5

1681 คำ
เช้าวันต่อมามณีรัตนตื่นตั้งแต่เช้ามืดโดยที่นาสเป็นคนมาปลุกและช่วยแต่งตัวทำผมให้กลายเป็นหญิงที่สวยงามและดูสูงศักดิ์ในพริบตา "ท่านหญิงงามมากเจ้าค่ะ ชายใดเห็นเป็นต้องขอเป็นภรรยาแน่เลยเจ้าค่ะ" หลังจากแต่งหน้า แต่งตัว ทำผมเรียบร้อยแล้วนาสเองยังตะลึงในความงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ดวงตาคมกลมโต จมูกโด่งรั้นขึ้นเล็กน้อย ปากกระจับสีแดงอย่างธรรมชาติ ผิวพรรณขาวราวกับไข่มุกและเนียนละเอียดผุดผ่องราวกับสาววัยแรกแย้ม นายเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร งามเสียจนหยุดหายใจ "เจ้าก็พูดไปเรื่อย ข้ายังสวยไม่ได้ครึ่งของผู้หญิงที่นี่ด้วยซ้ำ" เธอเริ่มคิดแล้วว่ายุคนี้มีทอมดี้เลสเบี้ยนอะไรรึเปล่าเนี่ย สาวใช้มองตามตลอดเวลาแล้วชมเธอยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก หรือว่านาสจะชอบผู้หญิงในยุคนี้นะ "ท่านหญิงก็...ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ป่านนี้อัสชาคงเตรียมม้ารอแล้ว" จะว่าไปแล้วทุกครั้งเธอชมหรือคนอื่นชมท่านหญิงมักจะไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก หรือว่าเมืองที่ท่านจากมามีแต่คนสวยๆรึเปล่านะ ถ้าเป็นอย่างนั้นที่นั้นคงเป็นสวรรค์แน่แท้ มณีขี่ม้าที่อัสชาเตรียมไว้ให้อย่างคล่องแคล่ว เธอชอบขี่ม้าเองเป็นที่สุดเพราะมันสนุกดี จนมาถึงสถานที่นั้น ที่นี่คงเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ที่ร่ายล้อมด้วยต้นไม้และสวนดอกไม้ นี่ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองเธอคงไม่เชื่อว่าทะเลทรายร้อนแรงขนาดนี้จะปลูกอะไรได้นอกจากกระบอกเพชรเท่านั้น "มีคนอื่นมาด้วยเหรอ?" มณีเห็นควันไฟลอยขึ้นมา อีกทั้งกลิ่นเนื้อย่างที่หอมยั่วน้ำลายเพิ่มด้วย "น่าจะมีขอรับ ที่นี่เป็นที่สวยงามท่านหญิงอย่าไปสนใจอะไรเลย มีคนบอกว่ายามพระอาทิตย์ขึ้นแล้วงามมาก สวนดอกไม้พวกนี้จะงดงามราวกับอัญมณีที่เปร่งประกายระยิบระยับเล่นแสงได้อย่างงดงามเลยนะขอรับ" อัสชารายงานเพิ่มถึงสิ่งที่รู้ ท่านหญิงชอบท่องเที่ยวดูอะไรไปเรื่อยๆแล้วใช้ความคิดคนเดียวเงียบๆ บางครั้งก็สงสัยว่าท่านหญิงคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ถามไปก็ใช่ว่าจะได้รับคำตอบ เขาปล่อยให้ท่านหญิงเดินตามใจโดยที่เขายืนดูอยู่ๆห่าง "ข้าจะไปฝั่งโน้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่แหละ อีกเดี๋ยวค่อยกลับกัน" มณีรัตนหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินเล่นไปตามทางที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นดอกไม้ผลิบาน จนในที่สุดพระอาทิยต์ขึ้นสักที หยดน้ำที่เกาะดอกไม้เปร่งประกายระยิบระยับจับตาเลย "นี่มันสวรรค์ชัดๆ" มณีรัตนพูดออกเหมือนคนละเมอ แต่มันสุดยอดจริงๆ เธอมองด้วยความรู้สึกสุขสงบและทิ้งเรื่องที่ทำให้คิดมาก "หากที่นี่คือสวรรค์เจ้าก็คงเป็นนางฟ้าแล้วล่ะ" ฟาโรห์เซเนติเดินมาอย่างเงียบกริบทันทีที่เห็นเธอยืนนิ่งมองหมู่มวลดอกไม้งดงาม หรือว่านี่จะเป็นพรหมลิขิตขององค์เทพให้ได้เจอเธออีกครั้ง "เสียงคุ้นๆแบบนี้หรือว่า...เซเนติ!" ไม่ต้องคิดมากอะไรเพราะเจ้าของเสียงยืนอยู่หลังเธอ เดินมาตอนไหนเนี่ยทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย "วันนี้เจ้างามราวเทพธิดา ข้าดีใจยิ่งหนักที่ได้เจอเจ้าอีกครั้ง" ไม่เจอกันนานยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและดูสง่าขึ้นได้อย่างประหลาดใจ "แต่ข้าไม่ดีใจสักนิด!" เธอยังจำได้ว่าชายชุดดำพวกนั้นเป็นคนของเขา ดังนั้นเขาน่าจะมีจุดประสงค์แอบแฝงบางอย่างอยู่แน่ๆ "บางทีอาจเป็นเพราะทวยเทพทำให้เจ้ากลับมาเจอข้าอีกครั้ง" หากเป็นจริงเขาจะสวดบูชานับร้อยครั้ง แต่ถ้าจะดีกว่านี้คือเธอมองเขาเหมือนเดิม "งั้นเทพเจ้าคงเกลียดข้าแน่ที่ทำให้เจอคนที่ไม่อยากเจอ!" เทพเจ้าบ้าบออะไรเล่าที่ทำให้ต้องเจอผู้ชายคนนี้อีก เธอไม่ขอบคุณอะไรทั้งนั้นหรอก แต่ถ้าจะใจดีก็ช่วยส่งเธอกลับบ้านสักทีเถอะ เธอไม่อยากอยู่ในยุคสมัยนี้ถึงจะปรับตัวได้ แต่ว่าในโลกอนาคตที่เธออยู่มันสะดวกสบายมากยิ่งกว่า "แต่ข้าปราถนาจะพบเจ้า หากได้พบเจอทุกวันคงดีกว่านี้" หากว่าต้องการให้เธอมาอยู่ด้วยมีเหรอจะทำไม่ได้ แผนดินนี้ไม่ผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าฟาโรห์ แต่เพราะท่าทางดื้อดึงเลยไม่อยากจะบังคับให้เคืองใจกันมากไปกว่านี้ "ข้าคงต้องกลับแล้ว หวังว่าคงไม่เจอกันอีกนะเซเนติ " มณีรัตนหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่า เขาเองห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วเช่นกัน ความต้องการจะครอบครองอันแรงกล้ามากกว่าที่ผ่านมา เพียงแค่ได้พบเจออีกครั้งก็เผลอคิดไปถึงการได้ทาบทับและคลอเคลียอย่างเร่าร้อนจนอ่อนแรง จับมือเธอดึงมาในอ้อมกอดแน่น แล้วจูบด้วยสัมผัสที่อ้อนโยนจนหญิงสาวอ่อนระทวยไปกับจูบแรก เผียะ!!! "ท่านมันคนเลวที่สุด!" มือบางตบใบหน้าหล่อเต็มแรงด้วยความโกรธมาก ก่อนจะเช็ดปากออกด้วยความรังเกียจ ฟาโรห์เซเนติดึงตัวเธอมากอดจูบอีกครั้งด้วยความเร่าร้อนและรุนแรงมากขึ้นเพื่อลงโทษเธอที่บังอาจตบพระพักต์ ไม่เคยมีผู้ใดทำแบบนี้มาก่อน จูบร้อนแรงแต่ต่างความรู้สึกเริ่มอ่อนนุ่นลงอย่างน่าใจหายทั้งที่เธอทำผิดอย่างมหันต์ แต่ตัวเขาเองกลับไม่สามารถต้านทานเธอได้เลย มณีรัตนเกิดมาเพื่อเป็นของพระองค์ ความรู้สึกในอกที่ชัดเจน "ข้าเกลียดท่านเซเนติ!" มณีรัตนผลักเขาออกด้วยความโกรธมากกว่าเดิม แล้วหันหลังวิ่งกลับไปอย่างว่องไวและรวดเร็วมาก เธอเกลียดเขามาก แม้แต่หน้าก็ไม่อยากมอง "แต่ข้ารักเจ้า" แม้รู้ว่าสิ่งที่เธอทำเป็นสิ่งที่เกินอภัยได้ แต่หัวใจที่แข็งแกร่งกลับบอบบางจนสั่นสะท้านเพียงแค่ได้ยินคำว่าเกลียด เขาทำได้แค่มองเธอวิ่งหนีไปจนลับสายตาถึงได้กลับที่พัก "ข้าเจอนางแล้ว" ซีนอร์สขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจกับน้ำเสียงขององค์ฟาโรห์หมองลงไปมาก ทั้งที่พระองค์น่าจะดีใจที่ได้พบท่านหญิงผู้นั้นอีกครั้ง "เกิดอะไรขึ้นขอรับ" ฮอร์รัสก็แปลกใจเพราะพระองค์อยากเจอนางผู้นั้นตลอดเวลาที่นางหายไป "พวกเจ้าว่างมากนักรึไง! ไปเตรียมเรือให้พร้อมข้าจะกลับแล้ว" แม้เสียงจะไม่ดังมากแต่ทหารรับใช้คนสนิทย่อมรู้ว่าพระองค์ทรงอารมณ์ไม่สู้ดีเท่าไรนัก จนต้องรีบขอตัวแยกย้ายไปจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับเดินทาง ไม่มีใครอยากเผชิญพายุอารมณ์ขององค์ฟาโรห์แน่เพราะน่ากลัวเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นระหว่างองค์ฟาโรห์กับท่านหญิง เหตุใดถึงเกรี้ยวกราดขนาดนี้ ในขณะมณีรัตนขี่ม้ากลับบ้านโดยไม่พูดกับใครสักคน เธอจะไปในเตรียมตัวสำหรับเดินทางต่อในทันทีไม่รีรออะไรทั้งสิ้นแล้ว แต่ใบหน้างามที่บึ้งตึงบอกอารมณ์ได้หมดทุกอย่างดี "ท่านหญิงท่านรับขนมหวานหน่อยนะเจ้าคะ" "วางไว้ตรงนั้นแหละแล้วก็ออกไป" เธอไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย แค่ใครมากวนอารมณ์ในตอนนี้ก็พร้อมจะเหวี่ยงวีนโวยวายใส่ตามนิสัยเดิมของเธอ ดังนั้นอยู่คนเดียวสักพักน่าจะดีกว่า "แต่ท่านหญิง..." นาสยังพูดไม่ทันจบมณีรัตนก็พูดแทรกมาก่อนด้วยน้ำเสียงแข็ง "ข้าบอกให้ออกไปไง!" มณีรัตนไล่ซ้ำด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดเต็มที่จนได้ยินเสียงปิดประตูไม่ดังมาก เธอทรุดลงที่พื้นพรมรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดแรง ถ้าจะบอกว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านมาก แต่หนทางมันยาวไกลมากใครจะช่วยเธอได้ล่ะ เธอมองไม่เห็นเลยว่าจะกลับยังไง รู้แค่ทับทิมเส้นนี้คือกุญแจ "ว่ายังไงท่านหญิงตอบอะไรหรือไม่?" อัสชารีบถามอย่างเป็นห่วงมาก "ข้ายังไม่ได้ถามอะไรเลยสักคำท่านหญิงก็ไล่ตะเพิดข้าออกมาแล้ว" นาสตอบอย่างกรุ่มใจเพราะนี่คือครั้งแรกที่เห็นความเกรี้ยวกราด " เดี๋ยวท่านหญิงอารมณ์ดีขึ้นเจ้าค่อยเข้าไปใหม่แล้วกัน อีกอย่างไม่นานก็ถึงเมืองหลวงแล้ว" อัสชายิ้มใหกำลังใจก่อนจะเดินไปคุยลูกน้องต่อ "เจ้าเทรัสไม่เป็นห่วงท่านหญิงเลยรึ?" ถึงแม้จะรู้ว่าเทรัสเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่ว่าท่านหญิงอารมณ์เสียขนาดนี้น่าจะออกความคิดเห็นอะไรบ้างสิ "ข้าก็ห่วง แต่ท่านหญิงคงมีเหตุผลของตัวเองที่จะเล่าหรือไม่เล่าให้พวกเราฟัง จงอย่าลืมว่าเราเป็นทาส" เทรัสพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้นาสคิดเอง "เจ้าเทรัสบ้านี้หลอกด่าข้ารึไง" หลังจากเดินทางมาสองอาทิตย์เต็ม ทุกอย่างเหมือนเดิมคืออัสชาเดินทางไปซื้อบ้านรอล่วงหน้าเพื่อเตรียมที่พักรอท่านหญิงมณีรัตนมาพัก แต่ครั้งนี้แปลกไปกว่าเดิมตรงที่ให้เทรัสไปด้วยเพราะอยากได้ที่สงบๆผู้คนไม่พลุกพล่าน เทรัสเลือกบ้านพักน่าจะถูกใจ "เจ้าว่าข้าจะอยู่นี้กี่เดือนดี?" มณีรัตนเอ่ยปากถามนาสในระหว่างที่เดินสำรวจบ้านพัก ครั้งนี้บ้านใหญ่โตมากและมีสวนดอกไม้ส่วนตัวอยู่ "ตลอดไปเลยไม่ได้หรือเจ้าคะ" "ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องหาสามีที่นี่แล้วล่ะ" มณีรัตนพูดติดหัวเราะในความคิดแปลกๆของตัวเอง จนนาสหัวเราะตามกับความคิดนี้ แต่เธอไม่คิดจะหาสามีที่นี่หรอก เธอหาทางกลับบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม