๒
-พบเจออีกครั้ง-
ณ งานมงคลสมรสของกรนวัติและทรายขวัญ บรรยากาศภายในงานต่างก็มีแต่ความยินดีปรีดา รอยยิ้มของญาติทั้งสองเพื่อนทั้งสองฝั่งเป็นงานแต่งงานที่ทำเอาผู้จัดและแม่งานอย่างรัตติกาลถึงกับหายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
“แกรีบไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นธีมปาร์ตี้กันแล้ว”ทั้งทรายขวัญและกรนวัติ เริ่มปฏิบัติการทำให้ทั้งอัคนีและรัตติกาลได้เจอกันโดยมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง จ้าวพายุเป็นตัวหนุนนำให้ทั้งคู่ได้พบกัน
แต่วันนี้มันได้เวลานอนของพายุแล้ว คุณแม่ทำเสียงแข็ง เธอไม่อยากใจอ่อนให้เพื่อน เพราะตอนนี้ได้เวลากินนมของลูกน้อยแล้ว อีกอย่าง เธอก็เกรงใจ
เพราะว่าลูกชายของเธออยู่กับแม่ ๆ ของเพื่อนและสามีเพื่อน ส่วนคุณมณีมารดาของเธอนั้นก็อยู่เฝ้าร้านมาด้วยไม่ได้
ที่เธอพาจ้าวพายุมาที่นี่ เพราะลูกชายนั้นดึงดันจะมาหา คนที่สวยที่สุดในงานวันนี้อย่างทรายขวัญให้ได้ เธอจึงต้องพามาด้วยความจำใจจำยอม
“ฉันว่าแม่ฉันเนี่ย คงจะกล่อมลูกแกนอนไปแล้วแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกน่านี่งานเพื่อนนะ”ทรายขวัญรู้ดีว่ารัตติกาลคงจะคิดเกรงใจแม่เธออยู่แน่ ๆ
เอาอย่างไรดีล่ะ ถ้าฝ่ายนี้ไม่สำเร็จแล้วฝ่ายนั้นจะเป็นอย่างไร
“นี่มึงเอาจริงใช่ไหม มาก็มาช้า แถมยังไม่โกนหนวดตัดผมให้กูอีก เออไอ้เพื่อนเวร ไอ้เพื่อนรัก”กรนวัติเอ่ยวาจาประชดประชันเพื่อนรักของเขาอุตส่าห์บอกแล้วบอกอีกทำไมดื้อด้านอย่างนี้ “ก็ดีกว่ากูปล่อยกระเซอะกระเซิงมาแล้วกันน่ะ”
“ก็ยังดีที่มึงไม่ปล่อยผมเผ้าเป็นคนบ้ามา กูจะเอายังไงกับมึงดีวะเนี่ย ไอ้เพลิง”
“ทำไม มึงจะให้สไตลิสต์ ดีไซเนอร์หรืออะไรมาเนรมิตกูเหรอห้ะ”
“เรื่องนั้นน่ะกูทำแน่”
“มึงฝันอยู่เหรอไอ้กร ไม่มีทางหรอกโว้ย”
“มึงน่ะสิที่กำลังฝัน กูจะบอกอะไรให้นะถ้ามึงอยากเจอไนท์มึงก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเดี๋ยวนี้ทำตามที่กูสั่งเดี๋ยวนี้”ชื่อของคนที่เพื่อนรักเอ่ย ทำให้อัคนีนิ่งอึ้งไป พอตั้งสติได้ก็รีบจับแขนเพื่อนรักเขย่า
“มึงหมายความว่ายังไงในเมื่อมึงบอกว่าไนท์ไม่ว่างไง”
“แค่มึงทำตามที่กูสั่งเดี๋ยวมึงก็จะได้รู้ความจริงทุกอย่างเอง”
ท้ายที่สุดรัตติกาลก็ต้องยอมจำนนกับคำขอร้องอ้อนวอนของทรายขวัญจนได้ เธอนั่งถอนหายใจอยู่ตรงหน้ากระจกโดยมีสไตลิสต์ ช่างทำผม ช่างแต่งหน้า รุมล้อมรอบตัวเธออยู่ สำหรับเธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าหนักก็ได้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนลุคก็ได้ เพราะที่เธอแต่งมาในวันนี้ก็เหมาะกับงานแต่งงานอยู่แล้ว
เธอถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเจ้าหญิงในชุดเดรสมีระบายสีฟ้าราวกับเป็นซินเดอเรลล่า “เด่นกว่าเจ้าสาวอีกนะยะ”ทรายขวัญออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดก็เอ่ยแซวเพื่อนสนิท
"ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้"
“ได้ไง นี่ธีมเจ้าหญิง เจ้าชายในดีสนี่ย์เลยนะ”ทรายขวัญหมุนตัวเพราะวันนี้เธอแต่งตัวเป็นสโนไวท์
“จ้า ๆ เเม่คุณ ยอมแล้ว”รัตติกาลสายหน้าพลางยิ้มน้อย ๆ ให้กับเพื่อนรัก
“หนุ่ม ๆ คงรอกันอยู่ข้างนอกแล้วรีบไปกันเถอะ”
ดึงแขนของเพื่อนรักให้ออกมาจากห้องแต่งตัว ทรายขวัญดึงรัตติกาลเดินมาหาลูกชายที่อยู่กับมารดาของตนเอง ตอนนี้หนูน้อยกลายเป็นเจ้าชาย มองทีไรก็นึกถึงหน้าของอัคนีทุกครั้ง เพราะเหมือนกันมากจนแทบแยกไม่ออก
“แม่ พายุอยากกินหม่ำอีกแล้วฮะ” พูดทั้ง ๆ ที่ในมือสองข้างยังถือขนมอยู่
“ตอนนี้ยังไม่ได้นะครับ คุณแม่เขาใส่ชุดเจ้าหญิงอยู่เห็นไหม?? สวยไหมครับ?”มารดาของกรนวัติเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้มาที่ตัวของรัตติกาล
“จ๋วยยยย”เด็กน้อยไม่มีท่าทีงอแงเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่หิวนมอยู่ กลับปรบมือดีใจที่เห็นมารดาของตนสวยขนาดนี้
“จะกินก็ได้นะคะแม่ หนูไม่ได้ติดอะไรอีกอย่างพายุคงง่วงแล้ว”
“พายุอยากกินหม่ำ ๆ ใช่ไหมครับ งั้นมานี่เลย”
จ้าวพายุส่ายหน้าและหันไปกอดมารดาของกรนวัติแทน
“ไม่อาว พายุไม่อยากให้แม่ถอดจุ้ด แม่จ๋วยย พายุจาอยู่กับจุนยายย”
ทุกคนต่างพากันหัวเราะเอ็นดูหนุ่มน้อยตรงหน้า
“งั้นแม่ออกไปข้างนอกก่อนเเล้วกันนะครับ ห้ามดื้อ ห้ามซนนะ”
“รับจ้าบบ!”
“รีบไปกันเถอะแก เดี๋ยวจะไม่ทัน”
อีกฝั่งหนึ่ง อัคนีกำลังถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นเจ้าชาย ผมที่เขาอุตส่าห์ไว้มาหลายปีถูกตัดออกให้เข้ากับรูปหน้า หนวดเองก็ถูกโกนออกจนเกลี้ยง
ถึงแม้ว่าใบหน้าของอัคนีไม่ได้รับการดูแล แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความหล่อของเขาลดหรือจางลงไปได้เลย
เมื่ออายุมากขึ้นเขาเองก็ยิ่งมีความหล่อเหลาทวีคูณมากยิ่งขึ้นไปอีก
กรนวัติ เจ้าบ่าวของงานนี้แทบจะนั่งไม่ติดที่เพราะตื่นเต้นกับแผนการของตนและว่าที่ภรรยา
พอเนรมิตเพื่อนเจ้าบ่าวเสร็จ ทุกคนก็รีบออกไปปล่อยให้ทั้งเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าบ่าวนั่งคุยกัน “สุดยอดเลยว่ะ นี่ขนาดมึงไม่ได้ดูแลตัวเองนะเนี่ย ความหล่อยังไม่ลดลงเลย”
“มึงก็เว่อร์ไป กูยังคิดว่ามีรอยเหี่ยวอยู่เลย”มองหน้าตัวเองผ่านกระจก รู้สึกไม่คุ้นชินกับตัวเองแต่ก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก
“เเล้วสรุปเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่”
“ก่อนอื่นกูจะเล่าให้มึงฟังก่อน”กรนวัติเงียบไปสักพักจนถูกอัคนีตีเบา ๆ เข้าที่ไหล่
“เงียบทำไมเล่า รีบบอกมาเถอะกูรอจนแทบจะไม่ไหวแล้ว”
“เออ ไอ้นี่รีบจังวุ้ย”
“ก่อนอื่นนะ มึงห้ามโกรธไนท์เด็ดขาด”
“กูเคยโกรธเขาซะที่ไหนล่ะ กูกลัวแต่เขาจะเกลียดกูต่างหาก”
“ก่อนที่เขาจะหนีมึงมา เขาท้อง”
“มึงว่าไงนะ!!!!”
“เเล้วเด็กก็อยู่ในงานนี้ด้วย”
“เดี๋ยวนะ นี่กูไม่ได้ฝันใช่ไหม”
“ฝันบ้าอะไรล่ะ ความจริงทั้งนั้น”
“มึงไม่ได้อำกู?”
“ให้กูไปสาบานที่ไหนก็ได้ กูไม่ได้อำอะไรมึงทั้งนั้น ลูกของมึงกับไนท์อยู่ในงานนี้เป็นผู้ชายอายุสองปีเศษชื่อ จ้าวพายุ”
“ละ..เเล้วตอนนี้ลูกของกูอยู่ไหน”
“อยู่กับแม่กูและแม่ยายกูเนี่ยแหละ”
“พากูไปหาลูกที”เสียงของคุณพ่อที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพ่อสั่น ใจเต้นแรงไม่รู้ว่าเขาจะร้องไห้หรือจะอย่างไรดี เขาดีใจจนบอกไม่ถูกได้แต่นึกถึงหน้าของลูกชายและหน้าของแม่ของลูกเท่านั้น
กรนวัติพาอัคนีมาที่ห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับให้เด็กเล่นโรงแรมนี้เป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่มีสนามเด็กเล่นในร่ม จึงเหมาะแก่ลูกค้าที่มีลูกหลานเยอะ ๆ มาพัก
พอเปิดประตูเข้ามาสิ่งที่เขาเห็นคือเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งเล่นอยู่อย่างไม่รู้เหนื่อย
ผู้ใหญ่ทั้งสองที่มองเด็กน้อยอยู่ต่างก็หันมามองคนที่เข้ามาใหม่ด้วยความตกใจ เพราะท่านทั้งสองรับรู้ถึงเรื่องราวของอัคนีและรัตติกาลเป็นอย่างดี
"พ่อเพลิงทำไมถึง.."มารดาของกรนวัติกำลังจะเอ่ยถามแต่ถูกมารดาของทรายขวัญห้ามไว้เพราะอย่างไรเเล้วพรหมลิตก็คือพรหมลิขิต พ่อต้องได้เจอลูก
“ผมว่าเราออกไปข้างนอกกันก่อนดีกว่านะครับ ปล่อยให้พ่อลูกเขาอยู่ด้วยกัน”ผู้ใหญ่ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยและพากันออกไปที่ห้องรับรองแขกอีกห้องหนึ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว อีกอย่างญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาวก็อยู่ที่นั่นทุกคน
“อ้าว จุนยายไปหนายกานหมด”พอจ้าวพายุหันมาอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเเล้วก็ได้แต่ยืนงง
และเเล้วดวงตากลมโตก็ประสานเข้ากับคนที่ไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลยแต่เด็กน้อยก็ไม่ได้แสดงอาการกลัวหรืออยากจะร้องไห้ออกมาสักแอะ ในแววตามีแต่ความงุนงงว่าผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนเจ้าชายนี้เป็นใคร
“เจ้าชายหยอ”เด็กน้อยวิ่งเข้าไปหาอัคนีและเงยหน้ามองเขา
แต่มันก็เกือบทำให้เด็กน้อยหงายหลังลงไปกองกับพื้นแต่โชคดีที่อัคนีรับไว้ทัน “ไม่ใช่เจ้าชายครับ”
คำตอบของอัคนีทำให้เด็กน้อยถึงกับงงขึ้นไปอีก ถ้าหากคนตรงหน้าไม่ใช่เจ้าชายแล้วเขาเป็นใครกัน เขาแต่งตัวอย่างกับเจ้าชายทุกอย่าง
“อ้าว ถ้าไม่ใช่เจ้าชาย แล้วจะเป็นอย่างอื่นได้ยังไงคงไม่ใช่ตัวร้ายหรอก”
“ไม่ใช่ทางเจ้าชาย แล้วก็ไม่ใช่ทั้งตัวร้ายครับ”อัคนีมองหน้าเด็กน้อยด้วยความปลาบปลื้ม น้ำตาซึมที่ขอบตานิด ๆ
“แล้วเป็นใครล่ะครับ”
“เป็นพ่อ พ่อเพลิง เป็นพ่อของจ้าวพายุครับ”
แววตาที่เคยสงสัยกลายเป็นแววตาเปล่งประกายด้วยความดีใจ
“ปะป๋า”เด็กน้อยเอื้อมเอาแขนป้อม ๆ โอบคอของผู้เป็นพ่อจ้าวพายุเอาหัวทุยของตนซบที่อกของอัคนี
“ปะป๋ากลับมาหาพายุแล้วลูก ปะป๋าคิดถึงลูกนะ”
น้ำตาที่อดกลั้นพรุพลั่งออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่สายใยแห่งพ่อและลูกก็เชื่อมต่อกันได้ สายใยนั้นก็คือความผูกพันธ์ทางสายเลือด
จ้าวพายุมีหน้าตาที่คล้ายกับเขามากจนแทบจะเรียกได้ว่าถ่ายเอกสารออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“ปะป๋าม้ายล้องห้ายน้า โอ๋เอ๋ ๆ ”จ้าวพายุเอานิ้วน้อย ๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของพ่อ รัตติกาลคงจะสอนให้หนูน้อยเป็นมิตร ปลอบใจคนอื่นเป็นถึงแม้จะไม่รู้จักก็ตาม
“ครับ ปะป๋าไม่ร้องเเล้ว”พูดจบก็กอดลูกชายอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ก็มีร่างบางทรุดลงที่หน้าประตู ใจเธอตอนนี้เต้นแรงราวกับมีใครมาตีกลองรัว ถ้าไม่ติดว่าเธอลืมของเอาไว้ในห้องแต่งตัวแล้วแวะมาดูลูก เธอก็คงจะไม่เจอภาพนี้
ภาพที่พ่อลูกกอดกันด้วยความคิดถึงและความรัก
เขาเจอลูกแล้ว.. เขาเจอแล้ว เขาต้องเอาจ้างพายุไปจากเธอแน่ ๆ
เธอจะทำยังไงดี เธอไม่อยากเสียลูกไป เขากลับมาคราวนี้เขาคงจะเอาลูกของเธอไปเเน่ ๆ
แถมลูกชายก็ดูจะรักเขามากเพราะสายใยพ่อลูก
จ้าวพายุเฝ้าถามเธอตลอดว่าพ่อของเขาอยู่ที่ไหน เธอได้แต่ตอบว่าเขาไปทำงาน ยังไม่กลับตอนนี้
แต่ก็นั่นแหละความลับไม่มีในโลก สักวันเขาก็ต้องรู้ว่าตัวเองมีลูกเหลือก็แต่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
เธอต้องยอมแต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี
กลัวลูกจะรักเขามากกว่าเธอ
แต่เขาก็เป็นพ่อของลูกเธอ เธอไม่มีสิทธิ์ห้ามเขา เธอทำอะไรไม่ได้เพราะเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวลูกเหมือนกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในห้องนั้น
“แม่มาแย้วว”จ้าวพายุชี้มาที่รัตติกาลและผละออกจากผู้เป็นพ่อเพื่อมาหาแม่แทน
รัตติกาลนั่งลงอุ้มลูกชายขึ้นมาไว้ที่อ้อมอก
“ง่วงนอนแล้วรึยังครับ ดูสิเนี่ยวิ่งเล่นจนเหงื่อออกเเล้ว สงสัยต้องอาบน้ำอีกรอบ”
“อาบรอบเดียวพอแย้ว พายุไม่อยากอาบอีกมันหนาว”
“แต่พายุจะไม่สบายตัวเอานะครับ แม่ว่าเรากลับกันเถอะ”
“แต่ว่า..ปะป๋า”จ้าวพายุชี้ไปที่อัคนีที่ยืนมองอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ ลูกน้อยที่ยื่นแขนป้อม ๆ ทั้งสองข้างมาราวกับว่าจะให้เขาอุ้ม
“ปะป๋า??”รัตติกาลตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนอยู่
“ช่าย ปะป๋า ปะป๋ากลับมาแย้ว”รัตติกาลปล่อยให้ลูกชายเป็นอิสระเพราะเจ้าตัวดึงดันเหลือเกินที่จะไปอยู่ในอ้อมอกพ่อ
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปในงานเถอะ”
สรรพนามเเละน้ำเสียงบ่งบอกให้รู้ว่า เขากับเธอเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น
พอมองเข้าไปในแววตาก็พบแต่ความว่างเปล่า มันเลยทำให้เขาสะอึกแต่ก็พยายามเก็บมันไว้ไม่ให้เธอรู้
“ไม่ได้หรอก นี่มันดึกมาก เเล้วพี่ไม่อยากให้กลับกันสองคน”
“ฉันเอารถมาค่ะ”
“จอดไว้นี่ก็ได้”
“เอ๊ะ นี่คุณ..!”รัตติกาลมองไปที่ลูกชายของตนเอง ที่กำลังสงสัยว่าทั้งพ่อและแม่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน ทำไมสีหน้าของเธอและเขาถึงเป็นคนละอารมณ์
“พายุครับ”เมื่อพูดกับแม่ไม่รู้เรื่อง จึงหันมาเอาคำตอบจากลูกแทน
“อะไรหยอ”
“พายุอยากให้ปะป๋าไปส่งไหมครับ”
“อยากครับ ปะป๋ากลับมาอยู่บ้านด้วยกันน้า”
“พายุ”รัตติกาลเอ่ยเสียงเบา ไม่คิดว่าลูกจะพูดแบบนี้
“ปะป๋ากลับแน่ครับ แต่ว่า..”
อัคนีเหลือบมองแม่ของลูกอีกครั้ง แววตาของเธอบ่งบอกถึงความไม่พอใจให้เขาได้รับรู้ แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้เขาสะท้านได้หรอก
“แม่เขาจะให้ปะป๋ากลับเหรอ”
“ห้ายจิ ห้ายปะป๋ามาอยู่บ้านนะแม่"คำขอของลูกชายทำให้เธอปากหนัก ไม่กล้าตอบและหันไปคาดโทษเขาไว้
“คงไม่ได้นะครับพายุ ปะป๋าเขาก็มีบ้านของเขาอยู่แล้ว”
“แต่พายุอยากห้ายปะป๋าอยู่โด้ยนี่น่า”จ้าวพายุเริ่มแบะปากบทเจ้าน้ำตาเริ่มมา
เธอไม่สงสัยเลยว่าได้ใครมา มารยาเหมือนพ่อซะเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรนะครับ วันนี้เดี๋ยวปะป๋าไปส่งก่อน พรุ่งนี้ปะป๋าจะไปหาโอเคไหมครับ?”
“โอเคก็ได้ค้าบ”
รัตติกาลได้แต่ถอนหายใจ ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของลูกชายได้ จึงต้องทิ้งรถไว้ที่โรงแรมแล้วกลับไปกับเขา