10

991 คำ
ปิ๊น ๆ เหม่ยลี่หันไปมองรถยนต์ยี่ห้อหรู ที่ขับตามหลังรถของบิดาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะถูกบีบแตรใส่ถี่ยิบจนน่าเกลียด “จะบีบทำมะเหงกอะไรนะ ก็เห็นอยู่ว่าฝนตกถนนลื่น จะรีบไปไหนกันนักหนา” ปิ๊น ๆ ๆ ปิ๊น ๆ ๆ “เฮ้ย!” เริ่มโมโหมากขึ้นเมื่อถูกบีบแตรใส่ซ้ำ ๆ อีกหลายทีอย่างไม่มีสำนึก “ไม่เห็นเหรอว่าไฟแดง” บ่นอยู่ในรถ แต่ท่าทางนั้นหันไปมองรถคันหลังอย่างเอาเรื่อง นึกอยากจะลงไปชี้นิ้วกลางใส่แล้วต่อว่าเรื่องมารยาท “มันเป็นนิสัยพื้นฐานของคนยุคนี้ไปแล้วลูก ไม่มีอะไรหรอก ขอแค่ได้บีบแตรใส่รถคันหน้าก็พอใจแล้ว” หยวนหลินบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น “เหนียง! แต่เขาลงมาจากรถด้วยนะ” หญิงสาวที่มองข้างหลังไม่วางตาร้องลั่น และยังเห็นว่าฝ่ายนั้นถือไม้เบสบอลติดมือมา ด้วยความเป็นห่วงคนในรถเธอตัดสินใจเปิดประตู “อย่าลงไปนะ!” หยวนตงไวกว่า รีบกดล็อกประตูก่อนที่ลูกสาวจะเปิดประตูลงไป “แต่มันกำลังจะทุบกระจกรถเรานะเตีย ให้หนูออกไปสู้กับมันตัวต่อตัวเถอะ หนูชนะแน่” “ไม่!” “เดี๋ยวก็ไฟเขียวแล้ว ไม่ต้องลงไปหรอก” พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน มองบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ใส่แว่นตาอำพรางใบหน้า ที่เดินใกล้จะถึงตัวรถของเขาอยู่รอมร่อ “เตียระวังนะ! เฮ้ย!!!” เหม่ยลี่เบิกตาโต อุทานดังลั่นด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อคนที่ถือไม้เบสบอลเดินไปตรงกระจกรถด้านข้างคนขับแล้วง้างขึ้น แต่ก็มีบุรุษในชุดผาวสีดำที่โผล่มาจากทิศทางไหนไม่รู้ กระชากไม้เบสบอลหลุดจากมือไอ้ยักษ์อย่างง่ายดาย ก่อนจะฟาดสันมือใส่ต้นคอมันทีเดียวถึงกับทรุดฮวบ แล้วเขาก็ลากร่างใหญ่กึ่งสลบกลับไปยังรถของมัน โยนร่างนั้นไว้บนกระโปรงหน้ารถอย่างไร้ปรานี ก่อนจะเดินกลับไปที่ฟุตปาธ “เตียเปิดกระจกรถหน่อย เร็ว ๆ” “เดี๋ยวนะ” หยวนตงรีบทำตามคำสั่งลูกสาว มองตามร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามที่เดินไปตามฟุตปาธสวนกับทางรถวิ่ง หญิงสาวมองว่าทางโล่งก็รีบชะโงกศีรษะออกนอกรถ “คุณคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ” ตะโกนแข่งกับเสียงฝนไล่ตามแผ่นหลังสีดำสนิท หวังว่าเขาจะได้ยินและหันมามอง แต่ก็ต้องผิดหวัง แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าเขา แต่ก็รีบหดศีรษะกลับเข้ามาในรถ ปิดกระจกเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ชายผมยาวใส่ชุดผาว สวมแว่นตาและถุงมือสีดำ ที่เดินอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายผู้นั้นเป็นใครกันนะ ทำไมใจเราต้องเต้นแรงเพราะเขาขนาดนี้ด้วย “โชคดีที่เขาคนนั้นมาช่วยเราไว้ ไม่อย่างนั้นท่านลำบากแน่” หยวนหลินยื่นมือไปจับแขนสามี สามีตบหลังมือภรรยาเบา ๆ แล้วชักมือไปจับพวงมาลัยรถตามเดิม “ก็คิดไว้ว่าน่าจะไฟเขียวก่อนเขาตีกระจกรถแตก ก็เลยไม่ค่อยกลัว แต่ก็โชคดีที่เขาคนนั้นเข้ามาช่วย” พูดแล้วมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นลูกสาวนั่งนิ่งขมวดคิ้วมุ่นก็แปลกใจ “เหม่ยลี่เป็นอะไร โกรธเตียเหรอ” “เหม่ยลี่” หยวนหลินยื่นมือไปเขย่าเข่าของลูกสาวที่ไม่ได้ยินคำถามของบิดา หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย “จ๋าเหนียง” “เหม่ออะไรอยู่ลูก เตียเขาถามไม่ได้ยินเหรอ” “เตียถามว่าอะไร หนูไม่ทันได้ฟัง” “เตียเขาถามว่าหนูเป็นอะไร โกรธเตียเขาหรือเปล่า” “เปล่าจ้ะเปล่า หนูกำลังคิดถึงผู้ชายคนเมื่อกี้น่ะเตีย อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามาช่วย แล้วก็จากไปดื้อ ๆ ดูลึกลับยังไงไม่รู้” คำว่าดูลึกลับของลูกสาว ทำให้หยวนตงหวนนึกไปถึงความรู้สึกเมื่อตอนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า.. หรือเขาคนนั้นจะตามพวกเขามา.. เป็นไปไม่ได้ พวกเขาขับรถมาตลอด แต่คนนั้นเดินย้อนไปอีกทาง เห็นชัดว่าไม่มีรถ จะตามทันได้อย่างไร “คงเป็นความบังเอิญที่เป็นโชคดีของเรา อย่าคิดมากเลยนะ” หยวนตงสรุปทั้งที่ยังคับข้องใจ และชวนคุยเรื่องอื่นฝ่าสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งออกจากถนนสายหลักเข้าสู่ถนนสายรอง “ฟูจวินระวัง!” หยวนหลินตะโกนบอกสามีสุดเสียง เมื่ออยู่ดี ๆ ก็มีใครคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนตรงมาที่หน้ารถของพวกเขา เอี๊ยดดดด... ปัง!... “เตีย! / ฟูจวิน!” เหม่ยลี่และหยวนหลินต่างเรียกบุรุษที่ทำหน้าที่ขับรถ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจสุดขีด “เตียทำไงดีล่ะ” เหม่ยลี่ถามบิดาหน้าตาตื่น ส่วนมารดานั้นยกมือปิดปากไร้เสียงพูดใด ๆ “ใจเย็น ๆ เดี๋ยวเตียจะลงไปดู ทุกคนรออยู่ในรถ ห้ามตามลงไปเด็ดขาด” หยวนตงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังสงบ แต่ในใจนั้นแสนหวาดหวั่น “ข้าขอลงไปเป็นเพื่อนนะท่านเทพ” ความตกใจกลัวทำให้ภรรยาพูดกับสามีด้วยภาษาของชาวสวรรค์ “ไม่ต้อง เจ้าอยู่เป็นเพื่อนลูกในรถนี่แหละ เชื่อฟังข้านะฟูเหริน” สามีตอบกลับภาษาเดียวกัน แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ “เหนียง ดูซันนี่ด้วยนะ หนูจะลงไปเป็นเพื่อนเตีย” เหม่ยลี่รู้สึกไม่ชอบมาพากล เป็นห่วงบิดาจนทนนิ่งเฉยไม่ไหว ฝากฝังให้มารดาช่วยดูแลหลานชายที่หลับสนิทอยู่ในเบาะเด็ก “อย่าลงไปนะเหม่ยลี่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม