บทที่ 1 ตัวประกอบที่จะตายในตอนถัดไป

2638 คำ
เสียงกระทบของเกือกม้าดังเข้าสู่โสตประสาท เหล่าผู้คนกู่ร้องมิใช่ด้วยความดีใจหรือสรรเสริญสิ่งใด พวกเขาร้องเรียกกำลังใจที่กำลังฮึกเหิมของตน เสียงกระทบของอาวุธเล่มยาวสีเงินดังซ้อนทับกันจนไม่อาจจะแยกออกได้ว่า นี่คือเรื่องจริง หรือเพียงฝันไป “คุณหนู!! คุณหนูฉูฉิงเฟยขอรับ!!!” “อะ เอ่อ!! ว่าอย่างไร!” 'ไอ้นี่ก็เรียกจังเลย' หญิงสาวใบหน้าขาวสะอาดงดงาม นางอยู่ในชุดพร้อมรบพร้อมดาบหยกเหน็บข้างเอวดูองอาจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก หากแต่เพียงชั่วครู่แววตานั้นก็กลับมาปกติดังเดิม นางตอบกลับทหารผู้นั้นที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าองครักษ์ที่นางไม่รู้ชื่อ “ท่านฉูเป่ยชางนำทัพออกศึกอยู่หน้าด่านแล้วขอรับ!” “พวกเจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ข้ารู้ว่าข้าควรทำสิ่งใด เจ้าจงนำกำลังส่วนหนึ่งแยกไปช่วยท่านพ่อที่หน้าด่าน ส่วนอีกฝั่งตามข้ามา” ฉูฉิงเฟยกล่าวคำสั่งเด็ดขาดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความกลัว จนเหล่าผู้ติดตามได้แต่นึกศรัธาและชื่นชมในความเฉยชาและเยือกเย็นของคุณหนูของพวกเขา ไม่ว่านางจะทำศึกที่ใดที่นั่นเราย่อมได้รับชัยชนะกลับมา แม้ฉูฉิงเฟยจะพูดเช่นนั้นแต่หารู้ไม่ว่าในใจของนางกลับเต็มไปด้วยคำว่า ฉิบหาย ฉิบหายยย! แค่เห็นดาบและภาพกองเลือดเบื้องหน้าเข่าก็แทบจะทรุดแล้วเว้ย จะให้จับดาบสู้คนเหรอ ไม่มีทางหรอก! ฉูฉิงเฟย ที่ตอนแรกเธอไม่แม้แต่จะรู้ว่าเป็นใครในโลกของนิยายเรื่องนี้ ทั้งนอนคิดนั่งคิดจึงได้รู้ว่านางเป็นเพียงตัวประกอบที่จะตายอย่างรวดเร็วในตอนถัดไป! เดี๊ยนจะตายแล้วเหรอคะ เพิ่งไหลตายแล้วโผล่มาที่นี่แล้วจะตายอีกแล้วเหรอคะ! ไอ้เฮงซวยเอ๊ย นางได้แต่ก่นด่าใครก็ตามที่ทำให้นางต้องหลุดเข้ามาอยู่ภายในนี้ด้วยความฉุนเฉียว ทุกคนสงสัยใช่ไหมว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น มาค่ะมาย้อนกัน ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาด 24 ตารางเมตรใจกลางเมืองกรุง เนื้อที่ไม่กว้างมากนักแต่เพียงพอให้หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มลูกครึ่งจีนได้กลิ้งพักผ่อนไปมา หลังจากที่อาเฟยกลับมาจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ภายในห้องเงียบๆ ที่เธออยู่คนเดียว เธอถอดชุดออกระหว่างทางตรงมายังเตียงกว้าง ในมือถือโทรศัพท์เลื่อนไถไปมา เธอจ้องมองตัวอักษรภายในนั้นตาไม่กะพริบ “ถึงจะเหนื่อยแต่ถ้ามีพี่ลู่อยู่ด้วย น้องก็สุขใจจ~” ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มในขณะที่สายตายังไม่ละจากหน้าจอ ภายในหน้าจอปรากฏหน้าตาของชายหนุ่มในยุคโบราณ จากการบรรยายในหนังสือนิยายที่เธอกำลังติดงอมแงมอยู่ตอนนี้ เธอได้ตกหลุมรักตัวร้ายของเรื่องไปโดยไม่รู้ตัว นิยายเรื่อง ‘ดั่งบุปผาร่วงโรย’ นิยายจีนแปลที่กำลังฮิตกันอย่างล้นหลาม แต่ตัวของอาเฟยเองกลับไม่ได้ชอบพระเอกแต่อย่างใด เธอหลงรักตัวร้ายของเรื่องนี้ต่างหาก ทั้งความกร้าวใจ ความป่าเถื่อน และความน่าสงสารของตัวร้ายที่คล้ายกับชีวิตของเธอ ที่มีความรักกี่ครั้งก็ไม่สมหวังเสียที โดนเทกลางทางทุกทีไป ทำให้เธอติดตัวร้ายผู้นี้ไปโดยไม่รู้ตัว จนถึงขนาดจ้างนักวาดด้วยราคาหลักหมื่นเพื่อวาดใบหน้าของชายหนุ่มออกมาจากคำบรรยาย! คลั่งแค่ไหนคิดดูสิคะ! ตัวร้ายที่ต้องทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เด็ก ด้วยที่มีแม่จิตป่วยที่เป็นถึงสนมเอกของฮ่องเต้ แต่ด้วยความรักที่มีแต่ฮ่องเต้ นางจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสนใจ จนวันหนึ่งนางได้คลอดบุตรให้แก่เขา แต่นั่นก็เป็นวันเดียวกันกับที่ฮองเฮาทรงให้กำเนิดพระราชโอรสเช่นกัน ทำให้ความสนใจทั้งหมดของฮ่องเต้ตกไปที่ฮองเฮาทั้งหมด สนมจิงหลียอมรับไม่ได้และรังเกียจลูกของตนเองที่ไม่อาจจะดึงรั้งคนที่รักไว้ได้ จนเกิดเป็นความรักที่บิดเบี้ยวทำให้ตัวของลู่เทียนหยางเองต้องเผชิญกับความทรมาน แต่แล้ววันหนึ่งไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายที่ได้ถูกเผ่ามารนำไปชุบเลี้ยง ลู่เทียนหยางเป็นตัวละครที่เก่งและฉลาด แถมยังเรียนรู้ได้ไว ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะสามารถชิงตำแหน่งจ้าวสำนักมารไปได้ และยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังองค์กรนักฆ่าต่างๆ ที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายและป่าเถื่อนอีกด้วย แต่นั่นยังไม่ใช่เส้นทางที่จะนำตัวร้ายไปสู่ความตาย แต่เพราะดันไปเจอกับแม่นางเอกของเรื่องโดยบังเอิญ และเกิดเป็นความรักที่ฝังรากลึก ด้วยความที่แม่นางเอกผู้แสนดี๊ดีได้เข้าไปช่วยเหลือและแสดงความห่วงใย จนจิตใจน้ำแข็งของผู้ที่ได้ชื่อว่าอำมหิตและโหดร้ายที่สุดในยุทธภพถึงกับมลายลง นั่นแหละค่ะ ความฉิบหายต่อตัวละครที่นางรักจึงได้บังเกิด!! และฉากจบก็คงจะไม่พ้นที่ตัวร้ายของเธอต้องตาย! อาเฟยยอมไม่ได้ มันได้เหรอแม่ อย่างน้อยเขียนฉากเซอร์วิสคนเชียร์ตัวร้ายหน่อยเถอะ “ทำไมตัวร้ายทุกเรื่องต้องจบด้วยความตายด้วยอะ มันไม่ยุติธรรมกับพี่ลู่เลย ชิส์ ถ้าฉันเป็นนางเอกนะบอกเลยว่าจะไม่เอาพ่อพระเอกที่ดูจืดชืดนั่นเด็ดขาด!” แน่สิตัวร้ายของนางขึ้นชื่อว่ารักนางเอกจนแทบจะถวายหัวด้วยซ้ำ แม้เธอจะอ่านซ้ำๆ มาหลายรอบแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำใจได้เรื่องที่ตัวร้ายของเธอตายถึงขนาดที่อินบ็อกต่อว่านักเขียนจนเป็นเรียงความกันเลยทีเดียว โดยทางนักเขียนตอบกลับมาเพียงว่า ‘เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วเสียใจด้วยค่ะ!’ การตอกกลับอย่างไม่ใส่ใจในตัวละครที่เธอหลงใหลทำให้อาเฟยเลือดขึ้นหน้า “ปัดความรับผิดชอบมากค่ะ อย่างน้อยให้พี่ลู่ฉันสมหวังในความรักกับเขาบ้างได้ไหมคะ! แล้วจะสร้างตัวละครมาทำไมให้น่าสงสาร น่าหดหู่ ทั้งหล่อและกร้าวใจ แต่ละบทตัวร้ายของฉันต้องทนทุกข์ทรมานกับสองตัวละครหลักนั่น!” เธอกำลังก่นด่านักเขียนกลายเป็นนักเลงคีย์บอร์ดอย่างมันมือจนเกือบจะถึงเช้า เธอหักคอตัวเองไปมาพร้อมหักข้อมือ กร๊อบ แกร๊บ ด้วยความสะใจที่ได้ระบายความโกรธ จนนักเขียนถึงกับปิดแช็ตหนีเพราะทนฝีปากไม่ไหว 'จะเถียงแม่เหรอเอาไรมาสู้ยะ' อาเฟยล้มตัวลงนอน ความเหนื่อยล้าจากการหามรุ่งหามค่ำทำให้หญิงสาวปิดเปลือกตาลงอย่างง่ายดาย ความรู้สึกจุกในอกเกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวนัก และไม่กี่เพียงอึดใจเหมือนเธอเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงนาที ความรู้สึกจุกอกราวกับหายใจไม่ออกได้มลายหายไปพร้อมกับเสียงเรียกของใครบางคน “คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ!” 'ใครเรียกวะ ...คนจะนอน พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปเจอยายป้าอำพรที่บริษัท วันนี้ต้องนอนจนทุกคนต้องร้องไห้ขอร้องให้เธอตื่นมาใช้ชีวิตบ้าง' แต่เสียงเรียกที่ไม่คุ้นหูกลับยิ่งกล่าวย้ำให้เธอตื่นขึ้น จากเสียงที่ราวกับอยู่ไกลแสนไกลนั้นเริ่มชัดเจนในรูหู อาเฟยสะดุ้งสุดตัว ใบหน้างามลุกขึ้นมาด้วยความฉงน เพราะเธออยู่ที่หอพักคนเดียวแล้วเสียงนั่นมาจากไหนกันล่ะ ผี!!! ‘ลีมี่’ หลบตาลงต่ำร่างกายสั่นเทา นางทำให้คุณหนูไม่พอใจอีกครั้ง ลีมี่เดินไปยังมุมของห้องที่วางอาวุธไว้จนเต็ม มีทั้งแส้ ดาบยาว และอาวุธอื่นๆ อีกมากมาย นางเลือกหยิบแส้ยาวมาก่อนจะค่อยๆ เดินตรงมายังคุณหนูของตนด้วยความสั่นกลัว ในขณะที่อาเฟยยังคงตื่นตระหนก เธอมองไปรอบๆตัวก็พบว่านางอยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่ ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำมึนเมา มีจอกเหล้าหลายจอกที่ถูกดื่มจนหมดวางอยู่เต็มพื้นห้อง ห้องนั้นถูกตกแต่งอย่างประณีต ข้าวของเครื่องใช้จีนโบราณแปลกตา รอบห้องเลอะไปด้วยสุรา ของกิน และเครื่องดนตรีมากมาย สงสัยคงจะอยู่บนสวรรค์ ในนรกไม่น่ามีคอนเสิร์ตแบบนี้ แต่สวรรค์มันมีเหรอวะ! “อะ!” หญิงสาวที่ยังคงสับสนทำท่าจะลุกขึ้นแต่กลับต้องชะงักลงเมื่อร่างกายของเธอไม่อาจจะลุกขึ้นได้ตามใจเมื่อมีบางสิ่งขวางทางเธอเอาไว้อยู่ โพละ ร่างกายสูบฉีดเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก เมื่อเธอเพิ่งสังเกตว่ารอบกายเต็มไปด้วยบุรุษมากมาย ทั้งยังเสื้อผ้าที่ถูกถอดกองเรี่ยราดจนเปลือยท่อนบนเห็นซิกซ์แพ็กและผิวพรรณที่ขาวน่าจับ หญิงสาวผู้ไม่เคยได้แตะต้องบุรุษ กลับต้องเสียเลือดเพียงเพราะเห็นร่างกายเปลือยกับบั้นท้ายเด้งดึ๋งของบุรุษ แต่ที่จริงอยากจะงาบผู้ชายเลยแต่ดันไม่เคยได้งาบสักที อาเฟยยกมือขึ้นปาดเลือดกำเดาตัวเองออกช้าๆ ในสมองยังคงคิดประมวลผลกันยุ่งเหยิง สายตาไล่นับร่างบนเตียงร่วมกับนางภายในใจ 'หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า!!! กรี๊ดดด...ผีผู้ชายห้าตน' ผีบุรุษหน้ามนถึงห้าคนกำลังนอนทับถมกันอยู่บนเตียงของเธอ! เธอใช้นิ้วจิ้มๆดูอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ปรากฏว่าดันมีเลือดเนื้อจริงๆ ผีใส่ฟังก์ชันใหม่เหรอ เป็นแบบระบบสัมผัสงี้ “กะ!” //ฉันผู้ที่จะกรี๊ดเพราะกร้าวใจที่ได้เห็นผู้ชายเปลือย “คุณหนูฉูฉิงเฟยเจ้าคะ บ่าวทำให้คุณหนูเคืองโกรธ บ่าวน้อมรับความผิดนี้ แต่หากไม่ปลุกคุณหนูเช่นนี้ท่านแม่ทัพใกล้จะมาถึงจวนแล้วนะเจ้าคะ! เชิญคุณหนูนำแส้นี้เฆี่ยนตีบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ แต่คุณหนูต้องรีบแต่งตัวแล้วนะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพใกล้จะถึงจวนเต็มที” //ส่วนคนนี้อยู่ๆก็คุกเข่าน้ำตานองหน้าก้มแนบแทบเท้าพร้อมยื่นแส้สีดำและบอกให้เฆี่ยนตีเธอราวกับฉันเป็นนางมารร้าย ยังไม่ทันที่อาเฟยจะได้ร้องตกใจกับเรื่องราวตรงหน้า เธอต้องสะอึกกลืนคำกรี๊ดลงเมื่อโดนขัดจังหวะจากหญิงสาวตอนแรกที่เป็นคนมาปลุกเธอ ลีมี่นั่งทรุดลงตรงข้างเตียงพร้อมกับในมือถือแส้สีดำยื่นมาให้กับเธอ พร้อมกับคำพูดที่แปลกประหลาด แต่นั่นยังไม่เท่ากับที่ชื่อที่หลุดออกมาจากหญิงสาวตรงหน้า ฉูฉิงเฟย นั่นมันชื่อของใครฟะ!! แต่เดี๋ยวก่อน ฉูฉิงเฟย ฉูฉิงเฟย ตัวประกอบในนิยายที่เธอชอบนี่! ไม่ใช่เท่านั้นยังตายในตอนต้นเรื่องเสียด้วยซ้ำ และไม่ใช่ใครที่ไหนฆ่าเธอ ก็เป็นท่านพี่ลู่ตัวร้ายของเรื่องนั่นเอง อยู่ๆก็กลายเป็นตัวประกอบในนิยายที่จะตายในตอนถัดไปอีก 'ความสมเหตุสมผลมันอยู่ที่ไหนคะ! แต่ก็แอบดีใจ ได้อยู่ที่เดียวกับท่านพี่ลู่ แต่มันจะเป็นคนฆ่าตูนี่หว่า ฮื้อออ' หญิงสาวแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายให้ได้ แต่แล้วกลับมีแส้สีดำยื่นผ่านมาตรงหน้าของเธอ ลีมี่เมื่อเห็นคุณหนูของตนปรายตามองมา ก็หลุบตาต่ำลงมองพื้นพร้อมกับมือสั่นเทาที่ยังคงถือแส้สีดำยื่นไปตรงหน้าของคุณหนูของนาง นางหลับตาแน่น เมื่อได้ยินเสียงขยับกายจากร่างบางตรงหน้า แส้ในมือถูกดึงออกไป นางจับชายกระโปรงตัวเองไว้แน่น ครานี้นางทำให้คุณหนูต้องฉุนเฉียว นางไม่ชอบให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายในเรือนของนางยามที่นางพาบุรุษนักดนตรีจากเรือนหลังมาปรนเปรอ "เอามาเพื่อ ให้เอามาตีตัวเองเเหรอ!" 'แค่นี้ก็สติแตกจะระเบิดแล้วจ้ะ พักก่อนนะไอ้เรื่องร้ายๆเนี่ย' “คุณหนูลงโทษบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ฮึก ข้าทำให้คุณหนูเคืองโกรธอย่าเอาไปลงที่คุณท่านเลยนะเจ้าคะ” “สต๊อป!! ขอตั้งสติแป๊บ เดี๋ยวมาคุยด้วย” อาเฟยแย่งแส้ในมือออกปามันลงพื้นไปไกลนับเมตร เสียงสั่นเทากับคำแปลกหูกล่าวดังลั่นและสัมผัสบางเบาที่บีบอยู่ตรงหัวไหล่ของนางทำให้นางต้องเงยหน้ามองไปยังคุณหนูของตน ภาพตรงหน้าทำให้นางประหลาดใจเมื่อเห็นสายตาตื่นตระหนก และกำลังกล้ำกลืนน้ำตาของฉูฉิงเฟย นางพยักหน้ารับกับคำขอร้องนั้นด้วยความฉงน อาเฟยฟุบหน้าลงไปกับหมอนนุ่ม "ฮึ่ยย! ดีใจเว้ยไม่ต้องไปทำงานแล้ว แต่เดี๋ยวก่อนต้องตายตอนถัดไปนี่หว่า ฮื้อออ ไรกันวะ อุตส่าห์หนีงานนรกนั่นมาเป็นคุณหนู แถมยังมีผู้ชายรายล้อมดั่งบาร์โฮส.. ฮื้อออ แต่จะได้เจอท่านพี่ลู่ไหมนะ แต่เขาเป็นคนฆ่าเราอะ แต่ก็อยากเจอเขา รักเขาง้า &@:@฿,&/@" และอีกต่างๆมากมายที่พวกเขาฟังไม่เข้าใจสักนิด! เสียงร้องระงมของหญิงสาวที่อัดกับหมอนใบนั้นทำให้ลีมี่รู้สึกสงสารหมอนใบนั้นยิ่งนัก เสียงร้องนั้นปลุกให้เหล่าบุรุษห้าชีวิตตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ และเห็นเข้ากับนายหญิงของพวกเขากำลังสู้รบตบตีกับหมอนใบน้อยๆ ซวยแล้วขนาดหมอนนางยังไม่เว้น แล้วชีวิตพวกเขาจะอยู่รอดงั้นรึ! พวกเขารีบควานหาเสื้อผ้าของตนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะนั่งทรุดลงข้างๆ กับลีมี่ที่กำลังเฝ้ามองคุณหนูของตนใช้หมอนตีใบหน้าตัวเองไปมา พร้อมกับทะเลาะกับตัวเองราวกับคนเสียสติ ลีมี่น้ำตาคลอเมื่อคิดว่าเหตุการณ์ที่ทำให้คุณหนูของนางขาดสติเยี่ยงนี้คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนที่องค์ชายจางหลิงเหวินปฏิเสธนางกลางงานต่อหน้าผู้คนมากมาย หลังจากกลับมาคุณหนูของนางก็ขังตัวเองไว้ในห้องพร้อมกับเรียกบุรุษในเรือนหลังเข้าไปปรนนิบัติ “ฮึก คุณหนูเจ้าคะ” ลีมี่สะอึกสะอื้นสงสารคุณหนูของนางจับใจ แม้คุณหนูของนางจะเอาแต่ใจและร้ายกาจ แต่ตระกูลฉูชุบเลี้ยงนางมาตั้งแต่ที่แม่ของนางได้ตายไป จึงทำให้ลีมี่สำนึกบุญคุณพร้อมที่จะถวายตัวรับใช้ให้กับคุณหนูของนาง “คุณหนูฉูฉิงเฟยขอรับ ท่านไม่พอใจสิ่งใดในตัวพวกข้างั้นหรือ โปรดบอกกล่าวแก่พวกข้าด้วยเถิด เห็นท่านเจ็บช้ำใจถึงเพียงนี้ใจพวกข้าเจ็บเสียยิ่งกว่าท่านนัก” หนึ่งในพวกเขากล่าวขึ้นมาเมื่อเห็นว่านางยังไม่อาจลดโทสะลงได้ ในขณะที่ลีมี่ได้แต่ร่ำไห้สงสารคุณหนูของนาง ตอนนี้ภายในห้องเกิดความวุ่นวายเมื่อห้าบุรุษกำลังก้มหัวกล่าวขอโทษขอโพยไม่หยุด อีกหนึ่งสาวรับใช้กำลังร้องไห้ และตัวของอาเฟยเองที่กำลังทะเลาะกับหมอนและผ้าปูเตียงไปมา ทั้งเสียงร้อง เสียงขอโทษ และเสียงโวยวายดังขึ้นจนจับใจความไม่ได้! "ไม่ต้องพู้ดดดด" อาเฟยพูดแข่งกับเสียงร้องของพวกเขา เสียงร้องระงมไปทั่วทั้งเรือนสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนที่เดินผ่าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม