“มุกกลับแล้วนะคะเฮีย”
“อืม”
“…” แม้แต่หางตายังไม่หันมองแล แล้วเธอจะคาดหวังไปทำไมว่าเฮียคิเรย์จะต้องเดินลงไปส่งข้างล่าง มันก็เหมือนทุกครั้งอยู่แล้วที่เขาปฏิบัติต่อเธอราวธาตุอากาศ ไร้ตัวตน จะมีเลือดเนื้อและความรู้สึกบ้างก็แค่ตอนอยู่บนเตียง
มุกดาเรียกรถแท็กซี่มาลงร้านอาหารตามสั่งร้านประจำไม่ไกลจากคอนโดเฮียนัก เป็นร้านที่เธอมาฝากท้องบ่อยๆ เวลามาหาเฮียที่คอนโด ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดงานและมุกดาไม่มีแพลนไปเที่ยวไหนหรือทำธุระอะไรอยู่แล้ว
เอาจริงๆ เธอรอข้อความของเฮียคิเรย์แค่คนเดียว พอเขารู้ว่าเธอได้วันหยุดก็เรียกให้ไปหา มุกดาไม่แม้แต่อิดออดคิดเสียเวลาเพราะต้องการอยู่กับเฮียตามลำพัง แม้รู้เต็มอกว่าที่เขาต้องการตัวเธอก็แค่เรื่องอย่างว่า
ขลุกตัวใช้แรงในห้องกันตลอดทั้งวัน ข้าวปลาไม่ตกถึงท้อง ซ้ำตอนออกจากห้องเฮียไม่ได้ถามไถ่เกี่ยวกับปากท้องเธอสักคำ ต้องเข้าใจคอนเซ็ปท์น้ำแตกแล้วแยกย้าย เธอถึงได้ลงเอยด้วยการนั่งกินข้าวคนเดียวเหงาๆ นี่ไง
ครืด! ครืด!
สมาร์ตโฟนเคสสีดำตัดกับเล็บเรียวยาวสีแดงสดของเจ้าของยามยกขึ้นแนบใบหู กรอกน้ำเสียงหวานคุยกับปลายสาย
“เฮียตินโทรมามีอะไรคะ”
(จะมีอะไรอีกคะ เฮียคิดถึงน้องมุกน่ะสิ) น้ำเสียงอีกฝ่ายที่โต้กลับเห็นทีจะหวานหยดย้อยกว่าเธอมาก
(วันนี้วันหยุดของน้องมุกใช่ไหม งั้นหนูก็น่าจะว่าง หนูอยู่บ้านรึเปล่าเดี๋ยวเฮียไปรับ) เขารัวคำพูดจนเธอตามเกือบไม่ทัน
“เฮียจะมารับมุกทำไมคะ”
(พวกเฮียจะไปดื่มกันที่ผับไอ้คิเรย์ หนูมาคุมเฮียหน่อย เผื่อเฮียเมา นะคะ) เป็นนะคะที่เสียงอ้อนมาก แต่มุกดาไม่ได้คล้อยตาม ยังชั่งใจขบคิดกับคำชวนนั้น
ผับเฮียคิเรย์เหรอ หากเธอตอบตกลงก็จะได้เจอเขาอีกครั้ง แม้คนที่ชวนจะไม่ใช่คนที่เธอต้องการก็ตาม
(นะคะน้องมุก)
“ก็ได้ค่ะ” มุกดาตอบรับคำชวนและส่งพิกัดที่เธออยู่ในตอนนี้ให้เขา
(เฮียคิดว่าหนูอยู่ที่บ้านนะเนี่ย มีธุระแถวนั้นเหรอคะ ใกล้คอนโดไอ้คิเรย์พอดีเลย) ลืมไปว่าเขาเป็นคนขี้สงสัย
ด้วยระยะทางบ้านของเธอและคอนโดเฮียคิเรย์เรียกได้ว่าอยู่คนล่ะอำเภอ แม้แต่สถานที่ทำงานของเธอคือคลับของคุณพายัพ หนึ่งในเพื่อนสนิทแก๊งเดียวกับเฮียคิเรย์ก็อยู่ใกล้ที่พักเธอเหมือนกัน เฮียตินจะแปลกใจหลังเห็นพิกัดที่เธอส่งไปก็คงไม่แปลก
มุกดาอ้ำอึ้งนิดหน่อยพลางรีบคิดหาคำตอบ
“มุกมาหาเพื่อนน่ะค่ะ หรือว่าเฮียจะให้มุกไปรอที่ผับเฮียคิเรย์เลยคะ”
(ไม่ต้องเลย เดี๋ยวหนูก็ชิ่งหนีเฮียไปอีก เฮียไปรับเองดีกว่าค่ะ รอก่อนนะคะ”
“ค่ะเฮีย” วางสายแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
‘มาร์ติน’ เสือผู้หญิงตัวพ่อที่ไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้คนหล่อโคตรๆ อย่างเขามาชอบเธอ ถึงขนาดตามจีบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ บอกกับใครต่อใครว่าเธอคือคนที่ใช่
มิหนำซ้ำเขายังเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทแก๊งเดียวกับเฮียคิเรย์ คนที่เธอมีความสัมพันธ์ลับๆ มาอย่างยาวนาน และเฮียตินนี่แหละเป็นคนทำให้เธอกับเฮียคิเรย์ต้องสร้างสัมพันธ์พวกนี้ขึ้นมา ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่..
ในเวลาต่อมารถยุโรปคันคุ้นตาของมาร์ตินก็จอดเทียบหน้าร้านอาหารตามสั่ง เขารีบลงมาเปิดประตูรถให้มุกดาทันทีที่เห็นหญิงสาวยืนรออยู่ สีหน้าชายหนุ่มแลดูอิ่มเอิบมีความสุข ปล่อยพลังบวกสร้างรอยยิ้มแก่ผู้พบเห็นเสมอ
“เอ่อ มุกคาดเองได้ค่ะเฮีย” หากแต่หนึ่งในนั้นไม่ได้รวมมุกดาอยู่ด้วย แม้มาร์ตินคือชายหนุ่มรูปงามและเป็นที่หมายปองของเหล่าสาวๆ รอยยิ้มละมุนที่มักกระชากใจใครต่อใครให้เหลวเป็นน้ำ มันใช้ไม่ได้กับมุกดา กลับกันแล้วอยู่กับเขา..มีแต่อึดอัด
“ก็ได้ค่ะ” มาร์ตินยอมให้มุกดาคาดเข็มขัดเองตามที่เธอต้องการ ไม่วายมือสากจับแก้มนิ่มเบาๆ แสดงความมันเขี้ยวปนคิดถึง
ต่อหน้ามุกดาฝืนยิ้มแห้ง แต่เขาคงไม่ทันสังเกตเห็นว่าลับสายตาแล้วเธอมีสีหน้าจืดเจื่อนมากแค่ไหน
ผับคิเรย์ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่เฉกเช่นคลับหรูของพายัพ แต่ทำเลที่ชายหนุ่มเลือกคือชานเมืองติดแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศวนเวียนเข้าออกหาความสนุกยังสถานบันเทิงแห่งนี้เป็นว่าเล่น ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจนแทบไม่ต้องทำธุรกิจอื่นเพิ่ม
หากแต่นั่นก็ไม่ใช่คิเรย์ เพราะนอกจากผับที่เป็นธุรกิจของตัวเอง ก็ยังมีธุรกิจโรงแรมของคุณย่าที่ท่านทิ้งไว้ให้หลานรักอย่างเขาก่อนจะลาสิ้นจากไป ไหนจะธุรกิจยิบย่อยที่เขาเป็นหุ้นส่วนในองค์กรอีก
พูดถึงองค์กรแล้วก็คงข้ามผ่านไม่ได้ มันคือส่วนหนึ่งในชีวิตเขา ตัวตนและจิตวิญญาณอีกด้านที่เขาทุ่มเทมากกว่าสิ่งอื่นใด ‘แบล็ดเรด’ องค์กรมาเฟียอันดับต้นๆ ของไทยที่รวบรวมเหล่านักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลชื่อดังไว้ด้วยกัน คิเรย์และเหล่าเพื่อนๆ คือหนึ่งในสมาชิกขององค์กรนี้
พวกเขาก่อตั้งมันด้วยกันมาตั้งแต่เป็นพวกหัวโปกไม่มีคนรู้จักจนชื่อเสียงเรียงนามแผ่ขยายเต็มไปด้วยอำนาจ มันคือหนึ่งในความภูมิใจของเขา
“ผับมึงนี่คึกคักดีเนอะ มาทีไรคนแม่งเยอะตลอด” ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงมาร์ตินเอ่ยขึ้น เขาคือแฝดพี่ผู้มีนิสัยต่างจากแฝดน้องสุดขั้ว
‘มาร์คัส’ นี่คือชื่อของเขา
“ทำเลดีก็งี้” เจ้าของผับยกยิ้มตอบ กรอกน้ำเมาเข้าปากราวน้ำเปล่า สายตาที่กวาดมองผู้คนในผับมิวายหันมาชายตาแลสองหนุ่มสาวข้างๆ ที่นั่งกระหนุงกระหนิงโต๊ะเดียวกันนานสองนาน
เห็นแล้วก็..ขัดหูขัดตาพอสมควร
“น้องมุกดื่มน้อยจัง กลัวเมาเหรอคะ”
“ถ้ามุกเมาแล้วใครจะขับรถให้เฮียล่ะคะ”
“ก็ไม่ต้องขับค่ะ ค้างที่นี่แทนไง ผับไอ้คิเรย์มีห้องข้างบนด้วยนะน้องมุกรู้ไหม” น้ำเสียงที่ใช้ สายตาที่มอง แถมยังขยับแนบชิดจนตัวติดกันเป็นปลิง คิเรย์มองแล้วก็ต้องเบนสายตาคมกล้าของตัวเองมองอย่างอื่นแก้เลี่ยน
“เบาได้เบา มึงจะมอมเหล้ามุกดารึไง” ‘พายัพ’ เจ้านายของมุกดาเอ่ยปรามเพื่อนไม่จริงจังนัก ด้วยรู้นิสัยจอมกะล่อนขี้แกล้งของมาร์ตินเป็นอย่างดี
คนอย่างมันถ้าคิดจะรวบหัวรวบหางจริงๆ ก็คงทำไปนานแล้ว แต่กับคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษจนทำให้มันไม่กล้าคิดไปในทางแบบนั้นกับเธอ มีแต่จะถนอมและหยอกเล่นมากกว่า
แต่ก็กลัวว่าหยอกมากๆ ไก่จะตื่นเสียก่อน..
“มึงก็พูดจาเลอะเทอะ เดี๋ยวน้องกลัวกูกันพอดี” มาร์ติน กลั้วหัวเราะในลำคอ สายตาพราวระยับจ้องมองคนตัวเล็กข้างกาย ที่เขาขอให้เธอมาช่วยคุมพฤติกรรมไม่ให้ดื่มเยอะจนเกินไป
ทว่าเอาเข้าจริงตอนนี้กลับยกแก้วไม่หยุด แค่เห็นหน้าสวยๆ ของมุกดาก็อยากเมาจะได้อ้อน มาร์ตินชอบเวลาที่ได้วอแวคนน้องจนเธอแก้มแดงแจ๋ เป็นอะไรที่โคตรน่ารัก
ไม่ช้าไม่นานก็เมาสมใจอยากจริงๆ มุกดาต้องหิ้วปีกร่างสูงลงมาที่รถด้วยกัน ทุลักทุเลจนเกือบจะล้มกลิ้งตั้งหลายรอบ
“กุญแจล่ะคะเฮีย” ถามหากุญแจรถเพราะเฮียตินเป็นคนขอให้เธอขับไปส่งยังโรงแรมที่เขาพักอาศัย ปกติเวลาเฮียตินมาที่นี่ มาหาเพื่อนหรือมาหาเธอก็ตาม เขาจะพักโรงแรมในเครือของแบล็คเรด องค์กรธุรกิจมีเหล่ามาเฟียหลายร้อยชีวิตเป็นสมาชิก
มุกดาจำทางไปโรงแรมได้ขึ้นใจ เธอเคยไปหลายครั้ง แค่ไปและกลับ ไม่เคยนอนค้าง อย่าได้คิดไปในทางแบบนั้นเชียวล่ะ
“น้องมุก..” คนเมายิ้มตาลอย มือหนาป้วนเปี้ยนกับข้อมือเรียวเล็ก ช้อนสายตาหยาดเยิ้มมองร่างบางซึ่งยืนนอกประตูรถ ส่วนเขานั้นนั่งตัวโงนเงนบนเบาะ
“เฮียติน มุกขอกุญแจ”
“คุยกับเฮียก่อน”
“จะคุยก็ต่อเมื่อเฮียให้กุญแจมุก” ท่าทางของเธอเวลาต่อรองอะไรกับเขาสักอย่างมันน่ารักจนใจเจ็บ
มาร์ตินยอมล้วงกุญแจรถหรูส่งให้คนน้อง จากนั้นมุกดาก็โน้มตัวคาดเข็มขัดให้เขาจนจมูกชายหนุ่มสัมผัสกลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอ แววตาหวานเยิ้มยังคงจ้องหน้าสะสวยไม่ละสายตา
“ดูแลเฮียดีขนาดนี้ มีใจให้เฮียแล้วใช่ไหม” ถามอย่างคนมีความหวัง มุกดาทำเพียงแค่นยิ้มกลับไม่ได้ตอบอะไร มาร์ตินจึงถือวิสาสะลูบแก้มนิ่มทำเอาร่างบางสะดุ้ง
จะจับมือเขาออกทว่ากลับถูกมือหนาฉุดดึงเข้าหาตัว เรี่ยวแรงชายทำเธอเซถลาจนหัวเกือบชนขอบหลังคารถ ลำตัวโน้มหาเขาแค่อีกนิดเดียวเกือบได้ขึ้นคร่อม
ระยะระหว่างเราใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์ของมาร์ตินชัดเจนเต็มสองรูจมูก
“น้องมุกเปิดใจให้เฮียหน่อยเถอะ เฮียตามจีบหนูมานานแล้วนะ” เขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่หารู้ไม่ว่าคนฟังอย่างมุกดาอึดอัดใจมากแค่ไหน
“เฮียปล่อยมุกก่อนค่ะ”
“ไม่..น้องมุกบอกเฮียมาก่อนสิว่าเราเป็นอะไรกัน” ทั้งที่เมาขนาดนี้แต่ยังรั้นจะคุยเรื่องความในใจ ไม่ดูเวล่ำเวลาว่ามันสมควรหรือเปล่า มาร์ตินก็แค่อยากได้รับความชัดเจนจากคนตัวเล็กบ้าง
เขากำลังทำในสิ่งที่มุกดาไม่ชอบ แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงปฏิเสธเขาไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เขาตามจีบนานมาจนถึงทุกวันนี้