มาธวีตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งและปวดร้าวไปทั่วร่าง เธอขยับตัวเล็กน้อยก็รู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบกอดไว้แน่นจากด้านหลัง องศาตื่นแล้วเอาคางเกยอยู่บนไหล่เปลือยเปล่าของเธอ สูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธออย่างพึงพอใจ
“ตื่นแล้วเหรอน้ำผึ้งของผม” องศากระซิบด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและเป็นกันเอง ซึ่งแตกต่างจากน้ำเสียงเย็นชาในที่ทำงานโดยสิ้นเชิง
มาธวีพยายามดึงสติกลับมา เธอค่อย ๆ พลิกตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
“คุณองศา...” หญิงสาวเรียกชื่อเขาแผ่วเบา เธอกำลังรู้สึกที่สับสนและอายเกินกว่าจะมองหน้าเขาได้ เมื่อคืนเธอปล่อยกายปล่อยใจไปกับอารมณ์จนลืมคิดถึงสถานะของตนเองว่าเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน
องศาเลื่อนมือขึ้นมาสัมผัสที่พวงแก้มของเธอ แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความเจ้าเล่ห์ หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงเมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืน
“หนูขอกลับห้องได้ไหมคะ”
“ผึ้ง....คุณต้องไม่ลืมสิว่าเราตกลงกันไว้แล้ว”
“แต่หนูกลัวจะพลาดตอนไปฝึกงานค่ะ หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนได้ไหม”
“อาบที่นี่ก็ได้”
“แต่ชุดหนูอยู่ในห้องนั้นนี่คะ”
“งั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำ ส่วนหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่อยู่ในตู้ของเขาขึ้นมาสวมก่อนจะรีบกลับไปยังห้องนอนของตนเอง
มาธวีอาบน้ำแต่งตัวและเก็บกระเป๋าเดินทางออกมาบริเวณห้องรับแขกที่องศาออกมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“นี่เก็บของจะไปไหนจะ หนีผมไปเหรอ”
“ก็วันนี้เราต้องกลับกันแล้วนี่คะ”
“ผมรู้แต่เราไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ นั่งก่อนสิ ผมว่าเราต้องคุยกันนะ”
“หนูรู้ว่าคุณจะคุยเรื่องอะไร” เธอตอบเสียงเบา พลางหลบสายตาเขา หัวใจเธอสั่นระรัว ไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกหน่วง ๆ อยู่ตอนนี้คือความโล่งใจหรือเจ็บปวดกันแน่ หญิงสาวนั่งลงข้าง ๆ และรอคอยฟังอย่างตั้งใจ
“หลังจากที่เราก้าวเท้าออกจากบ้านพักหลังนี้ไป ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมคุณเข้าใจดีใช่ไหม” องศาไม่อยากจะพูดแบบนี้แต่เขากลัวว่าถ้าคนอื่นรู้เรื่องความสัมพันธ์มันอาจจะกระทบกับการฝึกงานของเธอ
“หนูรู้ค่ะ ทุกอย่างที่นี่จะเป็นความลับคุณองศาไม่ต้องห่วงนะคะ คุณเองก็คงไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกันใช่ไหม” หญิงสาวพูดเสียงเรียบแต่ในใจรู้สึกเจ็บปวด
“แน่นอนความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผมจะคงอยู่ในฐานะ ท่านประธานกับนักศึกษาฝึกงานเท่านั้น”
“ไม่มีใครจะรู้เรื่องคืนนี้และคุณจะยังคงเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ถูกเลือกให้มาช่วยงานเพราะความสามารถ” เขาใช้นิ้วมือเกลี่ยรอยแดงจาง ๆ บนต้นคอที่เกิดจากความรุนแรงในบทรักเมื่อคืน เขายอมรับว่าควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับมาธวี ทั้งที่เขาเองก็เคยนอนกับผู้หญิงที่สวยกว่าเซ็กซี่กว่ามาก็หลายคนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกดีและมีความสุขเท่าเธอเลย
มาธวีรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำด้วยความจริงที่โหดร้าย แต่เธอก็เข้าใจดีว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอเพราะถ้ามีคนอื่นรู้คนที่เดือดร้อนก็มีแค่เธอ
“คุณต้องรักษาความลับให้ดีนะคะคุณองศา” มาธวีขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมสัญญา แต่ตอนนี้เรามาใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขดีกว่าไหม” องศาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบาเป็นจูบที่เปี่ยมไปด้วยความหวงแหนและปลอบโยน
ทั้งสองใช้เวลาช่วงที่เหลืออย่างผ่อนคลายจนถึงเวลาเที่ยงก็เช็กเอาต์ออกจากบ้านพักและเดินทางไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ
ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องมาธวีและองศาก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลยบรรยากาศมันดูอึดอัดมากกว่าวันแรกที่มา
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินดอนเมืองเวลาบ่าย องศาหันมาพูดกับมาธวีด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเป็นทางการเล็กน้อย
“คุณทำงานได้ดีมากนะน้ำผึ้ง”
“ขอบคุณค่ะ” มาธวีตอบรับอย่างสุภาพและรักษาระยะห่างตามที่ตกลงกันไว้
“ก่อนจะกลับบ้าน ผมว่าเราหาอะไรทานกันก่อนดีไหม” องศาเสนอ
“คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ หนูเกรงใจ”
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณกลับไปถึงบ้านทั้งที่ยังไม่ได้ทานอะไร”
“แต่เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น”
“ใช่ ผมจำได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะปล่อยให้คุณหิว”
คำพูดธรรมดากลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
“แต่หนูกลัวคนอื่นเห็น”
“จะเห็นก็ไม่แปลกอะไรนี่ เรามาทำงานด้วยกันนะ คุณคิดมากเกินไปแล้ว แค่ชั่วโมงเดียว” องศาเห็นความลังเลในดวงตาของเธอจึงเสริมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอปฏิเสธยาก
“หนูไม่หิวเท่าไหร่”
“แต่ผมหิวนะ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
“ก็ได้ค่ะ” สุดท้ายมาธวีก็ต้านทานคำขอขององศาไม่ได้ หญิงสาวกลัวว่าถ้าทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมามันจะกระทบกับการฝึกงานของเธอ ในตอนนี้อะไรที่ยอมได้มาธวีก็คงต้องยอมเขาไปก่อนแต่ถ้าฝึกงานเสร็จเธอก็จะไม่อยู่ใต้อาณัติเขาอีกต่อไป
องศาพาเธอไปทานอาหารที่ร้านอาหารหรูในโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ เป็นร้านที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว มาธวีรู้ดีว่าเขาเลือกสถานที่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอใครในบริษัท
“อร่อยไหม”
“ค่ะ”
“คุณแก้วน่าจะบอกแล้วว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ผมมักจะพาลูกค้ามาทาน”
“พี่แก้วให้รายชื่อร้านอาหารมาแล้วค่ะ แต่หนูยังจำได้ไม่หมดค่ะ”
“ไม่ต้องจำหรอก ข้อมูลพวกนี้ถ้าอยากได้ก็หาในคอมพิวเตอร์เอาก็ได้เพราะถ้าให้จำทุกอย่างหัวคุณลงระเบิดก่อน”
การสนทนาในช่วงทานอาหารยังคงเป็นเรื่องงานเป็นหลัก แต่ก็มีช่วงที่องศาถามถึงเรื่องส่วนตัวของเธออย่างเนียน ๆ ทำให้มาธวีรู้สึกว่ากำแพงที่เธอกำลังสร้างนั้นสั่นคลอนอยู่ตลอดเวลา
“คุณมีธุระที่ต้องไปทำที่ไหนก่อนกลับบ้านไหม” องศาถามเมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีค่ะ หนูว่าเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้นะคะเดี๋ยวหนูเรียกแท็กซี่กลับเอง คุณคงอยากรีบกลับไปพักผ่อน” มาธวีพูดอย่างเกรงใจ
“ขึ้นรถเถอะ ไปส่งคุณมันคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอกมั้ง”
“ก็ได้ค่ะ จอดที่หน้าปากซอยเหมือนเดิมนะคะ”
“ทำไมล่ะ หรือกลัวคุณยายจะถาม คุณไม่บอกท่านเหรอว่าไปทำงานกับบริษัท”
“หนูบอกยายไปแล้วค่ะว่าไปทำงานกับบริษัทแต่ที่หนูไม่ให้คุณไปส่งถึงบ้านก็เพราะบ้านหนูอยู่ในซอยลึกและค่อนข้างแคบค่ะ รถเข้าไม่สะดวก” มาธวีพยายามอธิบายด้วยเหตุผลที่ดูสมจริงที่สุดแต่อันที่จริงแล้วหญิงสาวไม่อยากให้องศารู้ว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน
“เหตุผลก็ดีนะแต่ผมคงจะไม่ปล่อยให้คุณต้องลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในซอยด้วยตัวเองหรอกนะ มันหนักเกินกว่าที่คุณจะลากเข้าซอยลึกแบบที่คุณพูดได้” เขาเหลือบมองไปยังกระเป๋าเดินทางขนาดกลางที่วางอยู่เบาะหลัง
“ไม่เป็นไรค่ะ” มาธวีพยายามยืนกราน แต่ความจริงเธอก็รู้สึกหนักใจกับกระเป๋าอยู่เหมือนกัน
“อย่าดื้อไปหน่อยเลย เราก็เหนื่อยด้วยกันทั้งคู่และผมรู้ว่าคุณน่าจะเหนื่อยมากกว่าผมนะ อย่าลืมว่าคุณยังเป็นคนของผม” เขาพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้มาธวียอมจำนน
มาธวีหน้าแดงก่ำกับคำว่าคนของผมที่เขาใช้ เขาอาจพูดในบริบทที่สื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างประธานบริษัทกับนักศึกษาฝึกงานแต่ก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความใส่ใจแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“บอกทางผมมาก็แล้วกันนะ”
เขาขับรถเข้าไปตามที่อยู่ที่มาธวีบอก เมื่อรถคันหรูขององศาเลี้ยวเข้าสู่ซอยบ้านที่ค่อนข้างเงียบสงบ องศามองไปรอบ ๆ และรู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดเลยที่ขับรถมาส่งเธอถึงบ้าน
“อยู่กับยายแค่สองคนเหรอ”
“ค่ะ”
“จะไม่เชิญผมเข้าไปข้างในหน่อยเหรอ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณองศาควรรีบกลับไปพักนะคะ”
“คุณเองก็เหมือนกันนะ พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัท”
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” หญิงสาวยกมือไว้ชอบคุณก่อนจะเดินลงมาจากรถและเปิดประตูหลังหยิบกระเป๋าของตนเองลงมาด้วย
เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้านองศาก็มองตามหลังและคิดว่าสักวันคงได้เข้าไปข้างในบ้างแต่นั่นต้องหลังจากที่เธอฝึกงานเสร็จแล้ว