หนึ่งทุ่ม
สองสาวมาตามที่ได้นัดหมายก่อนหน้าที่ชิรญานัดไว้ ขวัญจิรายืนนิ่งไม่ขยับมองไปรอบๆ บรรดารถหรูจอดเรียงกันอยู่หน้าร้านเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กกำพร้าอย่างเธอ ยิ่งได้เห็นสถานที่หรูหราจนต้องมองตาค้างแบบนี้หัวใจดวงน้อยก็กระตุกด้วยความตื่นเต้น
“ตามมาสิไข่หวาน”ชิรญาเรียกเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าร้านไม่ขยับ
“มาแล้ว”เมื่อได้ยินเสียงเรียกเธอรีบสาวเท้าวิ่งตามไปทันที ภายนอกว่าหรูแล้ว ภายในยิ่งหรูเข้าไปอีก การตกแต่งที่เหมือนจะเรียบง่ายแต่ซ่อนความหรูหราไว้ในคราเดียว
ชิรญาพาเธอเดินขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน เข้าไปยังห้องหนึ่งที่อยู่มุมสุด หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดราตรีสีหวาน มองมายังประตูทันทีที่เปิดออก ดวงตาของเธอเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
“สวัสดีค่ะเจ๊ สวัสดีค่ะพี่เชน”ชิรญายกมือขึ้นไหว้สองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันภายในห้องเช่นเดียวกับขวัญจิรา
“มาแล้วเหรอลูกชุบ…คนนี้นะเหรอที่บอกว่าสนใจ”
“ใช่ค่ะพี่เชน นี่เพื่อนลูกชุบเอง”
“ชื่ออะไรละเรา”คนที่ลูกชุบเรียกว่าพี่เชนหันมาถามขวัญจิราที่ยืนนิ่งไม่ขยับ ตอนนั้นเองทำให้เธอรู้ตัวเผลอว่ายืนจ้องอีกคนไม่วางตา
“ขวัญจิราค่ะ”
“แค่ชื่อเล่นก็พอ”
“อ่อ ไข่หวานค่ะ”
“พี่ชื่อเชนนะเป็นผู้จัดการที่นี่ ส่วนนี่เจ๊พายเป็นเจ้าของร้าน”
“ค่ะ”
“ลูกชุบคนนี้เหรอตัวท็อปของเรานะ”
“ใช่ครับเจ๊ น้องลูกชุบตกคุณธามซะอยู่หมัด ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่เชน คุณธาม เขาก็สนใจคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่ลูกชุบสักหน่อย”
“หึ! อย่างธาม มันไม่ค่อยสนใจอะไรง่ายๆหรอกนะ สิ่งที่มันสนใจก็คงจะเป็นเลือดสดหรือศพตรงหน้า”เจ้าของร้านหน้าสวยที่รู้จักลูกค้าหนุ่มรายนี้ดี เอ่ยบอกเด็กสาวที่ขึ้นมาเป็นตัวท็อปของร้านอย่างลูกชุบด้วยรอยยิ้ม
ให้ตายเถอะ! นี่มันเรื่องอะไรกัน หนูกำลังยืนงงกับเรื่องที่พวกเขาทั้งหมดคุยกัน
“เดี๋ยวฉันสัมภาษณ์เด็กใหม่เองพวกเธอสองคนไปทำงานซะ แล้วก็เธอ…”พระพายหันไปมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ค่อนข้างเป็นห่วง
“คะ??”ชิรญาหันไปมองหน้าเจ้าของร้านด้วยความสงสัย
“อย่าขัดใจธาม ถ้าไม่อยากตายฉันเตือนด้วยความหวังดี”
“ค่ะเจ๊”ช่างเป็นคำบอกที่เสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก บทสนทนาทั้งหมดสิ้นสุดลง เหลือเพียงพระพายและขวัญจิราอยู่ในห้องที่เงียบสงัด ขวัญจิราไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว บางครั้งเธอก็ไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
“มานั่งสิ”
“ค่ะ”
“เคยทำงานมาก่อนมั้ย”
“ไข่หวานปั่นจักรยานขายบัวลอยค่ะ”ถึงแม้ก่อนหน้านี้ขวัญจิราจะพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้เธอกลับประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“มองอะไร ชอบฉันเหรอ”พระพายละสายตาจากเอกสารในมือมองตรงไปยังขวัญจิราที่นั่งตัวสั่นอยู่ หัวใจดวงน้อยของขวัญจิรากระตุกขึ้นทันที นี่ถ้าเธอเป็นผู้ชายคงตกหลุมรักคนตรงหน้าไปแล้ว เพราะคนตรงหน้าช่างละมุนชวนฝัน ยิ่งมองใบหน้าสวยนั้น ยิ่งชวนให้จินตนาการไปไกล แต่ทว่าเธอในตอนนี้กลับชื่นชมในความสวยนั้นอย่างหลงใหลไม่ต่างกัน
“ว่าไงชอบเจ๊เหรอคะ”เธอขยับใบหน้าที่ได้รูปเข้าหาขวัญจิราที่นั่งตัวเกร็งราวกับโดนสะกด
“เปล่าค่ะ ไข่หวานแค่ชื่นชมความสวยของเจ๊”ขวัญจิราแกล้งหัวเราะเบาๆกลบเกลื่อน ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
“แบบนี้นี่เอง เธอก็ดูสวยน่ารักดีออก เอามาปรับแต่งนิดหน่อยคงจะเรียกบรรดาหนุ่มๆให้เข้าหาได้ไม่ยาก”
“จริงเหรอคะ”
“กินเหล้ารึเปล่า”
“นิดหน่อยค่ะ”เหมือนความกังวลก่อนหน้าค่อยๆจางหายไป
“ชงให้เจ๊ชิมหน่อยสิ”
เสียงหวานออดอ้อนชวนฝันเอ่ยสั่ง ขนาดเธอที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกละลายขนาดนี้ ผู้ชายคนอื่นก็คงไม่เหลือ
“ได้ค่ะเจ๊”ขวัญจิราตั้งใจชงน้ำอำพันสีเข้มแบบเดียวกับที่เธอกิน ไม่รู้ว่าจะโดนใจอีกฝ่ายไหมเพราะเธอก็กินแต่แบบนี้มาตลอด
“นี่ค่ะ”
พระพายเลิกคิ้วขึ้นสูง มองแก้วเหล้าที่เต็มเปี่ยม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจใส่ให้มันล้นหรือเพราะความผิดพลาดกันแน่
“ขอบใจจ้ะ”แต่เธอก็ยอมรับแก้วเหล้านั้นมาแต่โดยดี
“เป็นไงคะเจ๊ นี่สูตรของไข่หวานเลยนะ ไม่ขมบาดคอมากบวกกับความหวานหน่อยๆของลูกอม”
“ก็หวานอมขมดี”รอยยิ้มกว้างฉีกขึ้นบนใบหน้าสวย ทำเอาคนที่นั่งมองอยู่กลั้นหายใจไปหลายวินาที
เชื่อเถอะว่าตอนนี้ไข่หวานหัวใจจะวายกับรอยยิ้มนั้น ใครก็ได้ช่วยมาเก็บศพหนูที แต่เดี๋ยวก่อนนะ! นี่เรากำลังสัมภาษณ์งานกันอยู่ใช่มั้ย ทำไมเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลากมาฆ่าตาย ด้วยความสวยมีเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหลของผู้หญิงตรงหน้ายังไงก็ไม่รู้
“เอ่อ…เจ๊ค่ะ จะสัมภาษณ์ไข่หวานตอนไหนเหรอคะ”
“ก็กำลังสัมภาษณ์อยู่นี่ไง”
“ยังไงคะ”
“ลูกชุบไม่ได้แจ้งลักษณะงานเธอเหรอ”
“มีบ้างค่ะ แต่ไข่หวานก็ไม่ค่อยเข้าใจ”ขวัญจิรามึนงงการกระทำของคนตรงหน้า
“งานของเด็กนั่งดริ้งค์ คือการต้อนรับลูกค้า ทำให้ลูกค้าสนุกที่สุด ชวนคุย ชงเหล้า คอยบริการต่างๆที่ลูกค้าต้องการ แต่ละคนก็มีวิธีการที่ต่างกันออกไป แล้วไข่หวานล่ะมีวิธียังไงที่จะทำให้ลูกค้าติดใจได้บ้าง”
“ไข่หวานไม่ถนัดเอาใจใครเลยค่ะเจ๊ ก็เลยไม่รู้วิธี”
“จะว่าไปงานนี้ก็ไม่เหมาะกับเธอเท่าไหร่เลย ดูจากท่าทางเธอคงโดนลูกค้าหลอกหรือไม่ก็ลวนลามแน่”
“ไข่หวานจะพยายามค่ะ เจ๊ช่วยสอนหนูหน่อยได้ไหมคะ”
“งั้นคืนนี้ก็มาฝึกงานกับเจ๊ เดี๋ยวเจ๊จ่ายค่าขนมให้เอง”ด้วยความที่พระพายเห็นคนตรงหน้าดูใสซื่อเอามากๆจึงอดไม่ได้ที่จะสงสาร
“จริงเหรอคะ เจ๊ใจดีจังเลย”ขวัญจิราดีใจยกใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่าเธอกำลังเดินไปติดกับดักที่คนตรงหน้าวางไว้อย่างแนบเนียนความไร้เดียงสาของขวัญจิราช่างยั่วใจคนเจ้าเล่ห์อยู่ไม่น้อย
ไม่บ่อยนักที่จะเจอเด็กที่ไร้เดียงสาขนาดนี้มาสมัครทำงานในที่แบบนี้ เห็นทีเธอคงต้องเก็บไว้ดูเล่นสักหน่อยพระพายกระดกเหล้าที่อยู่ในแก้วจนหมด ปรายตามองคนตรงหน้าด้วยความสนใจ ก่อนจะชวนอีกฝ่ายคุยไปเรื่อย
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ขวัญจิรายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพบว่าเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่งแล้ว นี่คนตรงหน้าชวนเธอคุยนานขนาดนี้เลยเหรอ
“ง่วงแล้วเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ พอดีวันนี้ไข่หวานมีเรียนเช้าด้วย”
“ขยันจัง”พระพายขยับริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่าย จนขวัญจิรานิ่งชะงักไม่มีทีท่าจะถอยห่าง
“ขอบคุณค่ะ”เสียงอึกอักในลำคอ เหมือนตอนนี้เธอกำลังหายใจไม่ออกเข้าไปทุกที
“เอาเป็นว่าเจ๊ให้ไข่หวานผ่านก็แล้วกัน พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้”
“จริงเหรอคะ”ขวัญจิราเผลอดีใจแรงไปหน่อย จนทำให้โผเข้าไปกอดคนตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อได้สติเธอรีบถอยห่างออกมาทันที ก่อนที่จะขอตัวกลับไปด้วยความเขินอาย
“ขอบคุณนะคะ ไข่หวานขอกลับก่อนพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”ขวัญจิรายกมือพนมขึ้นไหว้อีกฝ่าย ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ไม่กล้าหันกลับไปมองใบหน้าสวยนั้นอีก