HUNTED STEP 04-02

3638 คำ
HUNTED STEP 04-02 ก๊อก ก๊อก “แอมแปร์ เธออาบน้ำนานจัง ให้ฉันเข้าไปช่วยอาบไหม?” เสียงขององศาลอดผ่านประตูมาขณะที่ฉันกำลังเช็ดตัวอยู่ ฉันจึงรีบจัดการแต่งตัวให้เสร็จและเอื้อมมือเปิดประตูห้องน้ำทันที “นาย!” เขายังคงยืนอยู่หน้าประตู มิหนำซ้ำเมื่อฉันดึงประตูห้องน้ำเพื่อเปิด องศาดันชะโงกหน้าเข้ามาโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทำให้หน้าเขาเกือบโดนหน้าอกฉัน!! ก็ชะโงกเข้ามาซะต่ำเชียวนะ “หอมจัง” “องศา นายเริ่มเยอะกับฉันเกินไปแล้วนะ และฉันชักจะรำคาญนายแล้วด้วย ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ” “โอเค ฉันไม่กวนเธอแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้กลับกรุงเทพด้วยกันนะ” “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้ขับรถมา?” “ไม่รู้ แสดงว่าไม่ได้เอารถมาใช่ไหมล่ะ งั้นก็กลับรถฉัน” “...” ฉันมองหน้าเขาก่อนจะครุ่นคิดอะไรเล็กน้อย ว่าที่เราเจอกันวันนี้เพราะเขาตามสืบชีวิตฉันหรือมันเรื่องบังเอิญอย่างที่เขาอ้างกันแน่ “เธอไปนอนเถอะ เดี๋ยวรอเธอหลับฉันก็กลับแล้ว” องศาใช้มือดันแผ่นหลังฉันให้เดินไปที่เตียงนอน และเขาก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิม ฉันจึงขึ้นเตียง ห่มผ้า และหลับตาลงทันที ละความสนใจจากเขาก่อนเข้าสู่นิทรา ตัวฉันเองเป็นคนหลับง่าย ยิ่งถ้าวันไหนเหนื่อยมากๆใช้เวลาข่มตาหลับไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ END TALK ONGSA TALK [พี่องศานอนหรือยังคะ?] “พี่กำลังจะนอน” [นี่ถึงบ้านแล้วใช่ไหมคะ ไม่โทรมาบอกอันเลยน้า] “ค่ะ พอดีพี่เพิ่งถึงบ้าน เอาเป็นว่าอันนาเที่ยวกับเพื่อนให้สนุกนะคะคนดี ไม่ต้องห่วงพี่” [พรุ่งนี้พี่องศาจะไปเที่ยวไหนบ้างคะ ช่วงนี้อันไม่ค่อยรู้เรื่องราวของ พี่องศาเท่าไหร่เลย นานทีพี่ถึงจะมีเวลาให้อัน] “พรุ่งนี้พี่ก็คงเข้าไปที่ร้านทั้งวันแหละค่ะ พี่ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะเด็กดีของพี่ ฝันดีค่ะ” ในขณะที่ผมคุยโทรศัพท์กับอันนาอยู่นั้น สายตาผมกลับสนใจผู้หญิงตัวเล็กอีกคนที่นอนขดตัวหลับพริ้มอยู่บนเตียง บางทีผมก็คิดนะว่าผมสนใจเธอขึ้นมาจริงๆหรือเปล่า? ทำไมผมต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อได้เจอหน้าเธอขนาดนี้ หมายถึงครั้งอื่นๆนะ แต่ที่เราเจอกันครั้งนี้มันเรื่องบังเอิญจริงๆ ผมบอกมาตลอดใช่ไหมว่าแอมแปร์เป็นผู้หญิงที่น่าค้นหา ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิมนะ แต่มันมีอีกความรู้สึกแทรกเข้ามาคือผมสงสารเธอในบางครั้ง เหมือนทั้งชีวิตเธอมีแค่เธอคนเดียว เธอดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่จากที่ผมสังเกตสีหน้าในช่วงที่เราได้รู้จักกัน เข้าใจแหละว่าเจอกันในช่วงที่มีปัญหาหลายอย่างรุมเร้า เรื่องครีมก็ยังไม่จบ แต่ก็จบแล้วล่ะเพราะผมช่วยเรื่องนี้ไว้แล้ว ไหนจะแฟนเก่าเธอตามตอแยอีก เรื่องแฟนเก่าผมก็ช่วยเธอได้อีกนั่นแหละ เพราะผมคือแฟนใหม่ของเธอไง อยากได้ว่ะ อยากได้ยัยนี่มากไม่รู้ทำไม.. เวลาอยู่ด้วยมันให้ความรู้สึกตื่นเต้นได้ตลอดเลย เนี่ย ตั้งแต่รู้จักกันมามีอะไรให้ผมทำตั้งเยอะแยะ ไม่น่าเบื่อเหมือนอยู่กับ... เออ ช่างเถอะเนอะ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอนอนกอดเธอหน่อยก็แล้วกัน แอมแปร์คง..ไม่ว่าอะไรผมหรอกมั้ง แค่กอดเอง ว่าแล้วก็ค่อยๆคลานขึ้นไปบนเตียงเนิบนาบและเบามือที่สุดไม่ให้ เจ้าตัวได้รู้สึกตัว ทันทีที่ผมสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ หัวใจผมมันก็เต้นรัวอย่างประหลาดจนต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายไว้ เป็นอะไรวะไอ้องศา... ไม่อยากจะเชื่อว่าผมกำลังประหม่า แต่ไม่อยากมานอนคิดอะไรมากมายเมื่อขึ้นมานอนขนาดนี้แล้วผมจะลืมความตั้งใจแรกได้ยังไง ผมยาวประบ่าของเธอมันช่างหอมโชยจนผมต้องเอาหน้าซุกเข้าที่หลังคอขาวอย่างตามใจตัวเอง แขนขวาค่อยๆโอบกอดร่างบางเอาไว้ด้วยความทะนุถนอม “อื้ออออ” เสียงเล็กครางออกมาเสียงดังเหมือนอึดอัดที่ผมกอด หรือไม่เธอก็คงรำคาญ แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาแอมแปร์ก็พลิกตัวหันหน้าเข้ามาหาผมซะอย่างงั้น.. คือมันทำให้หน้าของผมกับเธอชนกัน... ท่ามกลางไฟสลัวภายในห้อง ยังมีร่างของคนสองคนนอนกอดกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ฟังไม่ผิดหรอก เธอเองก็หันมากอดผมเหมือนกัน อาจจะคิดว่าเป็นหมอนข้างหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เราได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ ผมไม่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้เธอบ่อยๆนะ เชี่ยเอ๊ย น่ารักฉิบหาย... ลักหลับวันนี้ซะเลยจะดีไหมน้า... “แม่คะ หนู..” หืม? ละเมอถึงแม่ด้วยเหรอ เด็กน้อยชะมัด ผมกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิมเป็นการปลอบเธอที่ตอนนี้อาจจะฝันร้ายอยู่ก็ได้ ก่อนจะยื่นหน้าไปจุมพิตบนหน้าผากมนของเธอเบาๆแล้วรั้งให้เธอซุกหน้าอยู่ที่หน้าอกผมแทน ไม่อยากจะอวดว่าแอมแปร์กอดผมแน่นมาก ขณะที่ผมกระชับกอดเธอ เธอเองก็กระชับกอดผมเหมือนกัน “พี่ซี.. ฮึก” ว่าไงนะ เมื่อกี้มันชื่อแฟนเก่าเธอนี่... ทำไมเธอไม่ลืมมันสักทีผมไม่เข้าใจเลยว่ะ โคตรไม่เข้าใจ!!! ผมไม่ดีตรงไหนเหรอ ตามใจเธอได้ทุกอย่างนะ บอกให้ผมไปหาที่ไหนผมก็ไปหาเธอทันที ไม่เคยไปนั่งเฝ้าหน้าห้องเป็นผีบ้านผีเรือนจนเธออึดอัดใจแบบไอ้ซีห่าไรนั่น! ไม่รู้จะจำฝังใจอะไรนักหนา ขนาดตอนหลับก็ยังฝันถึงมัน!! ผมคิดสะระตะไปเรื่อยด้วยความหงุดหงิด ผู้หญิงในอ้อมกอดของผมตอนนี้กำลังพร่ำเพ้อถึงผู้ชายคนอื่นว่ะ หึ ไม่เอาแล้ว ไม่อยากกอดแล้ว!! คิดได้ดังนั้นผมจึงถดตัวหนีเธอออกมา แต่แอมแปร์กลับดึงตัวผมให้เข้าไปหาและไม่ยอมปล่อย ก่อนจะมีความรู้สึกเปียกบริเวณหน้าอก นี่เธอร้องไห้เหรอ? ยังนอนร้องไห้ถึงไอ้ซีอะไรนั่นอีกเหรอ ผ่านมากี่ปีแล้วทำไมเธอถึงไม่ลืมมันสักทีวะ สุดท้ายผมก็ต้องนอนกอดเธออยู่อย่างงั้น ถึงเธอจะพูดชื่อมันขึ้นมา แค่ครั้งเดียวและหยุดร้องไห้ไปนานแล้วก็ตาม แต่ทุกอย่างมันทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ เวลาเธอขยับตัวผมก็ระแวงกลัวว่าเธอจะฝันร้ายอีกหรือเปล่า ทำได้เพียงโอบกอดเธอแบบนี้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเองก็กอดผมเหมือนกันทั้งคืน และผมหลับตามเธอไปตอนไหนก็ไม่รู้ วันรุ่งขึ้น 08.50 น. “องศา!?” เสียงเล็กและแรงสะกิดทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมามอง ตอนนี้แอมแปร์ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผมเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว เธอยืนข้างเตียงแล้วชะโงกหน้าเข้ามาหาผมก่อนจะฉีกยิ้มมาให้เล็กน้อย “ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุก นี่กี่โมงแล้วล่ะ” ผมหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจ นึกว่าตื่นมาแอมแปร์จะโวยวาย เอาหมอนปาใส่หน้าผม หรือตบหน้าผมที่มานอนกับเธอแบบนี้ แต่ไม่เลย ทุกอย่างผิดคาดไปหมด เธอนี่ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ “จะเก้าโมงแล้ว ฉันตื่นสายเพราะนายเลยนะ” “เพราะฉัน?” “อืม นายกอดฉันไง เลยหลับเพลินเลย ตื่นไปอาบน้ำได้แล้วไป” เธอก็รู้นี่ว่าผมกอด ไม่โวยวายหรือโกรธหน่อยเหรอ? “นึกว่าตื่นมาจะโดนเธอตบซะอีก” “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น นายก็ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่ได้กอดฉันสักหน่อย คิดอะไรมากโตๆกันแล้ว ก็ได้แค่กอดแต่เรื่องอย่างว่าฉันไม่ได้ง่าย” “ท้าทาย ถ้าเมื่อคืนฉันจะปล้ำเธอก็ทำได้หรอก” “นายไม่ทำฉันหรอก” ผมลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ที่ตอนนี้แอมแปร์แต่งตัวเตรียมกลับกรุงเทพแล้ว เหลือแค่ผมนี่แหละที่เพิ่งตื่น “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไม่ปล้ำเธอ” “นายกำลังอยู่ในช่วงที่สนใจฉันอยู่ มันคือจุดที่นายจะถนอมฉันเป็นพิเศษ ลองถามตัวเองดูว่าใช่ไหม?” พูดอะไรไม่ออกเลย มันเป็นจริงตามที่เธอบอกจริงๆ ผมเลยไหวไหล่หนึ่งทีแล้วเอื้อมมือไปบีบแก้มเธอเล่น “เดี๋ยวกลับห้องก่อนนะ แล้วฉันจะมารับไปท่าเรือแล้วเรากลับกรุงเทพกัน เธอจะไปไหนเดี๋ยวฉันพาไป” “อื้ม เร็วๆล่ะ ฉันหิวข้าว นายทิ้งอาหารทะเลที่ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้ ว่าจะอุ่นกินตอนเช้าสักหน่อย เสียดายของ” เธอบ่นอุบขณะที่ผมกำลังใส่รองเท้าอยู่ที่หน้าประตู “ไม่อยากให้กินของค้างคืนไง รอแป๊บนะเดี๋ยวฉันมา” “ไปรอห้องนายทีเดียวเลยได้ไหม จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา” “เอางั้นก็ได้” ผมเอากระเป๋าเป้ของเธอมาสะพายแล้วออกจากที่นี่ไปด้วยกัน เราเดินย้อนไปอีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงรีสอร์ทที่ผมเช่าอยู่แต่เมื่อคืนไม่ได้มานอนที่นี่ ผมปล่อยให้เธอนั่งเล่นในห้องแล้วตัวผมเองก็เข้ามาอาบน้ำด้วยความเร่งรีบเพียงสิบนาทีเท่านั้น ไม่อยากให้เธอรอนานเห็นว่าบ่นหิวข้าว แกร๊ก “แอมแปร์ หยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าของฉันให้หน่อย” ผมแง้มประตูห้องน้ำแล้วชะเง้อหน้าออกมาหาเธอ... “แผนนายนี่เบสิกมากเลยนะ มุกอ่อยสาวแบบนี้ยังใช้อยู่อีกเหรอ” “ว๊า โดนจับได้ซะแล้ว” เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เคลิ้มตามคารมผู้ชายจริงๆ รู้ทันไปซะทุกอย่าง เชื่อแล้วว่าเธอเล่นกับผู้ชายมาเยอะอย่างที่เธอบอก แต่เรื่องง่ายไม่ง่ายคงต้องดูกันต่อไป เธออาจจะง่ายให้กับคนรวยๆอย่างไอ้ซีก็ได้ ปัง!! พอนึกถึงไอ้ซีแล้วก็โมโหทำให้ผมรับเสื้อผ้ามาจากเธอแล้วปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง เหตุการณ์เมื่อคืนมันย้อนเข้ามาในหัวอีกครั้ง ตอนที่เธอละเมอชื่อไอ้บ้านั่นออกมาแถมยังร้องไห้อีก สองมือง่วนอยู่กับการแต่งตัวทว่าภายในหัวยังคงคิดไม่หยุด แต่ผมก็ไม่มีสิทธิอะไรที่จะโวยวายเรื่องนี้กับเธอ ทุกวันนี้เป็นแค่คนที่ติดตามเธอไม่ว่าจะไปไหนมาไหน เป็นคนที่อยากรู้ อยากสนใจเรื่องของเธอทุกๆเรื่อง ก็เป็นได้แค่นี้ อ่อ เป็นคนที่คิดจะเคลมเธอตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญเหมือนแฟนเก่าเธอนี่! ถ้าแอมแปร์สนใจผมสักนิดนะ ไม่นานผมทำให้เธอลืมแฟนเก่าเธอได้แน่ ผมคิดว่าผมทำได้ พอถึงวันนั้นก็จะได้รู้กันว่าผู้ชายมันชนะผู้หญิงวันยังค่ำนั่นแหละ สุดท้ายไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องมาจบกันที่เรื่องบนเตียงกันทั้งนั้น ถ้าผมมีวันนั้น ผมก็คงไม่เก็บเธอไว้เหมือนกันแหละ จบที่เตียงแล้วก็จบแค่นั้น ต่างคนต่างอยู่ เพราะเธอไม่ได้คิดสนใจผมอยู่แล้วนี่ ผมเองก็สนใจเธอเพราะหวังอะไรจากเธออยู่เรื่องเดียวนั่นแหละมั้ง แต่ก็แอบหวังเล็กน้อยว่าเธอจะสนใจผมขึ้นมาจริงๆ... สมมุติว่าเราได้คบกัน มันก็ไม่เลวนะ เราต้องไปด้วยกันได้ดี เธอเป็นคนง่ายๆสบายๆ ผมเองก็เป็นคนขี้ตามใจ พอคิดแบบนั้นภาพในหัวที่คิดก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว มีเพียงภาพของผมกับเธอจับมือกัน ยิ้มหวานให้กันฉายวาบเข้ามาแทนที่ ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาด้วยรอยยิ้มและพบว่าเธอนั่งกินขนมปังอยู่ที่โซฟาพร้อมกาแฟร้อนอีกหนึ่งแก้ว “ไปเอาขนมปังที่ไหนมา?” “รีสอร์ทนายมีบริการอาหารเช้าด้วย เห็นขนมปังวางอยู่ฉันเลยปิ้งมาให้ มันสายแล้วมั้งเลยเหลือแค่นั้น” “กาแฟชงนั่นไม่อร่อยเท่ากาแฟที่ร้านฉันหรอกนะ เดี๋ยววันนี้พาเธอไปที่ร้านดีกว่า เธอไม่มีธุระไปไหนใช่ไหม?” “ก็ว่าจะไปขอบคุณคลินิกนั้นสักหน่อย ซื้อรังนกกระเช้าใหญ่เข้าไปให้เขา ก็ไม่ได้ไปไหนแล้วนะ แต่เราจะถึงกรุงเทพกี่โมงเถอะ” เมื่อตอนนี้มันสายมากแล้วผมจึงรีบคว้าขนมปังที่เธอปิ้งมาให้ขึ้นมากิน ก่อนจะยกกาแฟขึ้นดื่มไปเล็กน้อย รองท้องตอนเช้าไม่ให้หิวกลางทางไปก่อนเพราะเราต้องทำเวลานิดหน่อย เดี๋ยวเธอจะไปคลินิกเพื่อนไอ้โบ๊ทไม่ทัน ถ้าจำไม่ผิดบ่ายสามหรือสี่โมงเย็นคลินิกก็ปิดแล้วล่ะ “ไปกันเถอะ เอากระเป๋ามานี่เดี๋ยวฉันสะพายให้เอง” ว่าไปเธอก็ติดดินเหมือนกันเนอะ ไม่คิดว่าเธอจะนั่งรถโดยสารมาเที่ยวเอง และยังเช่ารีสอร์ทราคาถูกนอนอีก ตอนแรกนึกว่าจะติดหรูกว่านี้เพราะเป็นถึงเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางและน้ำหอม แต่ตัวเองกลับไม่ค่อยแต่งหน้าด้วยซ้ำ ดูเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไปคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร แตกต่างจากตอนแต่งหน้าแต่งตัวขณะทำงาน เธอสวย เธอเล่นหูเล่นตาเก่ง สะกดสายตาผู้ชายได้ง่ายๆเลยล่ะ ที่ผมรู้จักเธอวันนี้ก็เพราะเธอสวยนั่นแหละถึงได้เข้าไปหาในวันนั้น ไม่ได้บอกว่าหน้าสดเธอไม่สวยนะ มันสวยคนละแบบต่างหาก END TALK AMPARE TALK ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่องศาเขาสะพายกระเป๋าให้ฉัน คือเขาสะพายของตัวเองไว้ข้างหน้า สะพายกระเป๋าของฉันไว้ข้างหลังโดยไม่บ่นสักคำว่าร้อนหรือหนัก ฉันไม่เคยพึ่งผู้ชายในเรื่องแบบนี้หรอก คิดว่ามันเป็นของใช้ส่วนตัวก็ควรจะดูแลของตัวเอง เมื่อก่อนพี่ซีไม่เคยถือของหนักๆให้ฉันแบบนี้เช่นกันเพราะเขารวยมากจนมีคนติดตามเวลาเราไปเที่ยวไหนก็แค่ชี้นิ้วสั่ง พอเห็นองศาคอยถือของให้แบบนี้เลยอดแปลกใจไม่ได้ ไม่อยากให้มันเกิดข้อเปรียบเทียบแบบนี้เลย รวมถึงข้อเปรียบเทียบเรื่องเมื่อคืนด้วย ก็เมื่อคืนเขากอดฉันตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาฉันพบว่าเขานอนหลับอยู่ข้างๆฉันแล้วและฉันเองกำลังกอดเขาอยู่เช่นกัน สิ่งที่ฉันนึกโกรธตัวเองคืออะไรรู้ไหม? ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นเหมือนพี่ซีกอดฉันอยู่ ซึ่งมันไม่ควรรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วด้วยซ้ำ อาจเพราะบังเอิญว่าเมื่อคืนฉันฝันเพ้อเจ้อถึงพี่ซี ฉันเองจำรายละเอียดไม่ได้หรอกว่าฝันอะไร จำได้รางๆแค่ฝันถึงพี่ซีก็เท่านั้น สิ่งหนึ่งที่รู้สึกชัดเจนขณะที่ฉันหลับคืออ้อมกอดที่อบอุ่นขององศาที่มันให้ความรู้สึกว่าเป็นพี่ซีทั้งที่ไม่ใช่ องศาไม่ควรเข้ามาอยู่ในวงจรระหว่างฉันกับพี่ซีเลยจริงๆ ฉันว่าเขาเป็นคนดี ฉันดูออก เพียงแต่ฉันยังไม่เปิดใจรับเขาเข้ามาก็เท่านั้นเอง ฉันยังอยากเล่นสนุกกับแฟนชาวบ้านอยู่ พวกผู้ชายนิสัยไม่ดีพวกนั้นฉันยังจัดการไม่หมดเลย แล้วผู้ชายที่ไหนจะมารักผู้หญิงแบบฉันกันล่ะ ไม่มีจริงหรอกรักแท้ที่คนทั้งโลกไขว่คว้าหามัน ตัวฉันเองก็ไม่ได้อยากมีใคร แต่ถ้าถามว่าตอนนี้ฉันใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนที่สุด คำตอบคือองศานั่นแหละ เขาเข้ามาในช่วงที่ฉันใช้เวลาอยู่กับตัวเอง องศาเขากำลังพยายามทำให้ตัวเขาเองมีอะไรสักอย่างผูกติดกับฉันอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เรื่องพี่ซี เขาประกาศตัวว่าเป็นแฟนฉันต่อหน้าพี่ซีและกำลังทำตัวให้เหมือนแฟนฉันจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาอินกับบทที่เขาสถาปนาตัวเองขึ้นมาหรือว่าเขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว จะว่าไปองศาก็จัดการพี่ซีได้อยู่หมัดเหมือนกันนะ ตั้งแต่ฉันเปิดโทรศัพท์อีกเครื่องขึ้นมายังไม่มีสายเข้าจากพี่ซีสักสาย ข้อความสักอันก็ไม่มี ถ้าองศาทำให้พี่ซีเชื่อได้ว่าเขาเป็นแฟนฉันจริงนี่ถือว่าเก่งมากเลย เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะให้มันเป็นอย่างนั้นมาตั้งนานแล้วแต่หาใครที่กล้าขนาดนี้ไม่ได้ เท่านั้นเอง ชีวิตฉันจะสงบขึ้นเยอะหากไม่มีพี่ซีคอยกวนใจแบบนี้ พี่ซีเป็นผู้ชายที่ตื๊อเก่งมาก เขาสามารถโทรหาฉันได้วันหนึ่งเป็นร้อยๆสาย ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงชื่อหรือหน้าพี่ซีขึ้นมาในหัว ภาพตอนที่เขากำลังนอกใจฉันมันก็ฉายซ้อนภาพใบหน้าของเขาทันที เหมือนว่าความทรงจำระหว่างฉันและพี่ซีมันดำดิ่งกับสิ่งที่เขาทำ 14.25 น. หลังจากที่นั่งเรือข้ามฟากกลับมา องศารีบพาฉันไปเอารถของเขาและขับมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพโดยทันทีโดยแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆเพื่อซื้อรังนกยี่ห้อดังกระเช้าใหญ่ไปขอบคุณเขาเท่านั้น ไม่ได้แวะกินข้าวที่ไหนกันเลยเพราะรีบพอสมควร ระหว่างทางเราพูดคุยกันปกติ และตอนนี้ฉันกำลังจับพิรุธอะไรได้บางอย่าง ฉันรอดูจนกระทั่งเขาจอดรถสนิทที่หน้าคลินิกแห่งหนึ่งอย่างมั่นใจ “องศา มีอะไรจะบอกฉันก่อนไหม?” ก่อนที่เขาจะลงรถ ฉันจึงคว้าแขนของเขาเอาไว้เพื่อถามไถ่อะไรบางอย่าง องศาหันมามองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่งทว่าแฝงความประหม่าเล็กน้อย ฉันจ้องลึกลงไปในตาเขาเพื่อเค้นหาความจริงก่อนจะบอกเขาถึงสิ่งที่ฉันกำลังสงสัย “ฉันยังไม่เคยบอกนายเลยนะว่าให้พาไปที่คลินิกไหน นายพาฉันมา ถูกได้ยังไง?” “...” “องศา..อย่าเงียบ” เขาหลุบตามองต่ำ ปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น หัวคิ้วเริ่มขมวดชนกันเล็กน้อย “ถ้าบอกเธอจะโกรธฉันไหมล่ะ?” “นายเคยบอกว่านายง้อคนเก่งไม่ใช่เหรอ” “...” ฉันไม่ได้รับปากออกไปว่าหากเขาบอกแล้วฉันจะไม่โกรธ ไม่ได้ล่อลวงให้เขาพูดเพียงแต่ฉันแสดงความจริงจังออกทางสีหน้ามากกว่า “ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” “โอเคๆฉันยอมบอกแล้ว” เพียงแค่ฉันปลดเข็มขัดนิรภัยออกและทำทีเหมือนว่าจะลงรถไปจริงๆ องศาก็รีบตะครุบตัวฉันเอาไว้ด้วยสีหน้าอ้อนเหมือนแมว เขากำลังกลัวฉันโกรธอยู่ใช่ไหม? ทำไมต้องทำหน้าอ้อนขนาดนั้นด้วย “ว่ามา” “คือฉันอยากช่วยเธอจริงๆนะ เลยให้เพื่อนติดต่อคลินิกของเพื่อน อีกที ขอให้เขารับเคสน้องคนที่แพ้เครื่องสำอางเธอมารักษา ฉันไม่อยากเห็นเธอเครียด อะไรช่วยได้ฉันก็อยากช่วยเพียงแต่ไม่ได้บอกเธอก็เท่านั้น” ฉันตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดทุกคำและคิดตามจนเขาพูดจบ สายตาเราจ้องมองกันไปด้วย ทำให้ฉันได้รู้ว่าตรงไหนเขาพูดจริง ตรงไหนโกหก “นายอยากช่วยหรือหาเรื่องมาเจอฉันกันแน่น้า..” พูดหยอกล้อเดาทางออกไปในสิ่งที่ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าโกรธเลยด้วยซ้ำ เขาจะกลัวอะไรในเมื่ออยากจะช่วยจริงๆ แต่นี่คงช่วยหวังผลล่ะสิ พอฉันไม่เล่นด้วยเขาจึงหาสารพัดวิธีเพื่อได้เจอฉันแบบนี้ “ก็.. เธอนี่ฉลาดเกินไปนะแอมแปร์ รู้ทันตลอดเลย อืม ฉันอยากเจอเธออีกแต่ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงได้เจอ ตอนนั้นเธอบล็อกเบอร์ฉันใช่ไหมล่ะ ฉันติดต่อเธอไม่ได้เลยทำแบบนี้แทน” “ฉันไม่โกรธนายหรอก ยังไงก็ขอบคุณนะ” “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นการหอมแก้มฉันสักฟอดสองฟอดได้ไหมล่ะ? อยากได้อะไรแบบนั้นมากกว่า” ดูความกวนประสาทของเขาเถอะ ความน่ารักขององศามันกำลังลดน้อยลงเมื่ออันนาโทรเข้ามาหาเขาและเขาโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะหลังอย่างไม่แยแสว่าปลายสายจะร้อนใจแค่ไหนหากเขาไม่รับสายของเธอ โดยที่ใบหน้าของเขายังคงยิ้มหวานให้ฉันอยู่ตลอดเวลา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม