ความผูกพัน

1462 คำ
เมื่อถึงยามค่ำคืน ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมาในห้องนอนของเศรษฐีไกรสร เขากำลังยืนอยู่ริมระเบียงพลางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ มือใหญ่หยิบซิการ์ขึ้นมาจุดสูบ พ่นควันออกมาอย่างช้าๆ แล้วปล่อยให้มันล่องลอยไปในอากาศ ในใจยังคงก้องกังวานด้วยเสียงของปาริชาติที่กล่าวว่า "เธอจะเป็นเกราะกำบังให้เขา" คำพูดนั้นทำให้หัวใจที่เคยแข็งกระด้างราวกับหินผาเริ่มอ่อนยวบลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เจ้าตัวเล็กนี่...” เสียงทุ้มต่ำพึมพำออกมาเพียงลำพัง “ช่างกล้าหาญเกินตัวจริง ๆ ”เศรษฐีไกรสรที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มักจะแว๊บนึกถึงปาริชาติในวันนี้แล้วเผลอยิ้มมุมปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น เขามองไปยังหน้าต่างห้องนอนของปาริชาติ เห็นแสงไฟสลัวๆ ผ่านม่านบางๆ รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน... ความรู้สึกที่เรียกว่า "ห่วงใย" เช้าวันรุ่งขึ้น ปาริชาติรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยแสงแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามาในห้อง เธอลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกไปที่ระเบียงห้องทันที เธอเห็นเศรษฐีไกรสรยืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าระเบียงเธอพอดีไม่รู้ว่าท่านเศรษฐีไกรสรของเธอแอบย่องเข้ามาตอนไหน เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ปาริชาติจึงส่งเสียงเรียกเขาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “ท่านเศรษฐี!” เสียงใสๆ ทำให้เศรษฐีไกรสรหันกลับมา เขามองเห็นปาริชาติในชุดนอนลายลูกหมีน่ารักๆ ที่ป้าหน่อยเอามาให้ เขาเก็บซ่อนรอยยิ้มไว้ในใจ แล้วเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย “ตื่นแล้วเหรอ” “จ้ะ ท่านเศรษฐีมาทำอะไรตรงนี้จ้ะ” ปาริชาติถามอย่างสงสัยพลางชะเง้อมองผ่านราวระเบียง “มาสูบบุหรี่”ขณะที่เขาพูดอยู่ก็พ่นควันบุหรี่ลอยฟุ้งเต็มระเบียงหน้าห้องของปาริชาติ “สูบบุหรี่ไม่ดีนะคะ” ปาริชาติพูดเสียงอ่อน “ไม่ว่าจะเป็นควันของท่านเศรษฐีเองหรือคนที่สูบอยู่รอบข้างก็ไม่ดีทั้งนั้นเลยจ้ะ คุณครูบอกกับปาริชาติมาจ้ะ”เสียงของปาริชาติเจื้อยแจ้วแต่เช้ายิ่งทำให้เศรษฐีไกรสรนึกขบขันอยู่ในใจแม่เด็กคนนี้นับวันยิ่งมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขา หลังจากคิดอะไรเพลิน ๆ เศรษฐีไกรสรนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองปาริชาติด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา แต่ปาริชาติไม่ได้สังเกต เธอพูดต่ออย่างจริงจัง “หนูไม่อยากให้ท่านเศรษฐีเป็นอะไรไปเลยนะจ๊ะ หนูเป็นห่วงท่านเศรษฐีที่สุด” พูดจบปาริชาติเธอก็ทำตามสัญชาตญาณของเด็กโดยทั่วไปเข้าไปกอดเอวของเศรษฐีไกรสรเอาไว้แน่นความสูงของเธอยังไม่ถึงหน้าอกของเศรษฐีไกรสรเลยด้วยซ้ำ คำพูดของปาริชาติทำให้เศรษฐีไกรสรหยุดชะงัก เขามองไปยังดวงตาบริสุทธิ์ของเด็กหญิงตรงหน้า แล้วเขาก็ยอมรับอย่างเงียบๆ ว่าคำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกผิดอย่างประหลาดใจ “ทำไมหนูถึงห่วงฉัน”เศรษฐีไกรสรตั้งคำถามออกมาให้ร่างบางที่กำลังยืนกอดเขาอยู่ขณะนั้นเขาเองก็ยังยืนสูบบุหรี่ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนมืออีกข้างก็โอบกอดไปที่ด้านหลังของปาริชาติอย่างรักใคร่และเมตตา “ก็... ท่านเศรษฐีเป็นคนช่วยหนูไว้ แล้วก็ใจดีกับหนูมากเลยนี่จ๊ะ ตอนนี้ท่านเศรษฐีเป็นทุกอย่างในชีวิตหนูนะจ๊ะหนูรักท่านเศรษฐีที่สุด”คำว่ารักและเป็นห่วงของเด็กหญิงปาริชาติคนนี้ได้ละลายกำแพงหินของชายหนุ่มแทบหมดสิ้น ปาริชาติเธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เศรษฐีไกรสรหันกลับไปมองยังทิวทัศน์รอบคฤหาสน์ เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ร้านเสื้อผ้าเมื่อวานนี้ เขานึกถึงปาริชาติที่กล้าหาญและไม่กลัวอันตราย เขาเอื้อมมือไปหยิบซิการ์ออกจากปาก แล้วโยนมันลงไปในถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ อย่างไม่มีความลังเล “ฉันจะเชื่อเธอปาริชาติ”เศรษฐีไกรสรเขาโยนซิก้าทิ้งอย่างไม่ใยดีโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำตามคำขอของเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังยืนกอดเขาไว้แน่นเธอช่างมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขาจริงๆ ปาริชาติเงยหน้าขึ้นมองตามมือของเศรษฐีไกรสร แล้วมองหน้าของเขาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะทำตามที่เธอพูดจริงๆ “ท่านเศรษฐี... ท่านยอมทำตามที่หนูบอกจริง ๆ เหรอจ้ะ”ปาริชาติถามด้วยความใสซื่อเธอรู้สึกดีใจยิ้มจนแก้มปริ “ใช่” เขาตอบสั้นๆ แต่แววตาของเขากลับดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด “ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวลงมาทานอาหารเช้า”เศรษฐีไกรสรรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเด็กขี้อ้อนอย่างปาริชาติเอาแต่ยืนกอดเขาเอาไว้แน่น ปาริชาติยิ้มกว้าง เธอไม่คิดว่าเศรษฐีไกรสรจะยอมทำตามที่เธอพูดได้อย่างง่ายดายแบบนี้ เธอจึงรู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้รับความห่วงใยจากเขา และเธอก็หวังว่าเขาจะตอบแทนเธอด้วยความรักและความห่วงใยเช่นกัน "งั้นปาริชาติรีบไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ จะได้รีบไปโรงเรียน เดี๋ยวสาย" พูดจบเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องคว้าเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนเศรษฐีไกรสรที่ชอบตื่นแต่เช้าเป็นปกติก็ลงมารอที่ห้องทานอาหาร หลังจากรับประทานอาหารเช้า เศรษฐีไกรสรก็พาปาริชาติไปส่งที่โรงเรียนเหมือนกับทุกๆวันโดยมีไอ้เข้มเป็นคนขับรถ ปาริชาติเห็นเพื่อนๆ ของเธอที่กำลังเดินเข้าประตูโรงเรียน เธอยิ้มและโบกมือให้พวกเขา เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอช่างโชคดีเหลือเกินแต่เธอก็ยังไม่ลืมป้าแม้นที่อยู่โรงเลื่อยวันนี้เธอตั้งใจจะขอท่านเศรษฐีไปเยี่ยมป้าแม้นที่โรงเลื่อยเป็นครั้งคราวเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์เธอจึงอยากจะไปช่วยงานป้าแมนที่โรงเลื่อยบ้าง “บ๊ายบายนะคะท่านเศรษฐี”พูดจบปาริชาติกอดคอของเศรษฐีไกรสรเอาไว้แน่นแล้วหอมแก้มของเขาทั้งสองข้างอย่างที่ไม่เคยทำเธอรู้สึกว่าท่านเศรษฐีใจดีเปรียบเสมือนพ่อของเธออีกคนเธอจึงทำตามสัญชาตญาณด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูแต่เธอจะรู้หรือไม่ว่าเข้มที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ถึงกับตกใจน่าเบื่อขณะที่มองผ่านกระจกรถมองหลัง “ตั้งใจเรียนล่ะ แล้วอย่าไปทำแบบนี้กับใครรู้ไหมถ้าไม่ใช่ฉัน” เขากำชับเสียงเข้มแม้จะรู้สึกตกใจกับการกระทำของปาริชาติแต่เขาก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ ปาริชาติพยักหน้าแล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียน เศรษฐีไกรสรยืนมองปาริชาติเดินหายไปในหมู่เพื่อนๆ ของเธอจนไม่เห็น เขาจึงสั่งให้เข้มขับรถกลับไปที่โรงเลื่อย แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้... “ลืมไปเลยว่าปาริชาติสั่งไม่ให้ฉันสูบบุหรี่ แล้วถ้าฉันมีธุระที่ต้องไปพบเจอคนที่มีกลิ่นบุหรี่ในตัว... จะเป็นอย่างไรนะ ปาริชาติเธอจะโกรธฉันหรือเปล่า” เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “อีก 15 นาทีเอง... ยังไงก็ต้องไปแล้ว” เขานึกถึงเมื่อวานที่เขาได้ทำตามสิ่งที่ปาริชาติบอก เขายิ้มอย่างมีความสุขกับตัวเองส่วนเข้มก็ได้แต่นั่งมองเจ้านายผ่านกระจกหลังด้วยความประหลาดใจที่เขาหยิบซิก้าขึ้นมาแล้ววางลงกับที่เดิม นายทำไมถึงไม่ดูดซิก้าล่ะครับเห็นวางจับวางจับอยู่หลายรอบเข้มที่รอบมองเจ้านายที่มีอาการแปลกไปเขาจึงได้ถามขึ้น กูสัญญากับปาริชาติว่ากูจะไม่สูบซิก้าอีกปาริชาติบอกว่ามันไม่ดีนั่นเป็นคำพูดของเศรษฐีไกรสรผู้ยิ่งใหญ่หรือ เข้มถึงกับตกใจเพราะปกติไม่มีใครสามารถออกคำสั่งให้เศรษฐีไกรสรทำตามได้เพียงแค่ลมปากคำพูดจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแค่เธอบอกว่าการสูบซิก้ามันไม่ดีเศรษฐีไกรสรแม้จะอยากสูบมากแค่ไหนก็ถึงกับทำได้เพียงแค่จับและวางจับและวางเท่านั้น...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม