บทนำ..1
บทนำ
“บัวลอยมั้ยคะ มีทั้งธรรมดาและพิเศษใส่ไข่”
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุในทุกๆวัน ปรากฏร่างสาวน้อยปั่นจักรยานขายเป็นกิจวัตรประจำวัน ทุกคนในตลาดต่างก็รู้จักเธอ เป็นอย่างดีเพราะเธอเป็นคนช่างพูด และมีใบหน้าที่โดดเด่นราวกับนางเอกซีรีส์เกาหลี…ไข่หวาน ขวัญจิรา นั่นคือชื่อของเธอ
ผมสีดำเงาตัดกับใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมใส ดูไร้เดียงสาที่ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล ถึงแม้ตอนนี้เธอจะสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตกับกางเกงขายาว แม้การแต่งกายของเธอจะธรรมดาแต่ก็ไม่อาจบดบังความสวยน่ารักนั้นได้ ไม่ว่าเธอจะปั่นจักรยานไปหยุดขายบัวลอยที่ไหนเพียงแค่ถอดหมวกที่สวมใส่อยู่มาพัดวีก็สามารถเรียกลูกค้าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ได้โดยง่าย
“มาแล้วเหรอไข่หวาน”เสียงป้าพิณที่เธอมักมาจอดจักรยานหยุดขายบัวลอยข้างป้าเกือบทุกวัน ป้าพิณแกขายยำอยู่ตรงหน้าตลาด ซึ่งขายดีพอสมควร ทำให้เวลาเธอมาอยู่ข้างป้าพิณทีไรเป็นต้องขายหมดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงทุกที
“ค่ะป้า ขายดีไหมคะ”
“ได้อยู่นะ หนูล่ะ”
“ใกล้หมดแล้วค่ะ ตอนออกมาไข่หวานก็ขายระหว่างทางมาด้วยมีคนมาซื้อเพียบเลยค่ะ”
“ดีแล้ว! หนูจะได้กลับไว”
“มาอีกแล้วยัยบัวลอยไข่หวาน…”คนตัวสูงลากเสียงยาวจน ขวัญจิราต้องเงยหน้ามอง แต่แค่น้ำเสียงแบบนี้เธอก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร
ตั้งแต่ประมาณอายุสิบห้าเธอก็เริ่มออกหางานทำหลังเลิกเรียนเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ขวัญจิราอาศัยอยู่บ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด ด้วยความเธอเป็นคนหัวดี ใฝ่รู้ใฝ่เรียนจึงได้ทุนการศึกษามาตลอด พออายุย่างเข้า17ปี เธอก็ออกจากบ้านเด็กกำพร้ามาอาศัยอยู่หอด้านนอกเพื่อเรียนต่อมหาลัยจนต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
ทว่าตอนแรกทุนมันก็เพียงพอสำหรับการใช้จ่าย แต่ยิ่งนับวันเข้าค่านู่นค่านี่ก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนเงินทุนการศึกษาที่ได้รับมาไม่พอต่อการใช้ชีวิต เธอจึงกลับไปหางานทำอีกครั้งแต่ด้วยความที่เธอยังเรียนอยู่ทำให้หางานที่ทำแล้วได้เงินดีค่อนข้างยาก
วันหนึ่งเธอเขี่ยโซเซียลไปเรื่อยพบเชฟคนหนึ่งกำลังแจกสูตรทำบัวลอยไข่หวาน ซึ่งเป็นเมนูที่เธอก็ชอบกินอยู่แล้วจึงลองทำดู ปรากฏว่ามันอร่อยเกินคาด เธอเลยลองทำขาย ขายวันแรกก็มีคนซื้อมากมายหลังจากนั้นเธอจึงยึดมันเป็นอาชีพเสริมชีวิตประจำวันของเธอคือตอนเช้าไปเรียนจนถึงบ่าย บางวันพอเรียนเสร็จก็ไปขายบัวลอยต่อ หรือบางวันมีเรียนเย็นตอนเช้าเธอก็จะไปขายบัวลอยแทน เธอวนใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สนิทกับคนแถวตลาด
พออายุเข้าสิบแปดป้าพิณร้านขายยำ ก็แบ่งที่ให้ขวัญจิราได้ขายข้างๆโดยไม่คิดเงินเธอแม้แต่บาทเดียว แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ชอบมาไถเงินเรียกกับค่าที่กับเธอ
ผู้ชายตัวสูงเจ้าของน้ำเสียงเข้มที่เธอต้องเจอทุกวัน เสี่ยหมี ภวิศ เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจ้าของตลาดที่ป้าพิณขายของอยู่และเธอก็ถูกไล่ที่ทุกวันเพราะไม่ได้จ่ายค่าเช่าให้ตลาด
ย้อนกลับไปวันแรกที่ขวัญจิราได้เจอกับภวิศ
“ไอ้เอก กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ใครมาขายของหน้าตลาดถ้าไม่จ่ายค่าเช่า”
“ป้าพิณก็จ่ายนะครับ”
“แล้วจักรยานขายบัวลอยนั้นล่ะ มึงได้เก็บค่าเช่ารึเปล่า”ภวิศชี้นิ้วไปยังจักรยานแม่บ้านคันเก่าที่จอดอยู่ข้างร้านขายยำ
“เปล่าครับ…น้องเขายังเด็กอยู่เลย นายให้น้องเขาขายฟรีเถอะครับ สงสารเด็กมัน”
“เห็นกูเป็นพ่อพระรึไง”
“ครับ”
“ไอ้เอก! กูให้เวลามึงสิบนาทีไปไล่มัน อย่าให้กูต้องลงไปเอง”
“ไม่ครับ”
“เดี๋ยวนี้มึงกล้าขัดคำสั่งกูเหรอ”
“ถ้าคนอื่นผมจะทำ แต่กับน้องขายบัวลอยผมไม่ทำครับ”
“ทำไม มึงพิศวาสมันเหรอ จะว่าไปกูเห็นมึงหิ้วถุงบัวลอยทุกวัน อย่าบอกนะว่าร้านนี้”
“ครับ”
“ได้! ไอ้เอกมึงคอยดูนะ นับตั้งแต่วันนี้มึงจะอดกินบัวลอยไปตลอดชีวิต”
“เสี่ย!”
เอกภพพยายามเรียกเจ้านายสุดชีวิต เขาเป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของแม่ค้าหน้าหวาน มักจะแวะเวียนมานั่งคุยด้วยเสมอทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ทุกครั้งเจ้านายจะบอกให้เขาจัดการร้านแผงลอยหน้าตลาดที่ไม่จ่ายค่าเช่าให้ออกไปให้หมด แต่เขามักจะมองข้ามหญิงสาวตัวเล็กคนนี้ตลอด ด้วยความสู้ชีวิตทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก
“เสี่ยหมี…ป้าจ่ายค่าเช่าเดือนนี้ไปแล้วนะจ๊ะ”ป้าพิณตกใจเป็นอย่างมาก ร้อยวันพันปีภวิศไม่เคยเดินมาแถวนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง
“รู้แล้วป้า แต่คนข้างป้าต่างหากที่ไม่ได้จ่าย”ภวิศปรายตามองหญิงสาวที่สวมหมวก ก้มหน้าก้มตาหยิบบัวลอยใส่ถุงให้ลูกค้าอย่างตั้งใจ
“ไข่หวานลูก”
“ค่ะป้า”ขวัญจิราละมือจากลูกค้าที่เลือกขนม มองไปยังป้าพิณที่เรียกเธอ
ใบหน้าสวยได้รูป ปากนิด จมูกหน่อย ด้วยความร้อนของอากาศเธอจึงถอดหมวกออกจากศีรษะเพื่อพัดวีไปมา พร้อมสายตาที่ทอดมองผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้าเอาเท่าไรดีคะ ธรรมดา 20 พิเศษใส่ไข่ 30 ค่ะ”เธอบอกคนตรงหน้า พร้อมส่งรอยยิ้มแสนหวานให้เหมือนลูกค้าคนอื่น แต่คนตรงหน้ากลับยืนเฉยไม่มีท่าทีตอบกลับแต่อย่างใด
“กูเหมาหมด”
“คะ?”ขวัญจิราไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไร บัวลอยที่เหลือเกือบยี่สิบถุง คนเราจะกินของหวานเยอะขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“กูบอกว่าเหมาหมด”
“เสี่ยอย่าทำแบบนั้นเลยครับ”เอกภพวิ่งมาด้วยความหอบกระหาย หลังจากเขาเอารถไปจอดประจำตำแหน่งก็รีบวิ่งมาหาผู้เป็นนายทันที
“กูทำอะไร?”
“น้องเขายังเรียนอยู่นะครับ”
“พี่เอกสวัสดีค่ะ”ขวัญจิราเอ่ยทักลูกค้าประจำที่แสนคุ้นเคย
“หวัดดีจ๊ะน้องไข่หวาน”เอกภพตอบกลับก่อนจะหันมาสนใจเจ้านายต่อ
“เหรอ!เรียนอยู่ที่ไหนล่ะ”ภวิศละสายตาเขม็งจากลูกน้องไปสนใจเด็กสาวตรงหน้าต่อ
“หนูเรียนอยู่มหาลัยตรงนู้นน่ะคะ ว่าแต่…”ขวัญจิราหันไปมองหน้าป้าพิณอีกครั้ง เมื่อกี้เธอเหมือนจะได้ยินป้าพิณเรียกชื่อคนตรงหน้า
“เสี่ยหมีลูก”
“ค่ะ เสี่ยจะเอาทั้งหมดจริงเหรอคะ”
“เอาทั้งหมด?”เอกภพมองหน้าแม่ค้าบัวลอยสลับกับเจ้านาย