บทที่2 แม่บ้านมือใหม่
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นเช้าไปทำงานปกติ เมื่อเขาลงมาด้านล่าง ก็พบกับอาหารเช้าที่พร้อมเสิร์ฟวางอยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะเจ้านาย”หญิงสาวกล่าวทักทาย ถึงแม้ตอนนี้เธอจะมีอาการเมาค้างแบบสุดๆ แต่เธอจะให้เขามาว่าเธอไม่มีความรับผิดชอบไม่ได้
“รับกาแฟอะไรดีคะเจ้านาย”หญิงสาวถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย
“เหมือนเดิม”เขาแกล้งแหย่เธอแต่เช้า
“เหมือนเดิม? คือยังไง”เธอถามกลับด้วยอารมณ์ที่เริ่มปะทุ เขาจะยั่วโมโหเธอแต่เช้าเลยรึไง
“เธอก็ไปถามไอ้เวหาดูสิ ศึกษาอะรู้จักไหม”
“ค่ะ เจ้านาย”เธอเดินกระทืบเท้าออกไปด้วยความขุ่นเคือง
“พี่เวหา เจ้านายพี่เขากินกาแฟยังไงเหรอ”เธอเดินไปถามเวหาที่ลานจอดรถ
“น้ำมนต์ไม่ถามนายเองละ”
“ถามแล้วค่ะ แต่เจ้านายเขาให้มาถามพี่เอา”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กาแฟดำจ๊ะ”
“ช้ามาก ฉันจะได้กินไหมห๊ะยัยหนู”
“มาแล้วค่ะ”
“ไม่มาพรุ่งนี้เลยละ”
“ได้เหรอ”
“กวนไปแล้วยัยหนู”
“อยู่บ้านทำงานให้เรียบร้อยถ้าฉันกลับมาแล้วมีฝุ่นแม้แต่เม็ดเดียว ฉันให้เธอทำใหม่ทั้งคืนแน่”
“ค่ะ เจ้านาย”หญิงสาวตอบเขาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
หลังจากที่ชายหนุ่มออกไปทำงานเธอรีบทำงานบ้านให้เสร็จเพราะเธอปวดหัวจากการเมาค้างมากตอนนี้ อีกอย่างเธอต้องไปช่วยพ่อบริหารธุรกิจที่บ้านด้วย
“เสร็จสักที เหนื่อยเป็นบ้า”
“กลับบ้านไปช่วยพ่อดีกว่า ตอนเย็นค่อยกลับมา ไอ้ปีศาจไม่รู้หรอก”สิริมนตราเดินเข้าไปที่บ้านของเธอตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆแล้ว
“พ่อกินข้าวกัน”
“ไปไหนมาแต่เช้ายัยหนู พ่อเห็นรีบออกไป”
“เออ..ไปทำธุระแถวนี้แหละพ่อ”เธอพูดจาอ้อมค้อมไม่อยากบอกความจริงกับบิดาว่าไปเป็นแม่บ้านให้ชายหนุ่ม
“วันนี้คนเยอะเหมือนเดิมเลยนะพ่อ ดังใหญ่แล้วมั้งเนี่ย”
“ไม่ขนาดนั้นยัยหนู มีแต่ลูกค้าเก่าๆทั้งนั้น”
“กินๆ เดี๋ยวได้ไปทำงานต่อ”
“คนต่อไปเชิญจ๊า”หญิงสาวเรียกลูกค้าเรื่อยๆจนเหลือกลุ่มสุดท้าย
“มาทำไรของพวกแกเนี่ย”สิริมนตราเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวทั้งสามของเธอเดินเข้ามา
“ฉันก็มาดูดวงไง”กีรตาตอบ เธอเคยมาที่บ้านของสิริมนตราเป็นครั้งแรกแม้จะเป็นเพื่อนกันมาหลายปี แต่พวกเธอก็ไม่เคยมาบ้านของหญิงสาวเลย
“ฉันได้ข่าวว่าที่นี่แม่นมาก”พิมพ์ดาวเอ่ยเสริมขึ้นมา
“เอ่อ..แกได้ข่าวมาจากไหน”
“เขาพูดกันทั่วในวงการ ฉันไปงานเปิดตัวสินคนมาเมื่อวันก่อนก็ยังได้ยิน เขาว่ากันว่าพ่อหมออาคมแม่นโคตร”สิริมินตราไม่รู้จะพูดยังไงต่อ เธอไม่แน่ใจหรอกนะว่าพ่อของเธอจะดูดวงแม่นเหมือนข่าวที่เขาลือกัน
“สวัสดีค่ะพ่อ”ทั้งสามสาวยกมือไหว้บิดาของเพื่อนสาว เวลาที่ต้องทำรายงานกันดึกๆหรือไปทำกิจกรรมต้องกลับค่ำบิดาของสิริมนตราก็จะไปรับเธอบ้างในบางครั้ง ทำให้เพื่อนๆของเธอได้รู้จักบิดาของเธอไปด้วย
“เอ้า เพื่อนยัยหนูหนิ เพื่อนจะมาทำไมไม่บอกพ่อละยัยหนู”
“พวกมันก็ไม่ได้บอกหนูเหมือนกันพ่อ”
“อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันสิวันนี้”
“จะดีเหรอคะ”
“ดีสิพวกแกอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน”
“ตามนั้น”
“ก่อนถึงข้าวเย็นดูดวงให้หนูก่อนสิคะ หนูได้ข่าวว่าพ่อดูดวงแม่นมาก”กีรตาเอ่ยขึ้นเธอรู้เรื่องนี้มาจากแวดวงสังคมที่เธอไปงานทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสำนักนี้แม่นมาก หลังจากดูดวงเสร็จแล้วสาวๆก็มาช่วยกันทำกับข้าวในครัว
“อันนี้ต้องทำไงอะแก”พิมพ์ดาวถามขึ้นเธอหยิบผักขึ้นมาทั้งที่ไม่รู้ว่าผักอะไร
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ทั้งสาวหัวเราะให้กับท่าทางของพิมพ์ดาวที่เธอกำลังทำหน้างงๆกับผักตรงหน้า
“พวกแกไม่ต้องช่วยฉันก็ได้ นั่งรอกินเฉยๆเหอะ”
“ไม่เอาอะ ฉันอยากช่วย”พิมพ์ดาวที่ไม่ลดความพยายาม เธอไม่เคยเข้าครัวมาก่อนเธอเป็นลูกคุณหนูที่ไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง เธอเลยดูสนใจไม่น้อยกับสิ่งตรงหน้า
“ตามใจแกแล้วกันยัยพิมพ์”
“มาฉันสอนให้ แกหั่นลงไปอย่างนี้นะ สั้นๆไม่ต้องยาวมาก”
“ก็ง่ายดีออก”พิมพ์ดาวหั่นผักตามที่สิริมนตราบอก แต่หลังจากจากเธอหั่นผักเสร็จทุกคนก็ต้องอึ้ง
“เสร็จละ เรื่องง่ายๆ”พิมพ์ดาวบอกอย่างมั่นใจ”
“เอ่อ พิมพ์มันจะไม่ติดคอเราตายเหรอวะ”กีรตาถามขึ้นเมื่อเห็นผักนั้นยาวซะเป็นส่วนใหญ่
“อะไร นี่ฉันก็ทำตามที่ยัยน้ำมนต์บอกเป๊ะ ใช่มะน้ำมนต์”
“....”สิริมินตราไม่ตอบอะไรได้แต่ส่งยิ้มให้เพื่อนสาว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขนาดน้ำมนต์ยังไม่มีคำบรรยาย”กีรตาพูดขึ้นเมื่อไม่ได้ยินเสียงของน้ำมนต์ตอบกลับ
“ไม่เป็นไร ฉันว่ามันก็ไม่เสียหาย กินได้เหมือนกัน”นภัสสรที่ยืนเงียบอยู่เนิ่นนานพูดปลอบใจพิมพ์ดาว สิริมินตราและกีรตาได้แต่ส่งยิ้มให้กับนภัสสร
“ใช่แล้ว แกนี่เพื่อนรักของฉันของฉันจริงๆหนูนิด”พิมพ์พูดพร้อมเดินมาโอบไหล่นภัสสรไว้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ทั้งสี่สาวหัวเราะกันอย่างมีความสุข
สิริมนตรามัวแต่อยู่กับเพื่อนจนลืมดูเวลาไปเลยว่านี่เย็นมากแล้ว มันใกล้เวลาที่ชายหนุ่มจะกลับถึงบ้านแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน เขาสงสัยทำไมบ้านเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่
“ยัยหนู ยัยหนู”ชายหนุ่มตะโกนเรียกเธอเสียงดังลั่นบ้าน
“........”เงียบทุกอย่างเงียบกริบ นี่เธอหายไปไหนของเธอแอบอู้งานหนีกลับบ้านรึไง
หญิงสาวรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เธอรู้สึกเหมือนมีคนเรียกเธอ สงสัยเธอจะหูแว่วคิดไปเอง เธอจึงนั่งทานข้าวกับพ่อและเพื่อนของเธออย่างสนุกสนาน