HUNTED STEP 04-01
AMPARE TALK
ฉันเลือกที่จะหยุดปัญหาทุกอย่างแล้วหนีมาเที่ยวที่พัทยาด้วยตัว
คนเดียว ฉันเบื่อทุกอย่าง ปล่อยให้ปัญหามันคาราคาซังแบบนั้นสักสองสามวันก็แล้วกัน อยากมาเที่ยวที่ไม่มีใครรู้จักฉันบ้าง อยากนั่งจิบเบียร์คนเดียวแล้วปล่อยความคิดไปกับธรรมชาติ
หน้าหาดยามเย็นที่เงียบสงัดแห่งนี้มีเพียงฉันนั่งถือกระป๋องเบียร์อยู่ลำพัง สายตามองตรงไปเบื้องหน้ายังเส้นขอบฟ้าที่จรดกับขอบทะเลและไกลสุดลูกหูลูกตานั่น
ฉันมาทะเลครั้งสุดท้ายเมื่อสามปีก่อนกับพี่ซี...
จำได้ว่าตอนนั้นทะเลมันสวยกว่านี้นี่นา...
เมื่อนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงามเสร็จ ฉันก็ลุกขึ้นยืนสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ก่อนจะก้มเก็บกระป๋องเบียร์ไปทิ้งแล้วเดินไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารทะเลริมหาดต่อ ช่วงนี้น้ำหนักฉันลดไปตั้งห้ากิโลกรัมแน่ะ ทั้งที่ก็รู้สึกว่ากินปกตินะไม่ได้ลดลงแค่ช่วงก่อนเที่ยวหนักไปหน่อย
อาหารหลายอย่างที่ฉันสั่งถูกลำเลียงมาเสิร์ฟล้วนแต่น่ากินทั้งสิ้น กุ้ง หอย ปู ปลา นับว่าครบเลยก็ว่าได้
ฉันนั่งกินอาหารอย่างเพลิดเพลิน นานๆทีจะได้มานั่งกินอะไรจุใจแบบนี้สักที วันนี้ฉันมาพักผ่อนที่นี่เป็นวันที่สองแล้วล่ะ สองวันมานี้ก็กินเยอะแบบนี้เลย การได้กินอาหารที่อยากกินนี่มันก็คือความสุขอีกอย่างหนึ่งนะ
ชอบจัง
“เช็กบิลด้วยค่ะ”
เมื่ออิ่มท้องก็สั่งเช็กบิลทันที จริงๆฉันแอบห่วงนิดหน่อยเพราะไม่ได้หยิบมือถือออกมาด้วย กลัวว่าที่ร้านจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือปัญหาที่ค้างคาอยู่แก้ไขไปได้ถึงไหนแล้ว เลยไม่กล้าที่จะนั่งที่นี่นานไปกว่านี้
“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นจ่ายให้เรียบร้อยแล้วครับ”
“คะ?”
ฉันหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่ส่งยิ้มหวานมาให้และฉันก็ส่งยิ้มให้เขาเช่นกัน
“อาหารโต๊ะเขาเท่าไหร่อะคะ? เดี๋ยวฉันจ่ายของเขาคืน”
“พี่เขาบอกว่าถ้าถามแบบนี้...”
“นี่นะคะเงิน ฝากขอบคุณเขาด้วย”
มุกตื้นๆ รู้ว่าเขาฝากอะไรมาบอก รู้ด้วยว่าในมือพนักงานเป็นกระดาษที่เขาเขียนเบอร์หรือไลน์เอาไว้แล้วฝากมาให้ฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากเล่นกับใครทั้งนั้น เพิ่งโดนตบมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้ายังไม่หายบวมเลย คิดไว้แล้วว่าช่วงนี้จะพักแย่งผู้ชายของชาวบ้านแล้วมาเคลียร์งานให้มันเสร็จก่อน ที่ฉันเล่นด้วยก็คาราคาซังอยู่หลายคน รอให้ล็อตนี้เลิกกับแฟนก่อนค่อยว่ากัน
ต่อให้ฉันหยุดทำเรื่องแบบนั้นแล้วแต่ผู้ชายพวกนั้นก็ไม่หยุด พวกเขายังคงตามตอแยไม่เลิก แล้วฉันไม่ค่อยจะปฏิเสธเหยื่อของตัวเองด้วยสิ มีไว้แก้เหงาเป็นครั้งคราวไป
สองเท้าเดินกลับไปยังที่พักของตัวเอง สายตามองผู้คนที่นั่งสังสรรค์กันตามร้านอาหารริมทาง ค่ำคืนแสนสนุกของคนอื่นๆ แต่สำหรับฉันการได้อยู่กับตัวเองคือการพักผ่อนต่างหาก
แกร๊ก
Rrrrrrrrr
เพียงแค่เปิดประตูห้องพักเข้ามาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องดังระงม และแน่นอนว่าเครื่องหนึ่งสายเรียกเข้าเป็นพี่ซี ส่วนอีกเครื่องเป็นน้องที่ร้าน ซึ่งฉันต้องรับสายน้องเรื่องงานอยู่แล้ว
“ฮัลโหลมิน”
[พี่แอมป์คะ ทำไมไม่รับสายมินเลย..]
“พี่ไม่ได้อยู่กับโทรศัพท์น่ะ ที่ร้านมีอะไรรึเปล่า”
[ลูกค้าที่แพ้ครีมเรา มีคลินิกหนึ่งรับเคสนี้ไปรักษานะคะ แล้วลูกค้าเลือกที่จะรักษากับทางนั้น ปฏิเสธคลินิกที่เราดีลไว้ค่ะ พี่แอมป์จะให้มินจัดการยังไงต่อดีคะ]
“เดี๋ยวมินส่งรายละเอียดคลินิกนี้มาให้พี่ทีนะ พี่จะจัดการต่อเอง ฝากขอบคุณทีมเราทุกคนด้วย”
ฉันกดวางสายไปก็คิดตามที่มินบอกทีละอย่างอีกครั้ง และสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปนี้คือต้องไปขอบคุณคลินิกนั้นสักหน่อย เอาเป็นว่าต้องกลับกรุงเทพพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ ตอนบ่ายก็ไปที่คลินิกนั้นเลย เรื่องกระแสด้านลบมันคงค่อยๆหายไปเองนั่นแหละเนอะ ในเมื่อทางฉันก็รับผิดชอบเท่าที่ฉันจะทำได้แล้ว ต่อไปก็ต้องทำการตลาดโปรโมทให้มากกว่าเดิม
สายตาเหลือบไปเห็นเบอร์โทรเข้าของโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งเปลี่ยน
ไปจากเมื่อครู่ จากพี่ซีเป็นนายองศา ฉันจึงกดรับสายทันที เพราะฉันจะรับสายแทบทุกสายที่โทรเข้ามายกเว้นพี่ซีคนเดียว
“ว่าไงองศา”
[อยู่ไหนอะ มาเที่ยวทะเลกับฉันไหม?]
ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับสิ่งที่เขาพูด อย่าบอกนะว่า...
“นี่นายตามฉันมาถึงพัทยาเลยเหรอ?”
[อ้าว เธออยู่พัทยาเหรอ? อยู่ตรงไหนอะ ฉันก็อยู่พัทยา]
“นายมาทำอะไร”
[มาส่งอันนามาเที่ยวกับเพื่อน เธออยู่ไหนฉันจะไปหา มานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ ฉันหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว]
น้ำเสียงที่แข็งกร้าวเปลี่ยนไปกลายเป็นเสียงอ้อนแทน นึกหน้าเขาออกเลยแฮะว่าตอนนี้จะทำหน้าแบบไหนอยู่
“ฉันเพิ่งกินข้าวเสร็จ ขี้เกียจจะออกจากห้องไปนั่งตากลม”
[ส่งโลเคชั่นมาในไลน์ ถ้าไกลฉันก็ไม่ไป]
ถ้าไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนเขาก็คงจะตี๊อไม่เลิกสินะ ฉันจัดการเปิดสปีคเกอร์โฟนแล้วส่งโลเคชั่นไปตามที่เขาต้องการ
“อืม ส่งไปละ”
[บ้าเอ๊ย ฉันอยู่ห่างจากรีสอร์ทที่เธอพักนิดเดียวเอง โลกกลมไปรึเปล่าทำไมเรายังมาเจอกันที่นี่อีก? เพราะเธอชอบฉันอยู่แน่ๆเลยแอมแปร์]
“พูดเพ้อเจ้ออะไรของนายอยู่”
ฉันกดวางสายไปทันทีเมื่อองศาเขาเริ่มจะเพ้อเจ้อไม่เข้าท่า อยู่กับเขาไปมากๆก็ไม่รู้ว่าอันไหนพูดเล่นพูดจริงเหมือนกัน เพราะฉันก็เห็นเขายิ้มให้กับทุกการกระทำของตัวเอง ยิ้มได้ตลอดเวลา
เมื่อมีเวลาว่างฉันจึงไล่ตอบไลน์หนุ่มๆในสต๊อกเป็นการบริหารเสน่ห์ ช่วงนี้เจอแต่เรื่องเลยไม่ได้เข้ามาคุยกับใครเท่าไหร่นัก การนัดเจอหนุ่มๆเลยลดน้อยลงไปมาก สืบเนื่องมาจากเที่ยวน้อยลงด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยได้เจอใคร นอกเสียจากว่าใครที่ว่าจะมาหาฉันเองล่ะก็นะ
แต่คิดไปคิดมา ฉันเริ่มจะสบายใจกับการอยู่กับตัวเองแล้วสิ เนี่ย อย่างครั้งนี้มาเที่ยวคนเดียวถึงจะเหงาแต่ฉันแฮปปี้ดีเหมือนกันนะ แต่การได้อยู่กับผู้ชายสักคนมันก็ดีไปอีกแบบแหละ ท้าทายดีว่าแฟนเขาจะจับได้ตอนไหน หึๆ ยิ่งถ้าได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับแฟนชาวบ้านแล้วล่ะก็ มันสะใจชะมัดเลย
ก๊อก ก๊อก
“หนู ป้าเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้จ้า!!”
ฉันมองไปที่ผ้าห่มผืนใหญ่อย่างไม่เข้าใจว่าแม่บ้านจะเอามาเพิ่มให้ทำไมอีก ฉันเองก็อยู่คนเดียว ห่มผืนเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? สองขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปยังประตูหน้าห้องก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูทันที
“หนูไม่ได้ขอนะคะ ผืนเดียวก็พอค่ะไม่หนาวมาก”
“พ่อหนุ่มคนนี้เขาขอมาน่ะ”
เมื่อคุณป้าเอี้ยวตัวทำให้ร่างชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น...
รู้ใช่ไหมว่าใคร?
“แฮ่ๆ”
องศาชูถุงอาหารขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างเกาหัวแก้เก้อ ให้ตายเถอะ
นี่เขาอยู่พัทยาจริงๆเหรอเนี่ย? ที่เขาบ่นว่าโลกกลมนี่ฉันมากกว่ามั้งควรจะพูดเขาอยู่ใกล้ๆนี่อย่างที่เขาบอกแน่ถ้าจะมาเร็วขนาดนี้ล่ะนะ
“นายมาทำไม?”
“เหงา หาเพื่อนกินข้าว”
“แล้วฉันเป็นเพื่อนนายรึไง?”
“เปลี่ยนเป็นเมียได้ปะล่ะ”
ยอมใจตรงที่เขามาส่งอันนา ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนสาว และลับหลังเธอไม่นานก็มาหาฉันด้วยสีหน้าระรื่นไม่รู้สึกผิดใดๆ
“รีบกินรีบกลับละกัน ฉันจะนอน”
กล้ามาขนาดนี้ฉันก็กล้าให้เขาเข้ามาเหมือนกัน จริงๆผู้หญิงควรจะกลัวผู้ชายเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ไอ้พวกความสัมพันธ์ฉาบฉวยพวกนั้นมักเกิดขึ้นในเวลาแบบนี้แหละ แต่ฉันไม่กลัวหรอก มันจะจูบจะปล้ำฉันได้ก็ลองดู
หลังจากที่ตัวเขาเข้ามาก็ต่างคนต่างอยู่ ฉันมานั่งคุยไลน์กับหนุ่มๆที่ขอบเตียง ตัวเขาเองนั่งแกะอาหารอยู่ที่โต๊ะ
“แอมแปร์ กินผัดกะเพรากับฉันไหม?”
“มาถึงทะเลนายกินผัดกะเพราเนี่ยนะ?”
ฉันถามเขากลับก่อนจะลุกแล้วเดินเข้าไปหาเขาด้วยความสงสัย คือเขากินผัดกะเพราหมูกับไข่เจียว กินแบบนี้กินที่กรุงเทพก็ได้ไหมล่ะ
“ก็ฉันแพ้อาหารทะเล แต่ฉันซื้อกุ้งเผามาให้เธอด้วยนะ”
เขาชี้ไปที่กล่องโฟมกล่องใหญ่อีกกล่องที่วางอยู่ใกล้ๆ
“ฉันบอกว่าฉันอิ่มแล้วไง แล้วอันนาอยู่ไหนล่ะ?”
“อยู่โรงแรม อันนาไม่มานอนพักรีสอร์ทเล็กๆแบบนี้หรอก แต่ฉันอยากมาเลยนั่งเรือข้ามฝั่งเพื่อมาพักที่นี่สักคืน”
“นายนี่เลวชะมัด”
“เลวถูกใจเธอไหมล่ะ อยากได้ฉันขึ้นมาแล้วล่ะสิ”
“...”
ฉันเบ้ปากให้เขาก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ จริงๆก็แอบไม่เข้าใจนิดหน่อยเหมือนกันเพราะองศามีอะไรก็บอกฉันหมด ฉันถามเรื่องอันนาแทนที่เขาจะปิดบังบ้างก็ไม่มี เขาดูเป็นคนจริงใจดี ซึ่งผู้ชายหลายคนไม่ได้เป็นแบบนี้ ผู้ชายพวกนั้นจะปิดบังเรื่องแฟนตัวเองกับฉันเพื่อบิดเบือนให้ตัวเองดูดีขึ้นมา แต่องศาไม่ใช่แบบนั้น ถ้าพูดกันตามตรงเขาก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งนะ เสียตรงที่ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
องศาคุยสนุก น่ารัก จริงใจ แต่เหมาะจะเป็นเพื่อนมากกว่า
“สายตาเธอเหมือนอยากปล้ำฉันอย่างงั้นแหละ”
ฉันนั่งมองเขาจากด้านข้างแล้วคิดอะไรมาสักพักแล้วล่ะ
“ถ้าฉันคิดจะปล้ำนาย นายเสียตัวให้ฉันไปตั้งนานแล้ว”
“นี่ กินกุ้งที่ฉันซื้อมาสักตัวไม่ได้เหรอ เสียดายอะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันอุ่นกินก็ได้ นายนี่เจ๊าะแจ๊ะจริงๆ”
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วขึ้นเตียงมานอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยตามประสา โดยไม่สนใจเขาอีกเลย ถ้าฉันยังคุยด้วยเดี๋ยวองศาจะไม่ยอมกลับอีกทำไง เขาน่ะดื้อจะตาย
“โทรศัพท์เครื่องนั้นของเธอสั่นนานแล้วนะ ไม่รับรึไง”
“ไม่”
“แฟนเก่าเธอใช่ไหม?”
ก็ในเมื่อมันเป็นความจริงฉันเลยพยักหน้าตอบไป แต่ก็ไม่คิดว่าองศาจะเดินเข้ามากดรับสายพี่ซีแบบนี้
“ฮัลโหล มีธุระอะไรกับแฟนผมเหรอครับ โทรมาบ่อยเหลือเกิน รู้ไหมว่าเสียงโทรศัพท์มันขัดจังหวะของพวกเรา”
ไอ้บ้านี่!! ดูพูดเข้าสิ เขาพูดแค่นั้นแล้วกดวางสายของพี่ซีไป ยังไม่พอ ถือวิสาสะมาปิดเครื่องโทรศัพท์ของฉันด้วย
“นายคิดว่ากวนพี่ซีไปแบบนั้นแล้วเขาจะเลิกยุ่งกับฉันเหรอองศา ก็อย่างที่เห็น ขนาดนายบอกจะพาฉันไปฝากครรภ์เขายังกล้าโทรมาอยู่เลย เขาไม่ใช่คนยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ ฉันรู้จักเขาดี”
“แล้วเธอเลิกกับมันเพราะอะไร?”
“...”
ฉัน...ไม่อยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครได้รู้ อยากจะเก็บมันเอาไว้และให้เรื่องนี้มันตายไปกับฉัน มันเป็นเรื่องโง่ๆเรื่องหนึ่งของฉันเองแหละ โง่เพราะรักและไว้ใจเขาไง เรื่องบัดซบมันถึงเกิดขึ้น
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เธอมีอะไรบอกฉันได้นะ”
“เพื่อนอะไรล่ะ นายจ้องจะปล้ำฉันทุกครั้งที่มีโอกาส”
“แต่เธอก็ไม่เปิดทางให้ฉันปล้ำสักที เพื่อนกันก็ปล้ำกันได้เว้ย ลองดูไหมล่ะ ปล้ำเสร็จสักยกสองยกตื่นมาอีกทีก็เป็นเพื่อนกันได้”
องศาเผยยิ้มออกมาตามแบบฉบับที่เขาเป็น ก่อนจะโยนมือถือเครื่องที่เขาเพิ่งปิดไปลงบนเตียงที่ฉันนอน เขาส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ฉันแล้วเขาก็ขึ้นมาบนเตียงอย่างถือวิสาสะ
“องศา กลับไปได้แล้ว กินอิ่มแล้วนี่”
“หึๆๆ”
เขาคลานขึ้นมาบนเตียงแล้วตรงมาที่ฉันทันทีจนฉันหงายท้องลงไปบนที่นอนโดยมีตัวเขาคร่อมอยู่ด้านบน ถามว่ากลัวเขาไหม? ไม่เลย มีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่รุกฉันแบบนี้บนเตียงแต่ก็ไม่เคยได้ฉัน
ตุ่บ
องศาโถมตัวนอนทับจนฉันรู้สึกจุก ใบหน้าหล่อแอบซุกลงที่ซอกคอด้านซ้ายของฉัน จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาถึงเนื้อถึงตัวฉันได้มากขนาดนี้
“อง..”
“ฉันขอจูบเธอได้ไหม?”
“นายไม่เข้าใจฉันเหรอว่าฉันไม่ได้อยากได้นายแบบนั้น แล้วฉันจะเปลืองตัวกับนายให้ได้อะไรขึ้นมา”
“เธอแม่งโคตรมีเสน่ห์ตรงไหนรู้ปะ”
เขาผงกหัวขึ้นมาคุยกับฉันโดยที่ใบหน้าเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร ลมหายใจอุ่นเป่ารดกันไปมา
“ฉันมีเสน่ห์ตรงไหน?”
“เธอเป็นคนที่เข้าใจยาก คือฉันไม่เข้าใจความคิดเธอเลย แต่สามารถรู้ได้ว่าเธอมีเหตุผลของเธอ เธอทั้งนิ่งทั้งแรดไปในตัว ทุกอย่างมันน่าสนใจไปหมดเลย”
“แรดนี่จัดว่าเป็นคำชมเหรอ?”
“ฮะๆ ถ้าสำหรับเธอก็ใช่ แต่อย่าแรดมากนะ ฉันขี้หึง”
ดูความแพรวพราวของเขาเอาเองก็แล้วกัน องศาเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดสาวๆมากนะฉันยอมรับ แต่ใช้ไม่ได้กับฉันหรอก มันไม่ได้รู้สึกหัวใจเต้นแรงอะไรเลย หรือฉันอาจจะด้านชากับเรื่องพวกนี้ไปแล้วก็ได้
“กลับห้องนายได้แล้ว ฉันจะนอน พรุ่งนี้ฉันต้องกลับกรุงเทพแต่เช้า”
“ไปไหนล่ะ”
“จะไปขอบคุณคลินิกที่รับเคสคนที่แพ้เครื่องสำอางฉันไปรักษาที่คลินิกเขาหน่อย ฉะนั้นนายควรเลิกกวนฉันได้แล้ว”
องศาพยักหน้าเหมือนรับรู้สิ่งที่ฉันพูด แต่ก็ยังคงนอนทับฉันไม่ขยับไปไหน มีเพียงมือใหญ่ของเขาที่เอื้อมมาม้วนปลายผมฉันเล่นกับนิ้วของเขา
“อยากจูบเธออะ แต่เธอไม่ยอม กับผู้ชายคนอื่นมันได้จูบเธอง่ายๆหรือเปล่า?”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเลือก”
ฟอดดดด
“แค่หอมแก้มเธอคงไม่ว่า เธอนอนไปเถอะ เดี๋ยวขอนั่งย่อยสักพักฉันค่อยกลับ”
เขาชิงหอมแก้มของฉันไปฟอดใหญ่ก่อนจะถดตัวลงไปนอนอยู่ข้างฉันแทน องศาเขาดื้อชะมัดเลย ตื๊อเก่งได้โล่
“ฉันจะไปอาบน้ำนอนแล้ว เบื่อขี้หน้านาย”
“หน้าฉันหล่อกระแทกใจเธอบ่อยใช่ไหมล่ะ เธอถึงเบื่อ”
ไปอาบน้ำดีกว่า ไม่อยากต่อกรกับมุกของเขา นับวันยิ่งสรรหาสารพัดมุกมาหยอดฉัน แต่ถ้ามันได้ผลกับคนอย่างฉันป่านนี้ฉันคงตั้งครรภ์ไปแล้วล่ะ และถ้าเคลิ้มตามคารมเขาอีกหน่อยเขาคงจับฉันปล้ำเช้าเย็น
แต่ขอโทษทีค่ะ คิดจะกินฉันก็ยากหน่อย ถ้าฉันอยากกินใครฉันจับกินเอง ฉันรู้งานน่า
เนิ่นนานที่ฉันอาบน้ำภายในห้องน้ำเล็กๆแห่งนี้ รีสอร์ทที่ฉันเช่าอยู่มันไม่ได้ใหญ่อะไรเลย เป็นเพียงห้องขนาดกำลังดีที่อยู่คนเดียวได้สบาย การตกแต่งออกแนวโมเดิร์นอย่างลงตัว ความสงบของที่นี่มันทำให้ฉันไม่อยากจะกลับกรุงเทพเลยล่ะ