EP.13 อ้อ พี่มาเข้าค่าย

2919 คำ
#Zian Part @ZCondo Rrrrr! “…!” กำลังงีบเพลินๆ เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้นมา น่ารำคาญหูชะมัดจนต้องคว้าไปกดรับสายอย่างหงุดหงิด แม่งใครโทร. มาตอนงีบอยู่วะ?! [สวัสดีค่ะ นักศึกษา ‘ธราเทพ’ รึเปล่าคะ?] “ครับ” [เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานจากกองกิจการคณะศึกษาศาสตร์ค่ะ] ผมได้ยินแบบนั้นก็รีบดีดลุกจากเตียง เจ้าหน้าที่น่าจะโทร. มาเกี่ยวกับที่ลงชื่อไปเข้าค่ายอาสาเมื่อวานแน่นอน “อ้อครับ” [ค่ะ โทร. มาแจ้งเรื่องวันเวลาการเดินทางนะคะ พรุ่งนี้หกโมงเช้ารถจอดรอที่หน้าตึกคณะศึกษาศาสตร์นะคะ รบกวนนักศึกษามาให้ตรงเวลาด้วย] “ได้ครับ ขอบคุณมากครับ” เพิ่งวางสายจากเจ้าหน้าที่ไปไม่นอนต่อมันละ ออกไปหาซื้อของเตรียมเดินทางเลยดีกว่า พรุ่งนี้จะได้เห็นหน้าน้องผ้าแพรแล้ว แถมยังไปเข้าค่ายด้วยกันหลายวันอีก แค่คิดก็ตื่นเต้นละผมนี่รีบไปแต่งตัวอย่างไว ตื่นเต้นจะออกไปซื้อของสำหรับเข้าค่ายวันพรุ่งนี้ มาถึงห้างเดินหารถเข็นไปโซนขนมเห็นขนมอะไรน่ารักๆ หน่อยก็คว้าใส่รถเข็นหมดซื้อมาซะเยอะเลือกไม่ถูกเลยไม่รู้ว่าน้องผ้าแพรจะชอบไหมนะ พอมาคิดๆ ดูแล้วค่ายที่ไปก็ดันอยู่ใกล้ป่ายุงน่าจะชุม ผมเดินหาไม้ช็อตยุงทันทีมีไว้ก็ดีเผื่อน้องถูกยุงกัด นอกจากนั้นยังเดินไปร้านขายยาซื้อพวกยาแก้ปวด แก้ไข้ ยาดมพกไปเผื่อด้วยกลัวว่าระหว่างเดินทางถ้าน้องป่วยขึ้นมาจะไม่มียากิน เดินดูของอีกนิดหน่อยได้ที่ต้องการแล้วก็กลับคอนโดทันที @คณะศึกษาศาสตร์ 05.40น. กว่าจะพาตัวเองมาถึงที่นี่ได้ ไม่ง่ายเลยโคตรง่วงนอนแถมมาก่อนเวลาหลายนาทีฟ้ายังไม่สว่างด้วยซ้ำมาถึงเห็นรถจอดอยู่สองคันหน้าตึกศึกษาศาสตร์มีรถตู้ รถบัส นี่คงเป็นรถที่จะไปค่ายอาสานั่นแหละ เห็นรถแล้วเหลือเห็นคนไม่รู้ว่าน้องเขามาถึงรึยัง ตากวาดมองไปรอบๆ เริ่มเห็นนักศึกษาทยอยกันมา แต่ละคนดูไม่คุ้นหน้าเลยแฮะ ดูแทบไม่ออกว่าเป็นนักศึกษาปีไหนหรือเรียนคณะอะไรกันอยู่ ขณะที่ยืนมองเพื่อนๆ นักศึกษาอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กที่กำลังเดินมาทางผม เห็นแล้วก็อมยิ้มเงียบๆ ไม่กล้าเดินเข้าไปทักทาย ระหว่างนั้นที่น้องผ้าแพรกำลังจะเอาสัมภาระไปเก็บที่รถ เห็นเธอมองมาที่ผมแวบนึงดูอึ้งอยู่เล็กน้อยและเธอก็เดินมาหา “…” “พี่เซียนสวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะ พี่มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” เธอถามพร้อมกับทำหน้าสงสัยอย่างจริงจัง แล้วสายตาของเธอก็เหลือบมองสัมภาระของผมอยู่ด้วย “อ้อพี่มาเข้าค่าย” “คะ? ไปค่ายงั้นเหรอคะ หนูก็จะไปค่ายเหมือนกันค่ะ คณะพี่เซียนก็ไปค่ายด้วยเหรอคะ?” ได้ยินคำถามนี้ผมก็เลยชี้ไปที่รถบัสตรงหน้าแล้วหันมายิ้มให้กับคนขี้สงสัย “อ้อ! ไปค่ายนี้แหละ พอดีพี่ลงชื่อไว้” พูดแล้วก็อดยิ้มกับตัวเองเสียไม่ได้น้องคงคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกแล้วสินะ หึๆ ทว่าพอบอกไปแบบนั้นน้องดันทำหน้าแปลกใจ ขมวดคิ้วสงสัยหนักกว่าเดิมอีก “เอ๊ะ? ค่ายอาสา ไปกับหนูเนี่ยเหรอคะ?” ผมพยักหน้าสีหน้าภูมิใจ “อื้ม~ ช่าย พี่ไม่รู้ว่าน้องผ้าแพรก็ไปด้วยนะเนี่ย ดีเลยไปด้วยกันเผื่อมีอะไรที่พี่ช่วยได้จะได้ช่วยกัน” “แต่ว่า… พี่เซียนคะ ค่ายนี้มันค่ายเก็บประสบการณ์ของปีหนึ่งไม่ใช่เหรอคะ?” “…!” ฮึ่ย! เอาแล้วกู! ก็ไม่ได้อ่านเหี้ยอะไรก่อนซะด้วยสิ “แล้วอีกอย่าง เอ่อ... มันเฉพาะคณะศึกษาศาสตร์รึเปล่าคะ?” “…!” “เอ๊ะ! รึจะไปกันหมดหนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” “…” ยิ่งเธอพูดผมยิ่งช็อกหนักจนพูดไม่ออก ยิ่งเห็นสีหน้าสงสัยของเธอ ผมก็รู้สึกว่าต้องพยายามเค้นหาคำตอบดีๆ เพื่อที่จะไม่ทำให้เธอจับได้ว่าผมปิดบัง ว่าจริงๆ แล้วผมนั้นแอบตามเธอมา แต่ดูเหมือนว่าหัวสมองผมตอนนี้มันตื้อไปหมด! คิดอะไรไม่ออกเลย เอาไงดีวะอายว่ะ! แม่งจะเดินหนีไปดื้อๆ ตอนนี้ดีไหมวะหน้าแตกยับเยิน เอ้อ! กูพลาดเองไม่อ่านดีๆ ไอ้เซียนเอ๊ย อายเขาไหมล่ะมึง! ขณะที่กำลังครุ่นคิดกับตัวเองน้องผ้าแพรก็พูดขึ้นมา “อาจารย์มาพอดีเลยค่ะ” “…!” เวรแล้วไหมล่ะกู แม่งเผ่นดีกว่า! ทว่าขณะที่กำลังตัดสินใจจะหนี อาจารย์ที่น้องเรียกเมื่อสักครู่นี้ก็ได้มายืนอยู่ข้างผมจะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ทันซะแล้ว “...!” “ว่าไงนรีนันท์?” “...” ผมยืนมองอาจารย์ผู้หญิงร่างท้วมผมสั้นประบ่า วัยกลางคนกำลังพูดกับน้องผ้าแพรอยู่ไอ้เรายืนฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร “อาจารย์คะ คือว่าเอ่อ... พี่เขาอยู่คณะบริหารธุรกิจค่ะ แล้วพี่เขาจะไปค่ายกับพวกเราเห็นบอกว่าลงชื่อแล้วด้วย แต่ว่าค่ายนี้เฉพาะศึกษาศาสตร์ปีหนึ่งรึเปล่าคะ?” อาจารย์เหลือบมองมาที่ผมทำหน้างงแวบนึง แล้วหันไปตอบคำถามน้องผ้าแพร “อ่า ใช่ค่ายของศึกษาศาสตร์ปีหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาหลักให้พวกเราเก็บประสบการณ์ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกดีซะอีกมีผู้ชายเพิ่มเข้ามาสักคนจะได้ช่วยกันยกของยกนั่นนี่ด้วย” พอพูดจบก็หันมายิ้มให้ผม “ไปด้วยกันนี่แหละเนาะ” ได้ยินแบบนั้นคงต้องตามน้ำไปก่อนแล้วล่ะ “ครับผม” ดีเลยนั่นแปลว่าผมไม่ได้มาเสียเวลาเปล่า คุณยังได้ไปต่อนะคร้าบ เรื่องน่าอับอายช่างมันไปก่อน คุยตกลงกับอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์เสร็จกำลังจะแยกตัวไปเก็บของขึ้นรถ ทว่าขณะที่กำลังจะเดินไปทางรถบัสนั้นสายตามันเหลือบเห็นนักศึกษาชายหน้าตาดูดีหน่อย ดูจากท่าทางและใบหน้าคิดว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังเดินมาทางผม เห็นแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก “พี่นเรศสวัสดีค่ะ” “...!” เท่านั้นแหละทั้งที่ไม่ได้สนใจอะไรแต่พอได้ยินเสียงน้องผ้าแพรทักทายเป็นกันเอง เท้ามันดันหยุดเดินอัตโนมัติเลย ไม่เพียงแค่นั้นสายตายังเฝ้ามองทั้งคู่คอยแอบสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ อะไรยังไงวะเนี่ย?! “ครับ น้องแพรมาแต่เช้าเลยนะ” คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อได้เห็นสีหน้าระรื่นของมันที่กำลังทักทายน้องผ้าแพร เห็นแล้วมันรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไรแฮะ เอะ! รึว่าผมคิดมากเกินไปนะ? “...” ดูเหมือนน้องจะยิ้มกลับเป็นมารยาทเท่านั้น เหมือนตอนที่ผมไปกินข้าวที่ร้านน้องไม่มีผิด “ค่ะ งั้นหนูขอตัวไปเก็บของก่อนนะคะ” พอน้องพูดจบก็เดินไปทางรถบัสทันที ดูท่าทีไม่ได้สนใจไอ้หมอนี่สักเท่าไร ซึ่งนั่นก็ดีรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยๆ หลังจากที่เธอเดินไปได้ไม่นาน ผมที่ยังอยู่ที่เดิมกำลังมองไอ้หมอนี่อยู่ไม่ได้ละสายตาไปไหนราวกับเฝ้ามองศัตรูอะไรแบบนั้น บอกตามตรงว่าไม่ถูกชะตาเท่าไร เห็นมันเดินไปทักทายอาจารย์ที่คุยกับผมก่อนหน้านี้ “อาจารย์ครับ สวัสดีครับ” อาจารย์รับไหว้มันก็พูดต่อ “ตอนนี้รถพร้อมแล้วครับอาจารย์ คนก็เริ่มทยอยกันมาแล้วเหลือน้องๆ ไม่กี่คนที่ยังมาไม่ครบ” “โอเค งั้นนเรศดูน้องนะอาจารย์ก็จะไปด้วยนี่แหละแต่อาจจะดูไม่ทั่วถึงนะ แล้วจำนวนเรามีทั้งหมดเท่าไรล่ะ?” “เอ่อ... น้องปีหนึ่งสี่สิบคน แล้วก็ทีมงานปีสามของพวกผมอีกห้าคนแล้วก็อาจารย์อีกหกคนครับ อาจารย์กับปีสามจะนั่งรถตู้ไปครับ ส่วนปีหนึ่งจะให้นั่งอยู่รถบัสกับคนที่จะขนของ” “อ้าวเหรอ ทำไมน้องปีหนึ่งไม่มีคนดูเลยล่ะ?” ได้ยินแบบนั้นผมก็เดินไปหาอาจารย์ทันที “อาจารย์ครับเดี๋ยวน้องปีหนึ่งผมช่วยดูเอง” ไอ้คนที่ชื่อนเรศหันมามองที่ผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ “อ้าว! ไม่ทราบว่าเป็นใครเหรอครับเนี่ย?” มันถามแล้วหันไปมองอาจารย์อย่างสงสัย “คนติดตามอาจารย์เหรอครับ?” อาจารย์รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “อ้อ เปล่าๆ เขาลงชื่อมาด้วย” “อ้อครับ” “...” พอมันได้คำตอบก็หันมามองผมอีกรอบ อะไรนักหนาวะ “เรียนอยู่ปีไหนครับ?” “ผมปีสามครับ” ตอบมันไปแบบนั้นมันดันทำหน้าสงสัยกว่าเดิมอีก “ปีสามเหรอ? ทำไมผมไม่คุ้นหน้าเลยล่ะ?” “ผมเรียนบริหารธุรกิจครับ” “บริหารธุรกิจ? อ้าว! ค่ายครั้งนี้เราไปแค่ศึกษาศาสตร์นะครับคณะอื่นไม่ได้เกี่ยว” อ้าวไม่เวรนี่! สงสัยอยากมีเรื่อง ขณะที่ผมมองหน้ามันคิดอยู่ว่าจะเอาไง อาจารย์ของคณะศึกษาศาสตร์ก็เดินมาตรงกลางอย่างกับมาห้ามศึกอย่างนั้นแหละ แล้วอาจารย์ก็มองไปที่มัน “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวไปด้วยกันนี่แหละมีอะไรจะได้ช่วยกันก็ลงชื่อไว้แล้วนี่” เออแม่ง! อาจารย์คณะนี้ก็พูดดีนะแต่ทำไมลูกศิษย์ปากแจ๋วนักวะ ได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้นผมก็ตอกหน้ามันทันที แม่งหมั่นไส้ว่ะ! “อาจารย์อนุญาตให้ไปด้วยแล้วนี่ครับ แล้วอีกอย่างก็คือ ผมลงชื่อเข้าร่วมแล้วที่จริงก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรมากมายหรอกก็แค่อยากไปช่วย ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อมาก็ไม่เห็นจะว่าไงนะครับ ไม่งั้นผมจะเตรียมตัวมาได้เหรอถ้ามันมีปัญหา?” “...” เห็นสีหน้าไม่พอใจของมันแม่งกูหงุดหงิดว่ะ ต่อยแม่มดีมะ! “ไม่เป็นไรๆ ไปด้วยกัน” อาจารย์บอกผมแล้วหันไปหาไอ้คนที่ชื่อนเรศอีกรอบ “อะ... ไปนเรศงั้นก็ขึ้นรถตู้พาอาจารย์คนอื่นล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวอาจารย์จะดูน้องๆ เอง” “...” “ครับ?!” เห็นสีหน้ามันตื่นตะลึงดูร้อนรนแปลกๆ อย่างกับว่าไม่อยากไปนั่งรถตู้อย่างนั้นแหละ แล้วสักพักมันก็ดันแย้งขึ้นมาจริงๆ “อาจารย์ครับตอนแรกผมว่าจะนั่งไปกับน้องๆ จะได้มีรุ่นพี่ไว้คอยคุมคอยดูแลด้วย อาจารย์ไปนั่งรถตู้ก็ได้นะครับ” อาจารย์ส่ายหน้ารัวๆ แสดงเจตนาชัดเจน “ไม่เป็นไรหรอกเราก็คอยดูแลอาจารย์คนอื่นบนรถนั่นแหละ คอยดูคอยประสานงาน” ผมยืนฟังแสยะยิ้มนิดๆ สะใจชะมัด แล้วอาจารย์ก็มองมาที่ผมพอดีเห็นรอยยิ้มเมื่อกี้รึเปล่าไม่รู้นะแต่ช่างเถอะไม่สนโว้ย! “เนี่ยเดี๋ยวจะไปกับ... ชื่ออะไรนะเราอะ” “อ้อ ผมธราเทพครับ” “งั้นธราเทพไปกับอาจารย์” “ครับๆ” โอเคเลยเข้าทางกู หึๆ “…” ตกลงกันได้แล้วเห็นมันเดินคอตกไปทางรถตู้ ผมก็เลิกสนใจมัน เดินจะไปเก็บสัมภาระตัวเองไว้บนรถ พอขึ้นมาก็มองไปรอบๆ กะว่าจะเนียนนั่งกับน้องซะหน่อย มองปราดเดียวเห็นละว่านั่งติดริมหน้าต่างแถวสอง เท้ามันกำลังเดินไปหาอย่างตื่นเต้น ทว่าจู่ๆ ก็ถูกมือใครไม่รู้คว้าหมับเข้าที่หัวไหล่ “…!” “เดี๋ยวก่อน... ธราเทพ นี่มาช่วยยกของก่อนมา เนี่ยผู้ชายแรงเยอะๆ นี่” ผมนี่ยิ้มแห้งเลย อาจารย์นะอาจารย์ “ครับอาจารย์” ได้แต่มองที่ว่างข้างน้องผ้าแพรตาละห้อย ไม่รู้เลยกลับมาจะยังมีที่ว่างเหลืออยู่รึเปล่า พอลงจากรถเท่านั้นแหละก็เริ่มขนของขึ้นรถกับพวกน้องนักศึกษาผู้ชาย สิ่งของที่ขนขึ้นรถมีทั้งกลองชุด กล่องขนม กล่องหนังสือสมุดที่เอาไว้แจกมีแต่ของหนักๆ ทั้งนั้น โอ้ว... แบกไปขนาดนี้เรียนได้ถึงสิบปีเลยมั้งเนี่ย! ใช้เวลาสักพักเลยแหละกว่าจะขนของทั้งหมดจนเสร็จเล่นซะแทบหมดแรง กำลังจะขึ้นรถคาดหวังในใจไว้แล้วว่าที่นั่งข้างน้องผ้าแพรยังจะว่างอยู่ เรียบร้อย! อื้อฮือ! เต็ม! ไม่ต้องพูดถึงที่นั่งข้างน้องผ้าแพร ไม่มีเหลือ! สายตามองหาที่ว่างเห็นแล้วถึงกับเผลอร้องโอ้โหออกมา หลังสุดเลย! ของเต็มด้วย ระหว่างทางจะเดินไปนั่งหลังสุด เหมือนเห็นสายตาน้องๆ มองมาที่ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ผมดันไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนเดินไปแบบไม่ได้สนใจอะไร ก็มีเสียงกระซิบกระซาบตามหลังมา จะแกล้งไม่ได้ยินก็คงไม่ได้เพราะพวกรุ่นน้องกำลังพูดถึงผมอยู่ ‘นั่นๆ พี่เซียนนี่ สุดหล่อบริหารธุรกิจรึเปล่า? ทำไมพี่เค้ามาได้อะ’ ‘อุ๊ย สุดหล่อบริหารธุรกิจ ดีจังในค่ายมีหนุ่มหล่อมาด้วย’ ‘หืมม มีรุ่นพี่หล่อๆ จากคณะอื่นมาด้วยเหรอ’ ‘เฮ้ย... ค่ายเราไปแค่คณะศึกษาศาสตร์ไม่ใช่เหรอพี่เขามาไงเนี่ย’ ‘เออน่า ดีแล้วไม่ใช่เหรอเจริญหูเจริญตาออก’ ‘พี่เขาหล่อจังอะ ไม่มีแฟนจริงดิ’ แม่งนินทาเหมือนกูไม่ยืนอยู่ตรงนี้ กูก็เขินอายเป็นนะโว้ย! ผมเดินไปนั่งหลบมุมด้านหลังสุดที่จริงที่นั่งตรงท้ายมันนั่งได้เกือบห้าคนแต่ตอนนี้มันเหลือที่ว่างแค่ที่เดียวเพราะข้างๆ เนี่ยคือของวางเต็มไปหมด ผมนี่เหมือนเด็กเฝ้าของอะตอนนี้ มองของแต่ละอย่าง แม่งจะหล่นทับหัวกูไหมเนี่ย สภาพ! ขณะที่กำลังกลุ้มใจเหมือนได้ยินเสียงคนขับสตาร์ทเครื่องยนต์ แอ๊ดๆๆๆ “...!” เหี้ย! กูคงไม่ได้ลงไปเข็นรถกลางทางหรอกใช่ไหม?! แม่ง! เปลี่ยนใจกลับตอนนี้ทันไหมวะ? #Dan Part 12.20น. @ZCondo ผมตั้งใจมาหาไอ้เซียนที่ห้องว่าจะรับมันไปกินข้าวด้วยกันซะหน่อย แต่พอเดินมาหยุดที่หน้าประตูแม่ง เปิดคีย์การ์ดเข้าไป ไอ้ห่านี่ไม่อยู่ ไปไหนของมันวะ?! ออกมายืนอยู่หน้าห้องแป๊บนึงก็ยกหูโทรศัพท์กะว่าจะโทร. ถามว่ามันอยู่ไหน ‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’ “...!” “ฮั่นแนะ! ไอ้นี่ มันต้องไปเฝ้าร้านน้องเขาแน่ๆ” ผมเลิกโทร. หามันเปลี่ยนเป็นโทร. หาไอ้เฟยแทนเรื่องนี้ทุกคนต้องรู้ ไม่ได้การแล้วต้องเรียกรวมพล!! โทร. หาไอ้เฟยแป๊บเดียวมันก็รับสายแทบทันที [เออ ว่าไงวะ?] “เฮ้ยๆๆ ไอ้เซียนไม่อยู่ห้องเว้ย โทร. ไปก็ไม่ติด ชัวร์ กูว่าเวลานี้ชัวร์! มันต้องไปสิงอยู่ร้านโจ๊กแน่ ตามไปๆ มึงรออยู่นั่นนะเดี๋ยวกูไปรับจะได้ไม่ต้องเอารถไปหลายคัน” [เออๆ] @สวนสาธารณะตรงข้ามร้านโจ๊ก หลังจากนั้นไม่นานผมก็ลากไอ้เฟยกับเอ็มมี่มาถึงสวนสาธารณะจอดรถซะไกลจากร้านโจ๊กพอสมควรกำลังจะพากันลงรถไอ้เฟยก็พูดขึ้นมา “ไอ้แดน มึงนี่หาเรื่องสนุกได้ทุกวี่ทุกวันนะ” “อ้าว แล้วมึงอยากรู้เหมือนกูไหมล่ะ?” “เออ กูอยากรู้นี่แหละถึงได้ตามมึงมา” ไอ้เฟยพูดจบเอ็มมี่ก็สวนขึ้นมา “เฟย มี่หิวแล้วอะเราเข้าไปกินข้าวกันเลยมะ?” “ไม่ได้ดิ ต้องดูไอ้เซียนก่อนอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเราต้องดูมันก่อน ดูมันกินถ้ามันอยู่ตรงนั้นเราก็เข้าไปจ๊ะเอ๋มัน เอาให้แมร่งช็อกหน้าหงายไปเลย แหม! ไม่ทันไรก็แอบมาอีกละ มาก็ไม่บอกซะด้วย” ขณะที่ไอ้เฟยกำลังวางแผนผมก็ยกโทรศัพท์โทร. หาไอ้เซียนอีกรอบดูว่าคราวนี้มันยังปิดเครื่องอีกรึเปล่า “ฮั่นแนะ ปิดเครื่อง! เดี๋ยวมึงเจอกูไอ้เซียน เดี๋ยวมึงเจอกู” พอพากันลงจากรถไอ้เฟยก็บ่นทันที “ไอ้แดนไมมึงมาจอดรถไกลจังเลยวะ” “เอ้ามึงจะบ้าเหรอ มาสืบนะเว้ย ไม่ต้องห่วงกูมีไอเท็ม” ผมเปิดท้ายรถหยิบเอากล้องส่องทางไกลมาอวด แล้วใช้ส่องไปที่ร้านโจ๊กทันที “ไม่เห็นว่ะ ไอ้เซียนไม่อยู่ว่ะ” “มึงลองมองรอบๆ ดิ๊” “ไม่มีว่ะ พลาดแล้วว่ะ เชี่ย! มันผิดจากที่กูเดาได้ไงวะ” “อะไม่เห็นก็ไม่เห็น จบ! เฟยมี่หิวแล้วงั้นเราก็ไปกินร้านนี้กันเถอะ” ได้ยินที่เอ็มมี่พูดผมนี่แทบจะร้องไห้แล้ว “มึงพากูกินอย่างอื่นดีกว่าไหม คือกูกินโจ๊กมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ กวยจั๊บกูก็กินมาเป็นอาทิตย์แล้วจากตู้เย็นไอ้เซียนมัน มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอก ไปกินอย่างอื่นเถอะถือว่ากูขอล่ะ!” กูกินจนเอียนกินต่อได้มีอ้วกอะ “โอ๋ๆ แดนผู้น่าสงสาร งั้นไปกินชาบูปะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” “ไป๊!” Dan End
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม