"เมย์!"
เสียงเรียกทำให้เมยาวีต้องหันตาม เพื่อนร่วมคณะของเธอนั่นเอง คนผิวคล้ำหน่อยชื่อน้ำขิง ส่วนหน้าหมวย ๆ ตามหน้าตาเลย หล่อนมีชื่อว่าหมวย
"มีอะไรเหรอ?"
เมยาวีถามกลับด้วยสีหน้าที่ยังคงกังวลจากเรื่องของหัวใจอยู่
"ข่าวว่าไปทำงานที่บาร์ไม่กี่วันก็มีเสี่ยเลี้ยงแล้วเหรอ?"
น้ำขิงถามเสียงแหลมด้วยความสงสัยระคนตื่นเต้น
"เสี่ยเลี้ยง?"
เมยาวีทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
"ใช่ ยัยพลอย ไปพูดทั่วมหา’ลัย ว่าเธอทำงานได้วันเดียวก็โดนหิ้วกลับ โดยคุณกวินทร์ หนุ่มหล่อเจ้าของยิมชื่อดัง" หมวยเสริมอย่างรวดเร็ว
เมยาวีหน้าถอดสี เรื่องที่ว่าเธอไปทำงานที่บาร์ฯ เธอคิดว่ารู้กันแค่เธอกับพลอยชมพูเสียอีก ที่แท้ เธอไว้ใจผิดคนงั้นเหรอ
"พลอยมันโกหก!"
เมยาวีปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวด้วยความอับอายที่ถูกใส่ร้าย
"ฉันไม่ได้โดนหิ้วกลับ ฉันแค่... ฉันแค่ลาออก"
"แต่ทุกคนเชื่อยัยพลอยไปแล้วนะ"
น้ำขิงพูดขึ้นด้วยความเยาะหยันเพราะปกติเธออิจฉาในความสวยของเมยาวีอยู่แล้ว
เมยาวีเป็นแค่เด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียน แต่โดดเด่นเรื่องเรียนอยู่ไม่น้อย จึงสร้างความหงุดหงิดให้คนที่เอาแต่สวยไปวันๆอย่างพวกเธอเป็นที่สุด
“โน้นไง ! ยัยพลอยมาพอดีถามเลยสิ”
เมยาวีหันไปตามสายตา เห็นร่างของพลอยชมพูเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ ใบหน้าของเมยาวีเย็นชาลงทันที
"พลอย.." เมยาวีเรียกชื่อเพื่อนที่เคยไว้ใจเสียงแข็ง
พลอยชมพูเดินเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มใสๆ ไม่ใช่น้ำเปล่าแต่คือโซจู ไม่มีความรู้สึกผิดใด ๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย ๆนั้นเลย
"อ้าว เมย์... ข่าวว่าเปลี่ยนสถานะไปเป็นเด็กเจ้าของยิมแล้วเหรอจ้ะ?" พลอยชมพูใช้คำพูดที่เสียดแทงและตอกย้ำข่าวลือ ต่อหน้าคนอื่นในตอนนี้ เธอเผยธาตุแท้ออกมาอย่างชัดเจน เมยาวีรู้สึกเจ็บใจที่โดนหักหลัง คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด!
"เธอใส่ร้ายฉันทำไม! ฉันไว้ใจเธอนะ!" เมยาวีพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
พลอยชมพูหัวเราะเบา ๆ
"ใส่ร้ายเหรอ? ฉันแค่พูดความจริงนะเมย์ ฉันบอกทุกคนว่าคุณกวินทร์ใจดีแค่ไหนที่ยอมจ่ายเงินหนึ่งแสนบาท ให้เธอเลิกทำตัวเป็นเด็กใจแตก "
เมยาวีรู้สึกเหมือนมีเลือดขึ้นหน้า เธอรู้สึกโทษตัวเองที่ไว้ใจเล่าทุกอย่างให้พลอยชมพูฟัง แต่ยัยนี่กลับไปเอาตีไข่ใส่สี
"ฉันไม่ได้โดนหิ้ว! พี่กวินทร์แค่ให้งานฉันทำ!"
"งานเหรอ?" พลอยชมพูเลิกคิ้วมองอย่างดูถูก
"งานอะไรที่ให้เงินเดือนเยอะกว่าพนักงานธนาคารที่พี่ชายเธอทำงานเสียอีก? น่าอิจฉาจังนะที่อยู่ ๆ ก็ได้เปลี่ยนสถานะจากเด็กเสิร์ฟเป็น ของเล่นมีราคา"
'ของเล่นมีราคา'
ประโยคนั้นทำให้ความโกรธของเมยาวีถึงขีดสุด เธอรู้ว่าไม่ว่าเธอจะอธิบายอย่างไร ไม่มีใครเชื่อเธออยู่ดี เพราะสถานะของเธอกับกวินทร์นั้น เป็นความจริงตามที่พลอยพูดทุกประการแม้จะโดนไปร้ายไปบ้าง แต่ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ พลอยชมพูไม่มีสิทธิ์เอาเรื่องเธอไปพูดกับใครต่อใคร
"ฉันไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่ฉันไว้ใจ คนที่ฉันคิดว่าสนิทไว้ใจเล่าทุกอย่างให้ฟัง ที่แท้เป็นคนแบบนี้”
“แหม่! ยัยเมย์ เธอพลาดแล้วล่ะ ยัยนี่อ่ะ เป็นแบบนี้มานานแล้ว เธอแค่เชื่อใจคนผิดเอง”
น้ำขิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะในความโง่ของเมยาวี
“ต่อไปนี้เราไม่ใช่เพื่อนกันอีก”
เมยาวีหันไปพูดกับพลอยชมพูด้วยสายตาที่ผิดหวังขั้นสุด ตอนแรกพลอยชมพูดก็หัวเราะเยาะเธอเหมือนคนอื่นแต่พอได้เห็นสายตาผิดหวังของเมยาวีแล้ว ในใจเธอก็แอบสะท้านไปเหมือนกัน เพราะคนอื่นที่เธอเคยทำแบบนี้ไม่ถึงกับเลิกคบเธอไปเลย
“เมย์...”
เมยาวีหันหลังเดินออกจากกลุ่มเพื่อนทันที เธอเดินเหม่อออกมาอย่างไร้จุดหมายปลายทาง และมาหยุดอยู่ที่ร่างสูงของกวินทร์ที่วันนี้ตั้งใจมารับเธอด้วยตัวเองตอนไหนไม่รู้
“พี่กวินทร์..”
“ทำไมสีหน้าเป็นแบบนั้น เป็นอะไร?”
เมยาวีไม่ตอบ แต่ตรงไปขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่ทันที เพราะตอนนี้เธอก้าวขาและรับน้ำหนักของตัวเองไม่ไหวแล้ว เธอหมดเรี่ยวแรงจะไปต่อ
กวินทร์เปิดประตูเข้ามานั่งฝั่งคนขับ ก่อนจะมองเมยาวีที่กำลังนั่งก้มหน้า ไหล่เล็ก ๆของเธอกำลังสั่นเทาเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสภาพที่ยอมจำนนทางอารมณ์ถึงเพียงนี้
แล้ว จู่ ๆ
หญิงสาวก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก จนเขาตกใจ เมยาวีไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่อัดอั้นจากความอับอายเนื่องถูกทรยศจากเพื่อนที่สนิทที่สุดได้อีกต่อไป
"พี่กวินทร์ ฮือ~" เธอโผเข้าหาเขาทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ซบใบหน้าลงกับไหล่ของเขา และปล่อยให้น้ำตาท่วมไหล่เสื้อยืดของเขาเหมือนเด็กน้อย
กวินทร์ทำอะไรไม่ถูก เขาเองก็ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน รู้เพียงว่าตอนนี้เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ เพราะมันทำให้หัวใจของเขารู้สึกปวดขึ้นมาดื้อ ๆ
กวินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขาไม่พูดจาตำหนิใด ๆ มีแต่เพียงสัมผัสที่ให้ความอบอุ่นอย่างที่เมยาวีต้องการที่สุด
"ไม่ร้องนะเมย์ ไม่ร้อง พี่อยู่ตรงนี้แล้ว"
เขาปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเสียงสะอื้นของเธอเบาลง
เขาจึงผละออกเล็กน้อยแล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของเธออย่างอ่อนโยน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย อย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลย
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น ใครรังแกเธอ"
"ฮือ เมย์ทำตัวเอง ฮึก ๆ เมย์รู้แล้วว่าทำไมพี่กวินทร์ไม่อยากให้เมย์ไปอยู่ในที่แบบนั้น ข่าวลือ ฮืออ"
เมยาวียังคงสะอื้นไห้ ยิ่งพูดน้ำตาของเธอก็ยิ่งไหล
“ข่าวลืออะไร?”กวินทร์ถามซ้ำ
เมยาวีเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เธอฟ้องเขาเหมือนเด็กๆ ที่ต้องการที่พึ่ง
"เพื่อนสนิทเมย์ไปปล่อยข่าวว่าเมย์ไปทำงานที่บาร์ แล้วโดนพี่กวินทร์ไปหิ้วมา ว่าเมย์ว่าเป็นเด็กเลี้ยงเสี่ย แล้วเอาเมย์ไปพูดเสียหายทั่วคณะเลย ฮือ~"
กวินทร์รับฟังด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป ไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารดี เขามองใบหน้าอ่อนเยาว์ของเมยาวีที่บอบช้ำด้วยเรื่องราวแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกอยากจะปกป้องเธอจนถึงที่สุด
"ลงไปกับพี่ ไปหาเพื่อนสนิทของเธอ" กวินทร์สั่งเสียงต่ำ
แต่ทว่าเมยาวีมองเขาด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับส่ายหน้ารัว
"ไม่นะคะ! พี่กวินทร์อย่าทำอะไรเลยค่ะ ปล่อยให้มันจบไปเถอะค่ะ เมย์ไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตไปกว่านี้"
"จบงั้นเหรอ เธอร้องไห้ขนาดนี้พี่จะทนเห็นเรื่องนี้จบได้อย่างไร" กวินทร์ถามเสียงเครือ มือของเขาจับพวงมาลัยแน่น
"ได้ค่ะ เมย์ไม่ร้องแล้ว ไม่ร้องแล้วค่ะ"
เมยาวีหยุดร้องไห้ทันที แม้เสียงยังสั่นเครือ
"หากพี่กวินทร์ไปเอาเรื่องกับเรื่องแค่นี้ ใครเห็นเข้าจะหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก มันเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องที่เราไม่ควรเอามาใส่ใจค่ะ" เมยาวีใช้เหตุผลที่เธอรู้ว่าเขาต้องรับฟัง
กวินทร์ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหยุดร้องและสามารถใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง เขายกมือขึ้นลูบผมของเธอเบา ๆ
"รู้แล้วใช่มั้ยล่ะ เหตุผลทั้งหมดก็อยู่ในประโยคที่เมย์พูดออกมาหมดแล้ว ดังนั้น จะไปสนใจทำไมกับปากคน"
กวินทร์พูดยิ้ม ๆ
"เป็นเด็กเสี่ยกวินทร์ไม่ดีตรงไหน มีใครบ้างไม่อยากเป็นล่ะ ใช่มั้ย?"