“พวกมันใช้มนุษย์ทำงาน ย่อมไม่สามารถเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว แล้วคนในนั้นก็เหมือนจะรู้แล้วว่าถูกปองร้าย จึงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนให้ตกเป็นเป้าสายตาอีก แต่ที่ข้าต้องมาพบนายท่าน เพราะตอนนี้ท่านผู้นั้นกำลังจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง และยังวางแผนจัดการครอบครัวนั้นในวันเดินทางข้ามมิติอีกด้วย เท่ากับว่าทุกการเคลื่อนไหวของคนในบ้านหลังนั้น ล้วนตกอยู่ในสายตาคนของเขา.. และพวกเขาอาจจะไม่โชคดีเหมือนวันนี้อีก”
บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ผู้ซ่อนความอ่อนแอเอาไว้อย่างมิดชิด ตกอยู่ในความนิ่งเงียบ เนิ่นนานจึงสูดอากาศที่ไม่น่าอภิรมย์ของโลกมนุษย์ในมิตินี้เข้าสู่ร่างกายลึก ๆ
“ถ้าข้ายังอยู่ที่นี่พวกเขาจะต้องปลอดภัย.. โดยเฉพาะนาง ข้าจะต้องปกป้องนางเอาไว้ให้ได้” แม้จะต้องสละชีวิตเขาก็ยอม เพราะเขาจะไม่ยอมให้พลังปีศาจมาครอบงำจิตใจเขาได้เป็นอันขาด
เพราะอยากให้เขากลายเป็นคนเลวมากสินะ คนผู้นั้นจึงยอมเผยความชั่วที่ปกปิดเอาไว้ออกมา.. คิดว่าการโกหกของตัวเองจะหลอกให้ทุกคนตายใจได้หรือ..
น่าผิดหวังที่เขานั้นเหนือชั้นกว่า
...................
หลายวันต่อมา
“อาเตีย อาเหนียง” เหม่ยลี่ที่เดินลงมาจากชั้นบนทักทายบุพการี แล้วเดินไปหอมแก้มยุ้ยทั้งสองข้างของเด็กชายตัวน้อยวัยสองขวบ “ซันนี่ ๆ ของเจี่ยเจีย”
“กินข้าวไหมเหม่ยลี่ เหนียงจะได้อุ่นซุปให้” หยวนหลินถามลูกสาวที่มื้อเช้าไม่ได้ลงมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“หนูยังไม่หิวเลยเหนียง”
“ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย กินข้าวเสียหน่อยสิ” หยวนตงเตือนลูกสาวที่หลายวันมานี้ไม่ค่อยเจริญอาหารเอาเสียเลย เพราะคงคิดมากเรื่องเดินทางที่ใกล้เข้ามาทุกที
“หนูดื่มนมไปแก้วหนึ่งแล้วจ้ะเตีย”
“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหมเหม่ยลี่”
หญิงสาวมองบิดาที่อยู่ ๆ ก็ถามถึงเรื่องที่พูดได้ว่ายิ่งใกล้ก็ยิ่งเป็นกังวล
“เตรียมตัวน่ะพร้อมแล้ว ที่ไม่พร้อมก็คงมีแต่จิตใจหนูนี่แหละเตีย” ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจิตใจของเธอก็พะวงถึงแต่เขาคนนั้น ก่อนนอนก็นึกถึง นอนแล้วก็ยังฝันถึง อยู่ว่าง ๆ ก็ยังเหม่อลอยไปถึง คิดว่าถ้าได้เจอเขาและกล่าวขอบคุณสักครั้งก่อนที่จะไปจากที่นี่ อาการทั้งหมดนี้คงจะหายไป
“หนูมีคนที่อยู่ในใจเหรอเหม่ยลี่”
“ไม่ใช่แบบนั้นเหนียง” รีบปฏิเสธมารดาที่ทำสีหน้ากังวลขึ้นมา
“หนูไม่ได้โกหกเหนียงใช่ไหม”
“ไม่โกหก ๆ หนูไม่มีแฟนและไม่เคยมีคนที่ชอบจริง ๆ จัง ๆ ด้วย เหนียงสบายใจได้ หนูแต่งงานกับคู่หมั้นได้อย่างบริสุทธิ์ใจแน่นอนค่ะเหนียง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วทำไมลูกถึงไม่พร้อมล่ะ ทั้ง ๆ ที่เตียกับเหนียงก็ไม่ได้ทิ้งหนูให้ไปคนเดียว ถึงแม้เราจะไม่ได้ไปอยู่กับลูกที่ดินแดนมายา แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งลูกให้โดดเดี่ยวนะ” มารดาอธิบายเสียงเครือ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “ถ้าเลือกได้เราไม่อยากให้ลูกอยู่ห่างจากเราสักนิด”
“เจ้าสาวที่ต้องออกเรือนไปอยู่บ้านเจ้าบ่าว ไปอยู่กับคนที่ไม่คุ้นเคยมันก็ต้องจิตตกเป็นธรรมดา อารมณ์ของหนูก็เป็นประมาณนี้แหละเหนียง แต่หนูเข้ากับคนอื่นได้ง่าย แค่ไม่กี่วันก็คงจะคุ้นเคยกับครอบครัวของเจ้าบ่าวแล้วแหละ” แก้ตัวให้มารดาสบายใจ แล้วกอดท่านไว้แน่น “แต่เหนียงต้องไปเยี่ยมหนูบ่อย ๆ ด้วยนะ หนูจะได้ไม่เหงา”
หยวนหลินกอดตอบลูกสาวน้ำตาคลอเบ้า “ไปแน่ เหนียงกับเตียจะแวะไปเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” แม้รู้อยู่เต็มอกว่ายากนักที่จะไปมาหาสู่ได้อย่างอิสรเสรีระหว่างสองดินแดนต้องห้าม แต่นางจะต้องไปพบลูกสาวให้ได้เมื่อมีโอกาส
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น เสียงกริ่งที่หน้าประตูรั้วก็ดังขัดขึ้น
“ใครมาน่ะเหล่ากง”
“ไปรษณีย์น่ะเหล่าผอ” หยวนตงตอบภรรยา กำลังจะเปิดประตูก็นึกเอะใจขึ้นมา
“มีอะไรหรือเหล่ากง” สงสัยที่สามีหยุดชะงักกะทันหันและหันมามองหน้าตน
หยวนตงเดินไปหาภรรยา ดึงนางไปซ่อนบริเวณที่ลับตาทั้งที่ยังอยู่ภายในบ้าน เพื่อป้องกันการสอดส่องจากคนที่อยู่ด้านนอก
“สงสัยอะไรหรือเหล่ากง” หยวนหลินกระซิบถามเสียงเบา เหมือนกลัวคนที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินไปด้วย
“เราไม่ได้สั่งอะไรไม่ใช่หรือ ทำไมไปรษณีย์ถึงมากดกริ่งเรียกเราล่ะ”
“เป็นเอกสารที่ต้องเซ็นรับหรือเปล่า”
“เราเคยทำเรื่องยุ่งยากอะไรแบบนั้นด้วยหรือ” ตั้งแต่อาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้ พวกเขาก็เน้นการใช้ชีวิตแบบล้าสมัย ไม่ใช้โซเชียล จับจ่ายด้วยเงินสดมาตลอด อยากได้อะไรก็ไปซื้อหาโดยตรง ไม่เคยสั่งของออนไลน์เพื่อความสะดวกสบายใด ๆ ทั้งสิ้น
“หรือจะเป็นเหม่ยลี่”
“ลองไปถามลูกดู” บอกภรรยาแล้วแอบเดินไปตรงบริเวณที่สามารถมองเห็นคนด้านนอกได้ถนัดตาที่สุด เฝ้าสังเกตท่าทางของชายผู้นั้น
สักพักก็หันไปมองทางบันได เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า
หยวนหลินโบกมือส่งสัญญาณให้สามี “ลูกบอกไม่ได้สั่งอะไรเพราะเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว แล้วก็ยังสั่งออนไลน์ที่นี่ไม่เป็นด้วย” พูดด้วยคำพูดที่แสนเบาแล้วมองออกไปยังหน้าประตูรั้ว “คุณคิดว่าอย่างไร”
“ผมสงสัยว่าไม่ได้มาดี ดูท่าทางของเขาสิ รอคอยอย่างสุขุมเยือกเย็น ค่อย ๆ กวาดสายตาสอดส่อง ไม่ได้ร้อนรนหัวเสียเหมือนคนที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาสักนิด”
“ให้ฉันออกไปพบเขาดีไหม”
“ไม่ดี อย่าเสี่ยง ทำเหมือนเราไม่ได้อยู่ในบ้านแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว แต่เราคงต้องหาทางออกอื่นเตรียมไว้ วันเดินทางเราคงไม่ได้ออกไปจากบ้านหลังนี้ง่าย ๆ แน่”