ตอนที่9:สวดส่ง

2932 คำ
ตอนที่ 9 ม่านอาคมบังเกิดเสียงสั่นสะเทือนราวกับของแข็งพุ่งกระโจนหวังทำลายอาณาเขต ผีนางอิ่มยืนมองเหล่าสมุนด้วยแววตาวาวโรจน์อาฆาตแค้น เสียงหัวเราะสาแก่ใจดังสนั่นจนขนแขนบุหงาลุกซู่ มวลพลังงานสีดำทะมึนล้อมรอบเขตอาคมหวังทำร้ายชาวบ้านทันทีที่มีโอกาส บุหงาเกาะแขนผู้เป็นพ่อแน่น “เอ็งจะหยุดไม่หยุด” สุรเสียงทรงอำนาจเอ่ยถามดุดัน “กูไม่หยุด! กูมาไกลเกินจะถอยแล้ว ฮิ..ฮิ..ฮี่” ผีนางอิ่มโยกศรีษระแลบลิ้นปลิ้นตาไปมาอย่างต้องการล้อหลอก “หึ...ผัวมึงเห็นมึงสภาพนี้คงสยองน่าดูอีอิ่ม” ไอยศูรย์เอ่ยแกมขำ “ผัวกูป่านนี้ไปเกิดไหนต่อไหนแล้วไม่มีทางมาเห็นกูในสภาพนี้ดอก ฮิ..ฮิ” “จริงรึ...มึงลองหันกลับไปดูสินั่นใช่ไอ้คร้ามผัวมึงหรือไม่” “......” ผีนางอิ่มชะงัก เหลียวกลับหลังมองตามปรากฎร่างโปร่งแสงของคร้ามผัวนางอิ่มสวมชุดขาวยืนมองการกระทำของเมียไม่พูดไม่จา ทว่าสีหน้ากล้ำกลืนอย่างเห็นได้ชัด “พี่คร้าม” ผีนางอิ่มตื้นตันจนปากคอสั่น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้พบผัวของตนอีกครั้ง “หยุดเถอะอิ่ม วางความแค้นลงซะแล้วไปกับพี่” คร้ามเผยรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมอบให้เมียรัก แววตาฉายความเจ็บปวดยามมองวิญญาณของนางอิ่มที่กลายเป็นผีร้ายเข่นฆ่าชีวิตผู้คน “แต่พวกมันทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้! ฉันก่อกรรมทำเข็ญมากมายฉันไม่มีทางพานพบบรรจบเคียงคู่พี่อีกแล้ว” ผีนางอิ่มแผดเสียงลั่นด้วยความอาฆาต น้ำตาไหลรื้นน่าเวทนา “พวกที่ทำเอ็งมันตายไปหมดแล้วไม่ใช่รึ อย่าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์อีกเลย พี่ขอโทษถ้าพี่ไม่ด่วนจากไปไวก่อนเอ็ง เรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้น” คร้ามยื่นมือรอรับเมียรัก นางอิ่มที่รังเกียจตัวเองรีบปัดมือคู่นั้นทิ้ง “มันไม่ใช่ความผิดของพี่!” “ไปกับพี่อิ่ม” ร่างโปร่งแสงสีขาวผายมือยื่นออกมาอีกคราหวังพาเมียรักกลับสู่ภพภูมิที่ควร “ถึงฉันไปกับพี่ฉันก็ไม่มีทางได้ไปอยู่กับพี่ ฉันคงต้องตกนรก ไม่มีทางที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็จะขอฆ่าพวกมันให้ตายตกไปตาม ๆ กันเสียดีกว่า!!” “อิ่ม!!!” คร้ามตะคอกเสียงดังหวังเรียกสติเมียรัก “วาสนาเราคงสิ้นต่อกันเพียงเท่านี้นะพี่คร้าม ฉันขอให้พี่มีความสุขส่วนฉันจะขอจมความทุกข์อยู่ตรงนี้...” สิ้นประโยคกลุ่มเมฆหมอกสีเข้มลอยลิ่วลงมาโอบอุ้มร่างโปร่งแสงของนายคร้าม อิทธิฤทธิ์ที่ผีนางอิ่มสั่งสมมาเทียบเท่าภูติผีปีศาจอายุนับร้อยปี ที่มันมีฤทธิ์เดชล้นมือก็เพราะดูดกินวิญญาณผู้บริสุทธิ์นับร้อย “ต่อไปก็ตาพวกมึงแล้ว คิดว่าใช้ผัวมาขู่กูแล้วกูจะยอมรึ” ผีร้ายสะบัดหน้ากลับมามองกลุ่มคนภายใต้ม่านอาคม เหล่าสมุนยังคงโถมหวังทำลายม่านอาคมตามคำสั่ง พระลูกวัดเริ่มสั่นสะท้านจากการโจมตี เจ้าอาวาสกระอักเลือดสีแดงฉานออกมาพร้อมส่ายหน้า ความอาฆาตพยาบาทของผีนางอิ่มเหลือล้นเกินบรรยาย “กูไม่อยากทำมึงอีอิ่ม ถอยไปซะก่อนที่กูจะหมดความอดทน” พ่อครูประกาศกร้าว ดวงตาคมกริบมองผีร้ายที่ท้าทายอำนาจไม่หยุดหย่อน ถึงขนาดกล้าทำร้ายพระสงฆ์และฆราวาสเห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้ “คิดว่ากำราบกูได้ก็ลองดู” ผีนางอิ่มแสยะยิ้ม ไร้ความกลัวเกรง หารู้ไม่ว่ามันท้าทายผู้ที่ไม่ควรแตะต้อง “......” พริบตาเดียวชาวบ้านทุกผู้อยู่ในอากัปกิริยาค้างเติ่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวราวกับถูกแช่แข็ง ใบไม้ดอกหญ้าที่กำลังพัดปลิวค้างลอยอยู่ในอากาศเสมือนมีใครกดหยุด มีเพียงเขาและผีร้ายที่ยืนประจันหน้ากันโดยมีการเวกยืนอยู่ทางด้านหลังคอยสังเกตุการณ์ องค์พญามัจจุราชเผยร่างเดิมดวงตาพญายมสีแดงเพลิงเบิกกว้างจนไอร้อนระอุกระทบผิวช้ำเลือดช้ำหนองของผีนางอิ่ม กายสีแดงเข้มมีเพลิงนรกปะทุทั่วเรือนร่าง ฝีเท้าหนักเหยียบย่ำพสุธาบังเกิดการเผาไหม้ทุกหย่อมหญ้า ทำเอาผีร้ายที่เคยทะนงตนว่ามากอิทธิฤทธิ์ถึงกับผงะอกสั่นขวัญแขวน “มึงลุ่มหลงในฤทธิ์เดชที่มีจึงใช้ข้ออ้างบุญคุณความแค้นมาก่อกรรมทำเข็ญ กูกะจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยเชียวอีอิ่ม กูช่วยมึงถึงขนาดที่ว่ายอมฝืนกฎสวรรค์ตามผัวมึงลงมาแต่กูไม่เห็นท่าทีสำนึกผิดของมึงเสียสักนิด” ผู้เป็นใหญ่ในโลกหลังความตายเอ่ยน้ำเสียงดุดัน สีหน้าพิโรธเต็มพิกัด ความอดทนที่มีมาแต่แรกขาดสะบั้นยามเห็นเจ้าอาวาสกระอักเลือด “ใครใช้ให้พวกมันมาย่ำยีกูก่อนเล่า ความทุกข์ทนที่กูได้รับใครมันจะมาชดเชยให้กู!!” นางอิ่มแผดเสียงสู้ สองเรียวแขนยกป้องไอร้อนระอุที่พวยพุ่งมาจากกายาแดง “นรกสวรรค์มีกฎชัดเจนใครทำอย่างไรได้อย่างนั้น มึงฆ่าพวกมันไปแล้วสมควรพอแต่นี่มึงออกอาละวาดไม่รู้จักจบจักสิ้น กูจะให้มึงลิ้มรสของขุมนรกอีอิ่ม...” “ไม่!!!” ผีร้ายกวาดสายตามองหน้าทางรอด ทว่าถูกบ่วงบาศของชายหนุ่มร่างใหญ่จับตรึงเอาไว้ “มึงท้าทายกูอีอิ่ม มึงจักเป็นดวงวิญญาณตนแรกที่ไม่ถูกพิพากษาแล้วลงไปจุติเป็นสัตว์นรกทันที” “ไปเกิดเป็นสัตว์นรกในอเวจีลิ้มรสชาติของการถูกฆ่าทุกเมื่อเชื่อวันจนกว่าข้าจะพอใจ...” ดวงตาพญายมบังเกิดเพลิงนรกพวยพุ่งแผดเผาวิญญาณร้ายมอดไหม้เหลือเพียงเศษกลุ่มควันลอยละล่องส่งผีนางอิ่มลงไปจุติยังนรกภูมิทันที สงสารมันก็สงสารอยู่ดอกแต่ติดที่ว่ามันไม่รู้จักปล่อยวางความแค้นลงนี่สิ เป็นเหตุให้มันต้องลงไปจุติยังอบายภูมิ หลังผีนางอิ่มถูกกำจัดเหล่าสมุนจึงถูกปลดปล่อยไปตามวาระกรรมของแต่ละดวงวิญญาณ ชาวบ้านแต่ละคนงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อครู่ยังมีทีท่าว่าจะพ่ายให้กับผีร้ายอยู่เลย เหตุใดบัดนี้กลับหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า “ฝีมือพ่อครูใช่มั้ยจ๊ะ” บุหงายกมือป้องปากกระซิบเสียงแผ่ว “ไม่ใช่ข้า...” เขาตอบปัด “ไม่ใช่พ่อครูแล้วจะเป็นใครเล่า ฉันขอบคุณแทนชาวบ้านด้วยนะจ๊ะ” บุหงายิ้มร่าจนตาหยี “อยากขอบคุณข้างั้นก็ทำกับข้าวมาส่งข้าทุกวันแทนคำขอบคุณ ให้ข้าเชยชิมน้ำตาลปั้นอีกสักคราได้หรือไม่” ไอยศูรย์เอ่ยมีเลศนัย ชายหนุ่มลอบยิ้มหาวิธีให้เธอมาที่ตำหนักทุกวันได้แล้ว “น้ำตาลปั้นหมดแล้วจ๊ะแต่กับข้าวน่ะได้อยู่ พ่อครูอยากกินอะไรล่ะ” บุหงามองค้อนก่อนตอบ ชายผู้นี้มีแต่เรื่องอย่างว่าในหัว ทะลึ่ง! “อะไรก็ได้ที่เอ็งทำอร่อยทั้งนั้นแหละ” “......” บุหงายิ้มหวานรับคำก่อนจะเดินตามพ่อกลับบ้าน หลังงานศพของชาวบ้านผ่านพ้นไปหมู่นี้บุหงาก็หมกตัวอยู่แต่บ้านคอยทำกับข้าวส่งข้าวส่งน้ำให้พ่อครูตามสัญญาทุกวัน หากวันไหนเธอไปคนเดียวพ่อครูก็จะแทะโลมเธอทางสายตาและคำพูด หว่านล้อมให้เปิดโอกาสให้เขาเชยชิมน้ำตาลปั้นของเธออีกสักครา มีหรือเธอจะยอม ช่วงนี้มีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งรู้ว่าเขานั้นนอกจากจะมีมุมเงียบขรึมยังหื่นกามอีกต่างหาก และพักหลังมานี้มีกุมารทองน้อยสามตนคอยเกาะแกะวนเวียนมาขอขนมของกินเล่นเป็นประจำจนเธอคลายเหงาได้บ้าง “อีบุหงา!” เสียงเรียกของอีแหวนทำเธอสะดุ้งโหยกจนครกหินที่ใช้ตำน้ำพริกเกือบหล่นทับข้อเท้า “โอ๊ย! อีแหวน กูตกใจหมดมาไม่ให้สุ่มให้เสียงว่าหายเศร้าแล้วหรอ” บุหงาเอ็ดเพื่อนยกใหญ่ “เออหายเศร้าแล้ว กูมีของมาอวด” ว่าแล้วนังแหวนจึงยกถุงผ้าใบใหญ่ด้านในมีแป้งพลัดเครื่องสำอางกระจุกกระจิกราคาแพงจากในเมือง “มึงเอาเงินที่ไหนไปซื้อของพวกนี้” บุหงาเงยหน้าถามเพื่อนสาว “กูไปเล่นไพ่มา...” “ห๊าาา” “เออ ไอ้สิงห์มันเปิดบ่อนเล็ก ๆ ที่เถียงปลายนา กูไปเล่นมาวันนึงได้เงินเป็นกอบเป็นกำเชียวล่ะ อีหอมก็ไปกับกูได้เงินมาก็รีบวิ่งแจ้นเอาไปเลี้ยงผู้หญิงหมู่บ้านไทรโศกนู้น กูไม่กล้ามาชวนมึงกลัวตาบัวจะด่ากู” แหวนทำหน้าเหยเก “แล้วมาบอกกูไม่กลัวพ่อกูด่ารึไง” “ไอกลัวมันก็กลัวอยู่หรอก แต่อยากชวนมึงไปลองเล่นสักครั้งเผื่อจะได้มีเงินซื้อของสวย ๆ งาม ๆ กับเค้าบ้าง” “กูจะบอกพ่อกูว่าไงดีล่ะ” “บอกว่าไปนอนกับกู กูยังทำใจเรื่องพ่อไม่ได้ไง” หอมเสนอแผนการ “เอองั้นเดี๋ยวรอกูแปบ ลองไปคุยดูก่อนแต่กูไม่มีทุนนะอีแหวน” “เดี๋ยวกูให้ยืม” บุหงาทำใจดีสู้เสือไปขอผู้เป็นพ่อนอนค้างบ้านนังแหวนหลังสาธยายความเศร้าโศกของเพื่อนสนิทให้ตาบัวฟัง ตาบัวจึงอนุญาตอย่างง่ายดายพร้อมกำชับให้ดูแลนังแหวนให้ดี เถียงนาน้อยหลังหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา ทำให้การลักลอบเปิดบ่อนของสิงห์ดำเนินการอย่างง่ายดาย ชาวบ้านที่ชอบเสี่ยงโชคบอกกันปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย “บะ…บุหงาเอ็งมาทำอะไรที่นี่” สิงห์ยืนคุมบ่อนถึงกับตะลึงหลังเห็นสาวงามที่ตนหมายปองเดินดุ่ม ๆ มาทางบ่อน สิงห์รีบเดินตรงมาทักทายด้วยสีหน้าตาตื่น “ก็มาเสี่ยงโชคไงจ๊ะพี่สิงห์ พอจะมีทุนขวัญถุงสักเล็กน้อยให้นังบุหงามันบ้างไหมเล่า” แหวนรีบชิงตอบก่อนเพื่อนสาวจะโพล่งปาก แหวนรู้ว่าสิงห์ชอบพอบุหงาไม่น้อย จึงแบมือขอเงินขวัญถุงจากสิงห์ “ระดับบุหงาไม่ต้องมาเล่นให้เสียเวลาหรอกมาเป็นเมียพี่ พี่พร้อมดูแลให้สุขสบายตลอดชีวิตเลย” สิงห์เอ่ย “......” บุหงากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะจ๊ะ ตอนนี้มีเงินขวัญถุงทำทุนให้นังบุหงามันไหม” แหวนถามซ้ำ “ต้องมีอยู่แล้ว” ว่าแล้วสิงห์ก็คว้านหาถุงเงินในกระเป๋าเสื้อส่งมอบให้บุหงา ทว่ามือเรียวของแหวนคว้ารวบไว้ก่อนด้วยรู้ดีว่านังบุหงามันไม่ได้ชอบไอ้สิงห์ “ขอบใจนะจ๊ะพี่สิงห์” แหวนกล่าวขอบคุณก่อนจะลากเพื่อนสาวขึ้นมานั่งประจำที่ บุหงาตื่นตาตื่นใจกับวิธีการเล่นของนังแหวนนัก ไม่ว่าจะกี่ตีก็ชนะเรียบโกยเงินมาได้เป็นกอบเป็นกำ เธอที่เฃ่นไพ่ไม่เป็นทุนเดิมจึงยอมมอบทุนให้นังแหวนช่วยเล่นแล้วจึงแบ่งกำไรกัน “มึงเป็นผีหวยไม่พอยังเป็นผีไพ่อีกหรออีแหวน เก่งจัง” “อีนี่! ชมหรือด่าดวงกูกำลังขึ้นอย่าชวนคุย” “จ้า” บุหงาสงบปากสงบคำ คอยนั่งนับเงินอยู่เงียบๆ อย่างมีความสุข ขาไพ่แต่ละคนเริ่มนิ่วหน้าคิ้วขมวดหลังเสียหลายตาก่อนจะทยอยลุกกลับบ้านหลังเงินหมด ขาไพ่ว่างสามขาก่อนจะมีหญิงสาวถลกผ้าซิ่นลงมานั่งแทนที่เป็นกลุ่มนังรุ้งดาว “จะเล่นไม่เล่น เล่นก็วางตัง” แหวนเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ต้องจำใจเพราะขาไพ่มันขาดคน “กูไม่เล่นคงไม่มานั่งหรอกอีโง่อีกระถินมึงเล่นเลยเดี๋ยวกูวางตังให้เอง” รุ้งดาวพูดพลางหยิบเงินลงมาวางตรงกองกลาง ไม่นานนักเสียงเอะอะโวยวายของชายฉกรรจ์คุมบ่อนที่เฝ้าทางเข้าออกก็ร้องเอ็ดตะโร ชายร่างใหญ่ตะเบ็งเสียงร้องตะโกนลนลานจนสิงห์ฟังไม่รู้เรื่อง หลังเห็นชุดสีกากีวิ่งมาเป็นพรวน สิงห์จึงรีบคว้าถุงเงินโกยอ้าวก่อนใครเพื่อน “พี่สิงห์ตำรวจมา!” ตำรวจชุดสีกาหลายสิบคนวิ่งไล่ตามหลังมาติด ๆ ก่อนจะไล่ตระครุบคนคุมบ่อนและนักเล่นเสี่ยงโชคที่กำลังแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น “อีแหวนวิ่ง!” “เก็บตังมายัง!” “กูยัดใส่นมมาหมดแล้ว!” บุหงาพูดก่อนจะถลกผ้าซิ่นรุ่มร่ามขึ้น ก่อนจะสับฝีเท้าวิ่งหนีตำรวจด้วยความเร็ว บุหงากระชากแขนเพื่อนก่อนจะออกตัววิ่งไปยังลำธารท้ายหมู่บ้าน โดยไม่หันหลังกลับมามองความวุ่นวาย หญิงสาวใส่เกียร์หมาวิ่งสุดแรงเกิด เสียงหอบหายใจหอบหนักหายใจไม่ทัน แต่กระนั้นก็ไม่ยอมหยุดวิ่ง “ตำรวจตามมาอยู่ไหมอีแหวน แฮ่ก..แฮ่ก” บุหงาผ่อนฝีเท้าก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสาว “อีแหวนอะไรกูรุ้งดาว! มึงมากระชากแขนกูแล้วลากกูวิ่งมาอย่างกับจะโดนควายขวิด ไม่ให้กูพักหายใจหายคอบ้างเลย!” รุ้งดาวบ่นกระปอดกระแปด เธอสะบัดข้อแขนหนีการเกาะกุมของบุหงา “เป็นมึงได้ไงอีรุ้งดาว!” บุหงาเช็ดมือข้างที่ใช้กำข้อแขนรุ้งดาวก่อนจะเชิดหน้าเงยขึ้น ทว่าเสียงฝีเท้าวิ่งของตำรวจฉุดให้หญิงสาวทั้งสองต้องร่วมมือกันวิ่งกระโจนลงลำธาร สองร่างแหวกว่ายไปเด็ดผักตบชวาก่อนจะนำมาเด็ดส่วนใบทิ้ง พวกเธอมุดลงใต้น้ำคาบผักตบชวาช่วยให้มีอากาศหายใจ เนื่องภายในมีรูโพลงจึงทำให้สองสาวซุกซ่อนจากสายตาตำรวจ “ผมเห็นวิ่งมาทางนี้หยก ๆ นะครับผู้กอง” ดาบตำรวจรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ผู้กองคชิน กวาดสายตามองป่าสนที่พวกเขาพึ่งวิ่งผ่าน ต้นหญ้ากิ่งไม้หักตามทางจากการวิ่งไล่มาหยุดอยู่บริเวณริมธารน้ำลึกสีขุ่นทำให้ไม่สามารถมองเห็นใต้น้ำได้สะดวก ทว่าดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวเล็งเห็นฟองอากาศผิดปกติบริเวณข้างโขดหิน นายตำรวจยศใหญ่เพยิดหน้าให้ลูกน้องมองตาม “......” ผู้ใต้บังคับบัญชาอมยิ้มเล็กน้อยอย่างรู้งาน คราวนี้ไม่มีพลาดแน่ ตำรวจหนุ่มสองนายเดินย่องฝีเท้าเบาไปใกล้ก่อนจะกระโจนลงน้ำเข้าตระครุบผู้ต้องหาที่หลบซ่อนอยู่ใต้น้ำ “ว้าย!” บุหงากรี๊ดเสียงดังลั่น หลังโดนตะครุบรวบตัวก่อนมือใหญ่จะฉุดรั้งร่างเธอขึ้นเหนือน้ำ ดวงตาคมกรบสั่นไหวเล็กน้อยงามเห็นดวงหน้างามบาดตาราวกับต้องมนต์ ใบหน้าสวยเปียกชุ่มมีหยดน้ำเกาะ เสื้อผ้าสีเข้มแนบรูดไปกับผิวเนื้อขาวเนียนเสมือนไม่เคยต้องแสงอาทิตย์ “ซวยแล้วกู!” รุ้งดาวสบถหลังโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกคน โดยมีนายตำรวจอีกคนจับกุมแน่นหนา ฉุดรั้งให้นายตำรวจยศใหญ่ตื่นจากภวังค์ “ไปคุยกันที่โรงพักนะสองสาว เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจเล่นการพนัน” นายตำรวจชั้นผู้น้อยเอ่ยก่อนจะใส่กุญแจมือป้องกันการหลบหนี โรงพักตำรวจ ผู้ต้องหาหลายรายได้รับการประกันตัวไปหมดแล้วหลงเหลือเพียงบุหงาคนเดียวที่ไม่กล้าส่งข่าวให้พ่อมาประกันตัว ขืนพ่อมาเห็นเธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้มีหวังหลังลายอีกเป็นแน่ “ไม่มีคนมาประกันตัวหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังเห็นหญิงสาวทำหน้าหงอย “อะ…เอ่อ ทำใจอยู่จ๊ะ” บุหงานั่งกอดเข่าตัวสั่นเทาจากความหนาวเหน็บ เสื้อผ้าเปียกชื้นบวกกับห้องปูนเปลือยนี่เป็นอะไรที่ลงตัวกันเหลือเกิน “เอาเสื้อผมไปคลุมกันหนาวก่อนก็ได้ ว่าแต่คุณชื่ออะไร” ผู้กองคชินยื่นเสื้อคลุมส่งมอบให้เธอ “ไม่เป็นไรจ๊ะ ฉันชื่อบุหงา” “บุหงา..บุหงาลูกตาบัวหรือ” ผู้กองหนุ่มเบิกตาโพลงอย่างตื่นตกใจ ไม่คิดว่าลูกสาวเพื่อนที่พ่อคอยพร่ำอยากให้แต่งงานด้วยจะมาอยู่ตรงหน้า “ใช่จ๊ะ รู้จักฉันด้วยหรอจ๊ะ” “ผมคชินลูกพ่อเรืองเพื่อนตาบัวสมัยเด็กอย่างไรเล่า” ผู้กองหนุ่มตอบอย่างดีใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าบุหงาจะสวยสะดุดตาทำเขาถึงกับตกหลุมรักแรกพบ เขาโดนสั่งย้ายมาประจำการที่ชนบทห่างไกลความเจริญเพราะเกิดความผิดพลาดในคดีที่ได้รับมอบหมาย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะโดนสั่งย้ายมาหมู่บ้านคุ้มงามแถมยังเจอผู้หญิงที่พ่ออยากให้แต่งงานด้วยเร็วขนาดนี้ “......” บุหงาครุ่นคิดชั่วครู่แต่ว่านึกอย่างไรก็นึกไม่ออก “บุหงา...” เสียงคุ้นเคยเอ่ยพร้อมใบหน้าบึ้งตึง เดินขึ้นมายังโรงพักด้วยท่าทางน่าเกรงขาม “พ่อครู!” หญิงสาวฉีกยิ้มแป้นหลังเห็นชายหนุ่มที่เธอคุ้นหน้าคร่าตาเป็นอย่างดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม