อน กินเข้าไปเลือดลมเดินดีเหลือเกิน หยาดเหงื่อร้อนผุดท่วมกรอบหน้าหลังทานผัดฉ่าปลาดุก “ถ้าเผ็ดก็อย่าตักพริกแกงสิจ๊ะตักแต่เนื้อปลาก็พอ” เธอว่า มือน้อยยกขันน้ำยื่นให้พ่อครูที่บัดนี้หูแดงหน้าแดงจากพริกแกงรสชาติเผ็ดร้อนตามฉบับเมืองสุพรรณ “ข้าไม่เผ็ดกินได้สบายนี่อะไรอร่อยดีข้าชอบ” “ผัดดอกชมจันทร์จ๊ะ กินแก้เผ็ดไปพลาง ๆ ก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวฉันไปยกขนมมาให้ กินตบท้ายน่าจะดี” เธอพูดจบก็รีบกลับลงไปในครัวถือขนมขึ้นมาพะรุงพะรัง “นี่ขนมแปรฉันทำไว้เมื่อวาน เมื่อกี้กลับบ้านเลยเอาติดไม้ติดมือมาด้วยพ่อครูลองชิมดูสิ” บุหงาคะยั้นคะยอให้เขาชิมนู้นชิมนี่จนหนังท้องตึงต้องรีบยกมือปรามเป็นการใหญ่ “พอแล้วก่อนข้าจะท้องแตกตาย” “ไม่อร่อยหรอจ๊ะ” เธอลืมความโกรธไปเสียสิ้น มีเพียงความอยากให้คนตรงหน้าลิ้มลองฝีมือของเธอ “อร่อยแต่ข้าไม่ใช่วัวใช่ควายนะนังบุหงาถึงจะได้กินหมด” “พ่ออิ่มแต่พวกฉันยังไม่อิ่มนะพี่บุหงา อย่าลืมเอาไปให้พวกฉันด้วยนะจุดธูปหนึ่งดอกเรียกชื่อพวกฉันเหมือนเดิม” ส้มป่อยปรากฎกายอิงศรีษระแนบท่อนแขนเรียวอย่างออดอ้อน “พี่ไม่ลืมของพวกเอ็งหรอกน่าส้มป่อย รัก ยม” เธอยิ้มอ่อนหวานจากใจจริง กุมารทองน้อยสามตนชอบเอาอกเอาใจเธอแลกกับขนมเป็นประจำ ใครจะไม่รักได้ลง “ให้มันน้อย ๆ หน่อย ทำอย่างกับว่าข้าเลี้ยงอด ๆ อยาก ๆ” ชายหนุ่มส่งสายตาพิฆาตมองเจ้าส้มป่อยที่กำลังออดอ้อนออเซาะหญิงสาวออกนอกหน้า “ไม่อดอยากหรอกจ๊ะพี่บุหงาก็แค่ใช้งานข้าก่อนจึงจะได้กินขนม” ส้มป่อยแสร้งตีหน้าเศร้าฟ้องบุหงา “ไอ้ส้มป่อย!” พ่อครูถลึงตาตบเข่าฉาดใหญ่ ไอ้ผีเด็กตนนี้มันชอบหักหน้าเขานัก “นี่ก็คงหลอกพี่บุหงามาถูบ้านถูเรือนทำกับข้าวแลกกับปิดเรื่องวันนี้เป็นความลับใช่มั้ยจ๊ะ เนี่ยแหละจ๊ะพ่อจ๋าชอบทำแบบนี้” ส้มป่อยเพยิดหน้ามองพ่อจ๋าที่เริ่มขบเม้มริมฝีปากอย่างอดกลั้น กุมารน้อยขายพ่อตนให้เธอฟัง “คิก..คิก” บุหงาลอบขำ เธอเหลือบมองสีหน้าของพ่อครูที่ขมึงทึงตึงเครียด “เนี่ยฉันว่าพ่อจ๋าอยากได้พี่บุหงาเป็นมะ/ไอ้ส้มป่อย!!!” ชายหนุ่มเรียกชื่อกุมารทองน้อยช่างพูดน้ำเสียงดุดันก่อนมันจะเอ่ยจบประโยค มันจะพูดว่าเขาอยากได้นางเป็นเมียจนตัวสั่นอย่างนั้นหรือ… วันนี้ไม่หวดมันเขาคงนอนไม่หลับ ปากมากเกินไปแล้วไอ้ส้มป่อย! ไอยศูรย์ผุดลุกไปหยิบไม้หวายลงอาคม ส้มป่อยร้องจ้ากอย่างรู้ชะตากรรมหลบหลังบุหงา ชะเง้อคอเอียงมองเล็กน้อย ก่อนมันจะรีบวิ่งหนีหลบไม้หวายซ้ายทีขวาที ปากก็ร้องเรียกให้บุหงาช่วย “พี่บุหงาช่วยฉันด้วย!” “มานี่ไอ้ส้มป่อยกูจะฟาดมึงให้รู้ความก็วันนี้!” เขาวิ่งไล่หวดกุมารทองน้อยรอบตำหนัก โดยมีบุหงานั่งมองระคนลอบยิ้ม เขาทะเลาะได้แม้กระทั่งกุมารทองที่ตนเลี้ยง “จ้ากกก! พ่อจ๋าฉันเจ็บ” มือสากเอื้อมไปบิดหูเล็กราวกับดอกเห็ดของส้มป่อยเต็มแรง แขนแกร่งง้างไม้หวายเตรียมฟาดลงบนแก้มก้นเต่งตึงของมัน “พ่อครูอย่าตีส้มป่อยมันเลย มันก็ถือว่ายังเด็ก” บุหงาเอ่ยเสียงหวานชโลมจิตรั้งแขนแกร่งให้ผ่อนลงมา “เด็กเปรตละสิไม่ว่า” พ่อครูเพิ่มแรงบิดใบหูเล็กของส้มป่อยอีกครา ทีนี้เสียงร้องเจื้อยแจ้วดังขึ้นจนแสบแก้วหู ใบหน้ากลมป้อมเหยเกด้วยความเจ็บปวด พ่อจ๋ามือหนักจะตายไป “อ้ากก..พ่อจ๋า จะ…เจ็บ” ส้มป่อยเขย่งฝ่าเท้าตามแรงบิดของผู้เป็นพ่อ “ฉันขอนะพ่อครู” บุหงาอ้อนวอนชายหนุ่มเสียงหวานจนเขาคล้อยตามยอมผ่อนแรงลง เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมีหรือเขาจะไม่ทำตาม เขาค่อย ๆ ผละฝ่ามือออกจากใบหูเล็ก ก่อนจะขู่ตามหลังอย่างคาดโทษ “มีรอบหน้าข้าจะเฉือนหูเอ็งออก” “จ้าพ่อ” ส้มป่อยลูบใบหูของตนป้อย ๆ พ่อจ๋าออกอาการอยากได้พี่บุหงาปานนั้น เขาพูดผิดตรงไหน “งั้นฉันเก็บสำรับแล้วจะลงไปอาบน้ำเลยนะจ๊ะพ่อครู เดี๋ยวค่อยขึ้นมาปูที่นอนกางมุ้ง” “จะปูทำไมเอ็งก็เข้าไปนอนที่ห้องข้า” “อ่อจ๊ะ” เธอคิดว่าเขาคงเสียสละให้เธอนอนในห้องส่วนเขาจะนอนนอกห้องกระมัง ยังถือว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง ส้มป่อยได้แต่มองตามตาละห้อยคันปากอยากจะบอกพี่บุหงาว่ามันคือแผนการของพ่อจ๋า แต่ก็จำต้องรีบยกมืออุดปาก หลังเห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกของพ่อจ๋าที่ส่งมา บุหงานุ่งกระโจมอกมวยผมขึ้นสูงถือตะเกียงแขวนไว้บนราวกิ่งต้นมะยม นั่งลงบนขอนนั่งไม้ หยิบขันตักน้ำในโอ่งดินราดกาย สบู่ก้อนกลิ่นหอมลูบไล้ทำความสะอาดเรือนร่าง มะขามเปียกถูกนำมาถูขัดผิวสวยให้ผ่องใส น้ำเย็นจากโอ่งคลายความร้อนจากอากาศอบอ้าวได้เป็นอย่างดี ดูท่าวันพรุ่งฝนคงจะตกวันนี้อากาศจึงอบอ้าว บุหงาขัดเนื้อตัวเชื่องช้าตามนิสัยก่อนจะตกใจจนเกือบหงายตกเก้าอี้ หลังชายหนุ่มเดินเข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง มิหนำซ้ำยังตักน้ำในโอ่งอาบต่อหน้าเธออีกต่างหาก “พ่อครูฉันยังอาบไม่เสร็จนะ!” “ใครใช้ให้เอ็งอาบนาน ข้าเหนียวตัวรอไม่ไหวหรอก” เขาเอ่ยหน้าตายทำทองไม่รู้ร้อน “ฉะ ฉันเสร็จแล้วก็ได้” “เสร็จกระไร” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม “อย่าพูดจาสองแง่สองง่ามกับฉันนะ...” “สมองเอ็งมีแต่เรื่องพรรคนั้นหรือไง ข้าถามเพราะเห็นกากมะขามเปียกติดตรงหลังเอ็ง” “......” บุหงาเหลียวหลังมอง มือปัดป้ายพยายามคว้านหากากมะขามเปียกที่เธอใช้ขัดผิวเมื่อครู่ ทว่าหาอย่างไรก็หาไม่เจอ “มานี่ข้าจะเอาน้ำรดให้” พ่อครูดึงร่างเล็กถอยร่นกลับมาที่เดิม ตักน้ำในโอ่งรินรดร่างสาวที่ยืนห่อตัวหวังต้องการบดบังร่างกายจากสายตาคมกริบ มือร้อนลูบไล้แผ่นหลังเนียนสัมผัสเพียงนิด ดวงหน้างามร้อนผะผ่าวราวกับสัมผัสเปลวเพลิง มือหยาบปัดกากมะขามเปียกออก ก่อนจะรดน้ำตามอีกรอบเป็นอันเสร็จ “สะอาดแล้ว” “ขอบใจจ๊ะ” บุหงาเปลี่ยนสวมเสื้อขาวผ้าซิ่นสีน้ำตาลเดินเข้ามาภายในห้องนอนของพ่อครู ดวงตากวาดมองนึกชม ไม่คิดว่าพ่อครูจะเป็นคนที่รักสะอาดถึงเพียงนี้ ที่นอนหมอนมุ้งก็พับเก็บเป็นระเบียบ เธอวางตะเกียงบนตู้ข้างเตียง หญิงสาวทอดกายนอนบนเตียงไม้สักราคาแพงปูทับด้วยเตียงนอนหนานุ่ม ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงมาห่มคลุมกาย เสียงจั๊กจั๋นยามค่ำคืนบรรเลงขับขานราวกับเพลงกล่อมก่อนนอน อาจจะเพราะความเหนื่อยที่ต้องผจญมาทั้งวัน บุหงาผล็อยหลับลงในเวลาไม่นาน กลิ่นกรุ่นดอกไม้หอมลอยโชยตามสายลมพลันปรากฎดินแดนโบราณ ผู้คนแต่งกายเยี่ยงคนยุคเก่า สถานที่ที่เธอยืนเหมือนพระราชฐานชั้นในตกแต่งประดับประดาโอ่อ่า หญิงสาวยืนฉงนท่ามกลางหมู่คนนับร้อยที่จ้องมองมาด้วยแววตายากคาดเดา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เธอสวมใส่ฉไนจึงดูดีมีฐานะกว่าทุกผู้ เครื่องประดับพลอยนิลจินดาเต็มตัวดูระเกะระกะ “ลีลาวดี...” สุรเสียงอ่อนนุ่มร้องเรียกชื่อใครบางคน ชายหนุ่มผิวคร้ามแดด สวมเสื้อผ้าหรูหราสูงศักดิ์ หนวดยาวเกรอะกรังเดินฝ่าวงล้อมเข้ามากุมมือเธออย่างถือวิสาสะ “......” บุหงาพินิศเพ่งมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า โครงหน้ากรามแน่น คมเข้มตรงฉบับชายไทย ความสูงเทียมเท่าพ่อครู ทว่าแววตาหมองหม่น “พี่คิดคำนึงถึงน้อง” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงมาหมายจุมพิตประทับบนริมฝีปากอิ่ม บุหงาเบือนหน้าหนีสัมผัสนั้นอย่างไว ประกายแสงสีขาวฟาดลงมาจากบนฟากฟ้าแยกชายหนุ่มนิรนามผู้นั้นออกห่างจากนาง ชายผู้นั้นแหงนมองบนท้องฟ้ากัดฟันกรอด ก่อนจะหันกลับมามองนางอันเป็นที่รักยิ่ง เขาพยายามสะกัดประกายแสงสีขาวที่ฟาดลงมาไม่ขาดสายด้วยพลังงานวิญญาณทั้งหมดที่มี เพียงเพื่อที่จะได้สัมผัสและพูดคุยกับนาง “ปล่อยฉันเถอะจ๊ะ ฉันไม่ใช่ลีลาวดีท่านคงจะจำผิดแล้วล่ะ” บุหงาหน้าเสีย พยายามดึงมือกลับแต่ไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มปริศนาตรงหน้าจะยอมปล่อย สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าข่มความรู้สึกเจ็บปวดมหาศาลภายใต้สีหน้ายิ้มแย้ม เขาต้องทนรับประกายแสงสีขาวที่ฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ามือแกร่งกลับเลือกที่จะกุมมือแน่งน้อยเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ “......” ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มรับนุ่มนวล มือสากหยิบปิ่นปักทองฝังพลอยเม็ดงามขึ้นมาปักบนมวยผมที่เกล้าขึ้นของเธอ “อย่าลืมตามหาปิ่นเล่มนี้นะ เมื่อเจ้าหาเจอพี่ก็จักสามารถอยู่ใกล้น้องได้ มันถูกฝังอยู่ใต้ต้นลีลาวดีที่พี่เคยปลูกให้น้อง” “......” บุหงาหน้านิ่วฟังไม่รู้ความที่เขาต้องการจะสื่อ “ครั้งนี้ได้สัมผัสน้องพี่ก็สุขใจมากแล้ว หาปิ่นทองให้เจอนะลีลาวดี เวลาหมดลงแล้ว” ชายปริศนาหยิบดอกลีลาวดีทัดหู กดจมูกโด่งฝังลงบนพวงแก้มจนเธอไม่ทันเบือนหนีก่อนเสียงนั้นจะลอยจางห่างไกล ใบหน้าเศร้าโศกติดตาบุหงาจนความรู้สึกดำดิ่ง ประกายแสงสีขาวยังคงฟาดลงบนกายแกร่งของชายผู้นั้นอย่างต่อเนื่อง ภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่ถูกทดแทนด้วยความมืดมิดจนน่าวังเวง แหงนมองโดยรอบกลับไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืด หรือนี่จะเป็นเพียงฝัน... บุหงาสะดุ้งตื่นหลังท่อนแขนแกร่งของใครบางคนพาดวางลงบนเอวบาง เธอนอนตะแคงหันหลังจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของผู้บุกรุก แสงไฟจากตะเกียงที่มอบดับมานานหลายชั่วโมง บ่งบอกว่าผู้บุกรุกคงเข้ามานานแล้ว ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดลำคอขาวผ่อง บุหงาขยับกายหันหลังกลับมา ยกเท้ายันถีบร่างหนาที่นอนซุกใบหน้าแนบหลังเธอเมื่อครู่เต็มแรง จนเกิดเสียงดังอึกทักทั่วบ้าน ตามมาด้วยเสียงหลงที่ร้องโอดครวญดังลั่นบ้าน บุหงาตกใจเสียงจนแทบลืมหายใจ โคร้มม! “โอ๊ย! เอ็งถีบข้าทำไมนังบุหงา” พ่อครูที่โดนถีบอย่างจังหล่นตกเตียงกระแทกพื้นเต็มแรงส่งเสียงร้องโอดครวญ ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขามาก่อน วิญญาณทุกตนให้ความเคารพยำเกรง แม้นแต่เทวดาชั้นฟ้ายังให้ความเคารพ ภูติผีปีศาจต่างต้องหลบให้เขาผู้เป็นใหญ่ในโลกหลังความตาย แต่ว่า...เขากลับถูกบุหงาหญิงสาวแดนมนุษย์ใช้เท้าถีบตกเตียง! “พะ…พ่อครูหรอจ๊ะ” บุหงาที่มองไม่เห็นชายหนุ่มในความมืดอ้าปากค้าง “เออสิวะ” “ฉันนึกว่าเป็นโจร! แล้วพ่อครูเข้ามาทำไมล่ะแถมยังมานอนกอดกลมฉันอีก” “ห้องข้าไยจะเข้ามาไม่ได้!” “แต่พ่อครูยกให้ฉันนอนแล้วนะ” “ก็นอนด้วยกันไงเล่า!” “จะบ้าหรอพ่อครูฉันเป็นสาวเป็นแส้ยังไม่ได้ออกเรือน เกิดชาวบ้านรู้เข้าแล้วฉันขายไม่ออกจะทำไง” บุหงากระเถิบหนี ทว่าร่างสูงยันกายลุกขึ้นมากระชากข้อเท้าให้เธอกลับไปนอนดังเดิม ชายหนุ่มสอดกายในผ้าห่มกระชับวงแขนให้เธอดิ้นไม่หลุด “ขายไม่ออกก็ช่างประไรเดี๋ยวข้าซื้อเอง” “......”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม