“ไม่ได้แล้วเหนียง! เหนียงห้ามลงมาเด็ดขาดนะ!” หญิงสาวน้ำเสียงแตกตื่น เมื่อเห็นบิดาหงายหลังไม่เป็นท่ากับตา รีบเปิดประตูลงจากรถ วิ่งเข้าไปหาบุรุษร่างใหญ่ที่ลุกจากหน้ารถ และพุ่งเป้าไปหาบิดาที่ยังล้มไม่ได้หลัก กระโดดถีบใส่ร่างนั้นจนถลาไปไกลได้อย่างแม่นยำ
“โอ๊ะ!” ชายแปลกหน้าที่ถูกถีบโดยไม่ทันตั้งตัวอุทานด้วยความเจ็บเพราะไถลไปกับถนนหลายตลบ
เหม่ยลี่รีบวิ่งไปประคองบิดา “เตียเป็นอะไรไหม”
“หลบไป!” หยวนตงรีบผลักลูกสาวเมื่อมีชายอีกคนโผล่มาจากไหนไม่รู้พุ่งเข้ามา
เหม่ยลี่เพิ่งรู้ถ่องแท้ก็วันนี้เองว่าวิชาการต่อสู้แขนงต่าง ๆ ที่ได้เรียนมานั้นมีประโยชน์ เธอหมุนตัวไปกับถนนตามแรงผลักของบิดา และประคองตัวลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อมได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วเหวี่ยงแขนสับบริเวณลิ้นปี่ต่อด้วยต้นคอ และกระทุ้งศอกใส่ใต้ราวนมของชายคนที่สองหลายทีเต็มแรง
แต่ดันมีชายคนที่สามและสี่โผล่เข้ามาอีก คนที่หนึ่งก็ถลาเข้ามาร่วมวง เยอะแบบนี้ต่อให้เก่งและแกร่งแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ เธอเริ่มวิ่งหนีไปไกลเพื่อให้ครอบครัวปลอดภัย และคิดหาทางสู้ไปด้วย แต่ด้านหน้ากลับมีคนอีกสองคนดักเอาไว้
เธอหยุดวิ่งเมื่อไร้หนทาง
“หน้าตัวเมีย!” ตะโกนแข่งกับสายฝน “แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัวสิ อย่ามาทำตัวเป็นหมาหมู่แบบนี้” ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว เพราะมั่นใจว่าถ้าตัวต่อตัวสู้ได้แน่นอน
“เสียเวลา ยังไงก็ต้องตายทั้งครอบครัวอยู่แล้ว” หนึ่งในหมาหมู่ตะโกนกลับเสียงเหี้ยม “พวกแกไปจัดการทางนั้น ฉันจัดการทางนี้เอง”
“อย่านะ!” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงและวิ่งตามพวกมัน หวาดกลัวว่าครอบครัวจะเป็นอันตรายยิ่งกว่ากลัวตาย “อย่า!..” ดวงตากลมโตได้แต่มองตามพวกมันทั้งสี่ที่วิ่งไปทางรถยนต์ เพราะตอนนี้เธอถูกดึงแขนเอาไว้แล้ว
ผลัวะ! อั๊ก!
พลั่ก! โอ๊ย!
พลั่ก! โอ๊ย!
ผลัวะ! อั๊ก!
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความอดสูเริ่มมีความหวัง เมื่อเห็นชายชั่วกลุ่มนั้นกำลังถูกเล่นงานจากใครคนหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่บางเบาลง
อาศัยจังหวะนี้ทำให้ตัวเองหลุดจากการถูกจับ แล้วหันไปฟาดสันมือใส่ขมับคนที่จับมือตนไว้เต็มแรงสองที กำหมัดเสยปลายคาง ตามด้วยกระแทกเข่าใส่หน้าท้อง พอมันทรุดตัวลงก็เหวี่ยงปลายเท้าใส่ที่ใบหน้า
แค่สองทีที่ใส่ไปเต็มกำลัง ก็ทำให้ผู้ชายตัวใหญ่ถึงกับสลบเหมือด
เธอรีบหันไปมองทางกลุ่มใหญ่ เห็นคนหลายคนกำลังรุมล้อมคนคนเดียวก็รีบวิ่งไปช่วย ยังไม่ทันไปถึงคนพวกนั้นก็ลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าแค่ไม่กี่เมตรท่ามกลางสายฝนที่แทบจะหยุดลงทันควัน ทำให้ใจของเธอเต้นรัว แววตาหวั่นไหวด้วยความสับสน..
มันจะเป็นไปได้อย่างไร เขาคนนั้นจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ใช่เขาแน่ คนที่แต่งตัวแปลก ๆ แบบนี้ใช่ว่าจะมีให้เห็นกันเกลื่อน แล้วยังรูปร่างลักษณะที่โดดเด่นนั่นอีก
“คุณ เดี๋ยวก่อน! หยุดก่อนค่ะ” ใช่เขาแน่ เขาแน่ ๆ เธอรีบเรียกเขาที่กำลังเดินจากไป รีบวิ่งเข้าไปหาเมื่อเขาไม่สนใจจะทำตาม “คุณ อย่าเพิ่งไปสิคะ ให้ฉันได้ขอบคุณคุณก่อนได้ไหม” แต่ยิ่งตามก็ยิ่งเหมือนเขาจะห่างจากเธอมากขึ้นทุกฝีก้าว
“เหม่ยลี่” หยวนตงรีบเข้าไปดึงแขนลูกสาวไม่ให้ตามเขาไป เพราะสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่ต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังแน่ “รีบขึ้นรถกันเถอะ”
“แต่เขาคนนั้นมาช่วยเราไว้อีกแล้วนะเตีย หนูอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วทำไมถึงมาช่วยเราได้ทันเวลาแบบนี้”
“เหนียงกับน้องอยู่ในรถนะเหม่ยลี่ เรารีบกลับบ้านก่อนดีกว่า” เอาเมียกับหลานขึ้นมาอ้างเพื่อให้ลูกสาวยอมคล้อยตาม
แม้จะขัดใจแต่ก็ยอมทำตาม แล้วหันกลับไปมองทางเขาอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันที เมื่อมองเห็นเพียงความว่างเปล่า ไร้ร่างคนตัวใหญ่ที่น่าจะยังอยู่ในรัศมีสายตา พยายามกวาดสายตามองไปยังที่โล่งเท่าที่สายตาจะมองเห็น แต่นอกจากรถที่วิ่งผ่านแล้วไม่มีเงาคนแม้แต่เงาเดียว..
ทำไมมันถึงแปลกได้ขนาดนี้นะ!
“เป็นอย่างไรบ้างหยวนตง เหม่ยลี่ล่ะ เจ็บตรงไหนไหมลูก ถ้าเจ็บก็รีบบอกนะ เหนียงจะได้พาไปหาหมอ”
“หนูไม่เจ็บ เตียสิน่าเป็นห่วงเพราะล้มแรงมาก ไปให้หมอตรวจหน่อยดีกว่า”
“ไม่ ๆ เตียไม่รู้สึกอะไรเลย แต่กลับไปถึงบ้านแล้วเราสองคนต้องรีบอาบน้ำสระผม แล้วดื่มน้ำสมุนไพรร้อน ๆ ป้องกันการเป็นไข้และแก้ระบมกันสักคนละแก้ว”
“งั้นรีบกลับเถอะ ถึงบ้านแล้วท่านก็จัดสมุนไพรมาแล้วกัน ฉันจะรีบต้มให้” หยวนหลินรับคำสามี กดเปิดตัวทำความร้อนในรถ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ลูกสาวและสามีที่ตัวเปียกปอน “ทนหนาวกันหน่อยนะ”
…………….
“ฟูจวิน ท่านกำลังคิดอะไรอยู่” หยวนหลินถามสามีเมื่ออยู่กันสองต่อสองภายในห้องนอน
“กำลังคิดว่าอีกเจ็ดวันก็จะได้กลับบ้านเกิดของเราแล้ว แต่แทนที่ข้าจะดีใจข้ากลับรู้สึกกังวลเหลือเกินฟูเหริน” สามีตอบตามตรง
“ท่านกังวลเรื่องอะไร ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หรือไม่”
“อือ เจ้ารู้สึกเหมือนข้าไหม”