เด็กเลี้ยงตอนที่ 2
@ 14-heaven
เหล่านักท่องราตรีกำลังโยกย้ายขยับร่างกายไปตามจังหวะเพลงแนว EDM ที่ถูกมิกซ์โดยดีเจชื่อดังอย่างเมามันอยู่ภายในร้าน ‘14-heaven’ หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า ‘สวรรค์ชั้นสิบสี่’
14-heaven (ฟอร์ทีนเฮฟเวิน) คลับชื่อดังใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาที่แพงหูฉี่แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแน่นขนัดแทบทุกวันเพราะคุณภาพและบริการที่ดีสมราคา คัดตั้งแต่พนักงานยันลูกค้าที่ไม่ใช่ใครจะอยากมาใช้บริการก็มาได้ง่ายๆ มีเงินอย่างเดียวมาใช้บริการคลับแห่งนี้ไม่ได้หรอกนะ
ด้วยราคาและระบบคัดกรองลูกค้าสุดโหดทำให้กลุ่มลูกค้าของทางร้านส่วนใหญ่มักเป็นนักธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูงซึ่งเกือบแปดสิบสิบเปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชาย
สิ่งจูงใจที่ทำให้คุณผู้ชายที่ค่อนข้างมีอันจะกินส่วนใหญ่นิยมมาใช้บริการคลับแห่งนี้นั่นก็เพราะสาวๆ ที่ทางร้านคัดสรรมาไว้คอยให้บริการน่ะเรียกได้ว่าระดับ ‘พรีเมี่ยม’ จนถูกพูดถึงกันปากต่อปากว่าคลับแห่งนี้เป็นสวรรค์ชั้นสิบสี่ของผู้ชายสมชื่อร้านจริงๆ การันตีด้วยยอดขายและค่าบริการที่คุณผู้ชายทั้งหลายยอมทุ่มเงินจ่ายเพื่อเรียกน้องๆ หนูๆ คนที่ถูกใจมานั่งคอยชงเครื่องดื่มและคอยเอาอกเอาใจตลอดหลายชั่วโมงที่อยู่ในคลับแห่งนี้
“เพนนีรับลูกค้าวีไอพีสอง โมนาวีไอพีสาม ส่วนอันอันวีไอพีหนึ่งนะ”
“รับทราบค่า~”
‘เพนนี’ ‘โมนา’ และ ‘อันอัน’ สามสาวที่ถูกพูดถึงตอบรับคำสั่งของผู้จัดการร้านนามว่า ‘จีจี้’ ที่มอบหมายงานในคืนนี้ให้ก่อนที่พวกเธอจะหันไปแต่งหน้าแต่งตัวต่อให้เสร็จเพื่อที่จะได้รีบไปบริการลูกค้าตามโต๊ะที่ได้รับมอบหมายแต่ในขณะที่ ‘อันอัน’ กำลังจะหยิบชุดที่ทางร้านเตรียมไว้ให้มาเปลี่ยนจีจี้ก็รีบเข้ามาแย่งชุดในมือเธอไปซะก่อน
“อ๊ะๆ คืนนี้ไม่ต้องโป๊ค่ะน้องอัน เอาชุดนี้ไป”
ชุดหนังแสนวาบหวิวที่อันอันกำลังจะหยิบไปใส่ถูกแทนที่ด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวลูกไม้สีหวานแหววแอบเซ็กซี่เล็กน้อยและโป๊น้อยกว่าชุดแรกที่เธอต้องใส่เยอะเลยล่ะ
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันยุ่งด้วยความไม่เข้าใจจนจีจี้ต้องรีบเฉลย
“ลูกค้าขอมาน่ะ เขาอยากได้เด็กเรียบร้อย”
โดยส่วนมากเวลาที่ผู้ชายมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ก็ชอบดูสาวๆ แต่งตัวเซ็กซี่กันทั้งนั้น อันอันจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ไม่ต้องเปลืองตัวมาก
“ลูกค้าวีไอพีโต๊ะนี้กระเป๋าหนักมาก อ้อนเยอะๆ พูดจาหวานๆ คืนนี้อาจได้ทิปหลักหมื่นเลยนะ”
ก่อนออกไปตรวจความเรียบร้อยภายในคลับจีจี้ก็เดินมากระซิบที่ข้างหู ‘อันอัน’ หรือ ‘อันดา’ สาวใต้หน้าหวานตาคมผมยาวผิวสีน้ำผึ้งวัยยี่สิบสองปีที่เพิ่งเรียนจบมาได้ไม่นานแต่เลือกที่จะมาสมัครงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ในร้านแทนที่จะไปสมัครทำงานในบริษัทตามสายงานที่ร่ำเรียนมา ซึ่งมีเพียงไม่กี่เหตุผลหรอกที่ทำให้คนที่ดั้นด้นเรียนจนจบมหาลัยเลือกที่จะมาทำงานเปลืองตัวแบบนี้
เกือบจะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องเงินทั้งนั้นซึ่งอันดาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...
อันดาหยิบริสแบนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเด็กนั่งดริ๊งค์มาใส่พร้อมกับเช็กความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตบไหล่เพื่อให้กำลังใจตัวเองแล้วเดินออกไปทำหน้าที่เป็น ‘น้องอันอัน’ ที่แสนอ่อนหวานเรียบร้อยเพื่อเอาใจลูกค้าในค่ำคืนนี้
ร่างบางในชุดเดรสสายเดี่ยวสีหวานเจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรกำลังเดินผ่านกลุ่มลูกค้าที่กำลังเต้นและดื่มกันอย่างเมามันไปที่โต๊ะวีไอพีหมายเลขหนึ่งเพื่อไปบริการลูกค้าตามที่ได้รับมอบหมาย
แม้ว่าในคลับจะถูกปรับไฟให้มืดสลัวแต่เธอก็ยังโดดเด่นและเป็นที่จับตามองเสมอ
อันดาเป็นคนที่มีรูปร่างสมส่วนสูงยาวเข่าดีอกเป็นอกเอวเป็นเอวหน้าตาสะสวยที่ค่อนไปทางสวยหวานแต่แอบมีความเซ็กซี่เพราะมีหน้าอกอวบใหญ่บวกกับผิวสีน้ำผึ้งของเธอ อันดาเป็นคนใต้จึงไม่ได้ขาวหมวยแบบพิมพ์นิยมแต่สาวหน้าคมแบบเธอก็บาดใจหนุ่มๆ มานักต่อนักแล้วล่ะ
แม้คืนนี้อันดาจะไม่ได้แต่งตัวโป๊มากแต่ด้วยความที่มีสัดส่วนทองคำที่ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดีบวกกับมีหน้าตาที่สวยเซ็กซี่จึงทำให้ผู้ชายในคลับหันมามองตามอันดาจนคอแทบเคล็ดแต่ก็ต้องผิดหวังไปตามๆ กันเพราะคืนนี้น้องอันอันถูกจองตัวซะแล้วล่ะ
“สวัสดีค่ะ อันอันนะคะ”
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่ต้องให้บริการอันดาก็ยกมือไหว้พร้อมกับแนะนำตัวกับลูกค้าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นระบายรอยยิ้มหวานที่เป็นอาวุธสังหารประจำตัวที่สามารถทำให้คนมองใจอ่อนระทวยทันทีที่ได้เห็น
“เชิญนั่งเลยค่ะคนสวย”
ผู้ชายวัยกลางคนที่รูปร่างหน้าตาดูภูมิฐานและยังอยู่ในชุดทำงานตบที่นั่งว่างข้างตัวเพื่อเรียกอันอันไปนั่งด้วย เขาคือคนที่อันดาต้องดูแลในคืนนี้โดยไม่ต้องสงสัย
เมื่ออันดาทิ้งตัวนั่งลงแขนของผู้ชายคนนั้นก็ตวัดโอบไหล่เธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของทันที
เพิ่งมาถึงก็เอาเลยเหรอ?
อันดาแอบกลอกตาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หยิบเครื่องดื่มมาชงและคอยเอนเตอร์เทรนคนข้างๆ ไปตามหน้าที่โดยที่ในหัวคิดเพียงแค่ว่าจะทำยังไงให้ตัวเองได้ทิปจากไอ้แก่นี่เยอะๆ เท่านั้น
.
.
สวรรค์ชั้นสิบสี่เป็นคลับมีทั้งโต๊ะวีไอพีและโต๊ะธรรมดาที่โดยปกติแล้วโต๊ะวีไอพีมักจะถูกจองเต็มแทบทุกวัน ถ้าจองช้าก็ต้องนั่งโต๊ะธรรมดาแม้จะมีเงินจ่ายแต่ถ้าจองไม่ทันก็จบ ขนาด ‘เจสันต์ อีแวนสัน’ และกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจของเขาที่รวยระดับต้นๆ ยังจองไม่ทันจนต้องมานั่งโต๊ะธรรมดาเลย
มาร้านนี้แค่รวยอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะต้องเร็วด้วย
“โทษทีว่ะกูไม่รู้ว่าเด็กจะโดนจองเต็ม เปลี่ยนร้านได้นะ”
แต่ที่แย่ไปกว่าการจองโต๊ะไม่ทันคือเด็กนั่งดริ๊งค์ของทางร้านดันโดนจองเต็มอีกเนี่ยสิ ‘เชนน์’ หนุ่มหล่อผู้บริหารโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งใจพาเพื่อนมาลองร้านใหม่ยกมือขอโทษเพื่อนอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร แค่ดื่มเฉยๆ ก็ได้คืนนี้กูไม่ได้อยากไปต่อกับใครอยู่แล้ว”
เจสันต์พูดขึ้นท่ามกลางเสียงบ่นของเพื่อน ช่วงนี้เขารู้สึกเบื่อๆ เด็กที่ซื้อไปกินก็มีแต่แบบเดิมๆ ไม่เรียกเด็กสักวันก็ไม่เป็นไรหรอก
“แต่กูเป็น!”
‘เพิร์ซ’ หนุ่มตี๋สุดหล่อที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โพล่งขึ้น ก่อนจะมาเชนน์ทักไปชวนเขาซะดิบดีว่านี่เป็นร้านสวรรค์ชั้นสิบสี่แต่พอมาถึงแล้วมันนรกชัดๆ ได้นั่งโต๊ะธรรมดาไม่พอยังไม่มีสาวสวยมาคอยบริการอีก
“เออ อย่างน้อยก็ต้องมีคนสวยมานั่งชงเหล้าให้หน่อยมั้ยวะ โต๊ะเรามีแต่ผู้ชายกูเฉาตายห่า” ‘ไบร์ซ’ ลูกพี่ลูกน้องของเพิร์ซที่มีอายุเท่ากันเห็นด้วยกับเพิร์ซ ก็นะชีวิตผู้ชายวัยทำงานที่เครียดกับงานมาทั้งวันก็อยากมองของสวยๆ งามๆ ให้จรรโลงใจไง
“คืนนี้กูว่าจะเรียกเด็กที่ร้านกลับด้วยสักคนขี้เกียจดีลเองแต่ดันไม่มีเนี่ยนะ” เพิร์ซยังคงไม่เลิกบ่น
“พักคxxบ้างก็ได้สัส ขนาดไอ้ฝรั่งมันยังไม่อะไรเลย”
“กูพักมาหลายวันแล้วคืนนี้ลูกชายกูอยากพ่นน้ำ”
“ใช้มือไปจบๆ”
“แล้วทำไมคนหล่อที่มีเงินซื้อกินแบบกูต้องใช้มือ มึงช่วยกูดีลเลยไอ้เชนน์”
“เออ เรื่องเยอะจริงๆ เลยมึง”
เจสันต์มองเพื่อนสามคนที่ไม่ว่าจะอายุเยอะแค่ไหนก็ยังทะเลาะกันอย่างกับเด็กๆ
เจสันต์ เชนน์ เพิร์ซ และ ไบร์ซ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ ด้วยความที่เจสันต์เป็นลูกครึ่งเขาจึงเข้ากับเพื่อนที่มาจากประเทศบ้านเกิดของคุณแม่ได้ยากนัก หลังเรียนจบพวกเขาก็แยกย้ายกันไปรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวเพิ่งได้กลับมารวมตัวกันตอนที่เจสันต์ย้ายมาทำงานที่ไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้แหละ
หนุ่มลูกครึ่งตาสีน้ำตาลอ่อนกระดกเครื่องดื่มที่เพื่อนชงให้เข้าปากพลางกวาดสายตามองไปทั่วร้าน เขาไม่ได้มีจุดสนใจแค่มองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง
โต๊ะที่เจสันต์กับเพื่อนนั่งอยู่เป็นโต๊ะธรรมดาที่อยู่ใกล้โซนวีไอพีมากๆ ทำให้เขามองเห็นคนที่นั่งอยู่โซนวีไอพีได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ
เด็กนั่งดริ๊งค์เหรอทำไมแต่งตัวเรียบร้อยจัง?
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะเห็นริสแบนด์ตรงข้อมือของเธอคนนั้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเด็กนั่งดริ๊งค์ในร้านแต่การแต่งตัวของเธอกลับดูแตกต่างจากทุกคนจนเขาแปลกใจ
มันค่อนข้างเรียบร้อยต่างจากคนอื่นที่นมแทบหกอยู่แล้วน่ะ
เจสันต์ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอจ้องเธอคนนั้นไปนานแค่ไหนจนกระทั่งเธอหันมาสบตากับเขา
คนโดนจ้องชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรแถมเธอยังส่งยิ้มกลับมาให้เขาอีก
เจสันต์รู้ว่าเธอเป็นพนักงานของร้านก็ต้องอัธยาศัยดีเป็นธรรมดาเธอคงยิ้มให้กับลูกค้าทุกคนไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอกแต่ให้ตายเหอะ แค่ยิ้มนั้นยิ้มเดียวทำไมมันถึงทำให้เขาใจกระตุกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้
“มึงรู้จักกับผู้จัดการร้านใช่มั้ยเชนน์”
อยู่ๆ หนุ่มลูกครึ่งก็โพล่งขึ้นกลางวงขัดการบ่นของเพื่อนที่ยังบ่นเชนน์ไม่เลิก
“เออ ทำไมมึงจะเอาอะไร”
“กูอยากเรียกเด็ก”
เพิร์ซกับไบร์ซถึงกับกลอกตามองบน ก่อนหน้านี้ใครมันพูดซะดิบดีว่าแค่ดื่มเฉยๆ คืนนี้ไม่อยากไปต่อนะ หลอกให้พวกเขาโดนเชนน์ด่าชัดๆ
“มึงจะเอาคนไหน แต่คืนนี้พี่จี้เขาบอกว่าวันนี้เด็กเขาไม่ว่างสักคนนะ”
“คนนั้น”
สามหนุ่มมองตามมือของเจสันต์ที่กำลังชี้ไปยังโต๊ะวีไอพีโต๊ะหนึ่งที่มีกลุ่มผู้ชายวัยกลางคนนั่งอยู่พร้อมกับเด็กนั่งดริ๊งค์หนึ่งคน
‘สวย’
เป็นคำเดียวที่พวกเขาทั้งสามคนนิยามผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่แปลกที่เจสันต์จะสนใจเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นน่ะโคตรตรงไทป์ของเพื่อนพวกเขาเลย
แต่ว่า...
“กูจะเอาคนนั้นมึงไปดีลมาให้ได้ กูจ่ายไม่อั้น”
การที่เจสันต์จะแย่งเด็กนั่งดริ๊งค์ของลูกค้าคนอื่นแบบนี้น่ะมันจะดีเหรอ...