CHAPTER 03 นายท่านเจ้าขา I
Rrrrr
แม่โทรหาฉันเป็นร้อยๆสายตลอดสามวันที่ผ่านมา แต่ไม่มีสักสายหรือสักข้อความที่จะเป็นของพ่อฉันเลย เขายังห่วงลูกสาวคนนี้อยู่ไหมนะ? ฉันไม่ได้รับสายใครทั้งนั้นแหละ ยังไม่อยากตอบคำถามใครตอนนี้แม้กระทั่งแม่ฉันเอง ถ้าฉันตอบไปว่าเหตุผลที่ต้องหนีออกจากบ้านเพราะพ่อล่ะ แม่ต้องให้ฉันกลับไปง้อพ่ออยู่ดี ทั้งที่ฉันออกมาเพื่อจะทำคดีนี้ให้สำเร็จ สร้างผลงานให้ตัวเอง สร้างชื่อเสียงให้พ่อ
แต่เอาจริงๆเวลาสามวันที่ผ่านมามันช่างเหนื่อยแสนเหนื่อย ตอนนี้ฉันแอบอู้งานเข้ามาพักภายในห้องนอนที่คับแคบ มันอุดอู้กว่าห้องน้ำที่บ้านฉันอีก ก็อย่างว่าแหละที่ไหนมันจะสะดวกสบายเท่าบ้านเรา ตั้งใจมาอยู่ที่นี่ในฐานะคนใช้ก็ต้องทนทำต่อไปจนกว่าจะสืบรู้ความชั่วช้าและเบื้องหลังความร่ำรวยของนายภคินนั่น
ดูหน้าก็รู้ว่าเป็นคนเลว แค่ฉันต้องหาหลักฐานเอาความเลวของเขามาเปิดโปงให้ได้เท่านั้น
ฉันพยายามจะหลอกถามป้าแม่บ้านทั้งหลายเกี่ยวกับงานที่นายภคินทำแต่ไม่มีใครหลุดปากเรื่องไม่ดีออกมาเลยสักคน เอาแต่ชมเปาะว่าเจ้านายดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ด้วยสัญชาตญาณตำรวจที่ฉันมีอยู่สัมผัสได้ว่าเขาไม่มีใช่คนดีขนาดนั้นแน่ๆ ที่เห็นๆอยู่ก็เรื่องใจร้อนเจ้าอารมณ์ คนนิสัยแบบนี้เป็นนักธุรกิจได้ยังไง
ความสงสัยใครรู้ทำให้เนื้อตัวฉันเต้นตุบตับไปหมดจนอยู่นิ่งไม่ได้ ฉันรีบหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องรูหนูนี่เพื่อไปทำงานต่อหลังจากที่เพิ่งถูพื้นลานบ้านด้านนอกเสร็จ
“ป้าพรๆ มีอะไรให้หนูทำต่อไหมจ๊ะ”
“โอ๊ย ไม่ต้องขยันขนาดนั้นหรอก ป้าเห็นเอ็งทำงานงกๆมาหลายวันแล้ว พักบ้างเถอะ”
ก็จริงอย่างที่ป้าพรบอกว่าฉันทำงานงกๆมาตลอดสามวันที่อยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกแต่ดันเป็นคนประเภทอยู่นิ่งไม่ค่อยได้น่ะ
“แล้วนี่ป้าถือถังน้ำกับผ้าจะไปเช็ดอะไรที่ไหนล่ะ เดี๋ยวหนูช่วย”
“ห้องทำงานนายท่าน แต่ไม่ต้องช่วยป้าหรอก นายท่านไม่ให้คนอื่นทำความ
สะอาดที่ส่วนตัวนอกจากป้า”
“ทำไมล่ะ มีความลับอะไรเหรอจ๊ะ”
นั่นสิ ต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่ถึงได้ให้ป้าพรเข้าไปได้แค่คนเดียว ทั้งที่แม่บ้านที่นี่มีตั้งหลายคน ฉันว่าป้าพรนี่แหละต้องรู้อะไรดีๆมาแต่ไม่ยอมบอก
“ป้าอยู่กับนายท่านมานานตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นแล้วล่ะ คงไว้ใจ”
“มาๆ หนูช่วยเอง ไม่เข้าไปก็ได้ ยืนคอยหยิบยื่นอะไรให้ป้าอยู่หน้าห้องก็ยังดี ไม่อยากอยู่เฉยๆน่ะ”
ไม่ว่าเปล่า ฉันรีบปรี่เข้าไปคว้าอุปกรณ์ทำความสะอาดจากมือป้าพรมาไว้ที่ตัวเองและดันหลังให้ป้าเดินนำฉันไปยังห้องทำงานของนายภคินอะไรนั่น
“เอ็งนี่มันดื้อจริงๆ งั้นก็คอยบิดผ้าให้ป้าแล้วกัน”
“ได้จ้า”
และแล้วก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องบานใหญ่ห้องหนึ่ง คิดไว้แล้วเชียวว่าห้องนี้ต้องเป็นห้องทำงาน สามวันที่ผ่านมาฉันพยายามจะซอกแซกสำรวจภายในบ้านว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้างเพื่อที่จะง่ายต่อการรื้อค้นหลักฐานที่ฉันอยากจะได้มันมาใจจะขาด แต่พูดก็พูดเถอะ หมอนั่นระวังตัวมาก ฉันเป็นแค่แม่บ้านคนใหม่มีสิทธิทำความสะอาดภายนอกและจัดการดูแลสวนหน้าบ้าน ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปทำความสะอาดห้องไหนเลย
คงต้องใช้เวลาทำงานอยู่ที่นี่สักพักสินะ ขอให้ฉันได้เรียนรู้นิสัยใจคอเขาได้มากกว่านี้ก่อนเถอะ จะได้รู้ว่าคนแบบนั้นฉันจะเข้าหาเขาด้วยวิธีไหนได้บ้าง เผื่อจะหลอกล่อเขาให้อนุญาตฉันทำความสะอาดพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้ ขอแค่ฉันได้เข้าไปตรงนั้นเถอะ หลังจากนั้นคงไม่ยากเกินความสามารถอะไร
ผลัก
“เอาผ้าชุบน้ำให้ป้าหน่อย”
“ไม่กวาดก่อนเหรอจ๊ะ?”
“ห้องนี้นายท่านไม่ค่อยได้เข้ามาหรอก ไม่สกปรกอะไร จะมีก็แค่ฝุ่นบนชั้นเล็กน้อย”
“อ้าว ห้องทำงานแต่ไม่มีคนทำงาน แล้วแบบนี้เวลาทำงานเขาไปทำที่ไหนล่ะ”
“ห้องนอน”
ยากแล้วมัดไหม!! ลำพังห้องทำงานยังไม่มีปัญญาจะเข้าไป แบบนี้นายภคินคงไม่เก็บพวกเอกสารสำคัญๆไว้ห่างตัวหรอก ถ้าไม่ใช้ห้องทำงานก็คงไม่มีอะไรสำคัญอยู่ที่นี่ ถ้างั้นของสำคัญต้องอยู่ที่ห้องนอนน่ะสิ!! จิ๊ คิดแล้วหงุดหงิดใจชะมัด แล้วฉันจะเข้าห้องนอนเขาได้ยังไงล่ะเนี่ย
ได้แต่คิดวุ่นวายอยู่ในหัวแต่ยังคงช่วยป้าพรซักผ้าและบิดอยู่อย่างนั้น จังหวะที่ป้าหันหลังฉันก็แอบชะเง้อมองเข้าไปบ้างเพราะป้าเปิดประตูทิ้งไว้บานเดียว มองดูคร่าวๆห้องนี้ไม่มีอะไรมาก ใหญ่โตโอ่อ่าแต่มันดูจะเป็นห้องประชุมซะมากกว่า ตรงกลางห้องประดับด้วยโต๊ะยาวมากและเก้าอี้หลายสิบตัวรายล้อม ตามผนังมีตู้ที่ถูกปิดทึบเต็มไปหมด ทุกตู้ถูกล็อคกุญแจแน่นหนา มีเพียงตู้กระจกที่ไว้วางของตกแต่งนิดหน่อยเท่านั้น
ที่จริง...ตู้พวกนี้ก็น่าสงสัย
“ป้าจ๊ะๆ ตู้พวกนี้เขาเอาไว้เก็บอะไรเหรอจ๊ะ”
“หืม ตู้พวกนี้น่ะเหรอ? ตู้เปล่าทั้งนั้น”
“ตู้เปล่า?”
แล้วจะมีตู้ไว้ทำไมถ้าไม่มีของใส่ นายภคินเป็นคนเพี้ยนชอบกล
“อื้ม ที่นี่ไม่ค่อยได้ใช้หรอก นายท่านก็ทำงานที่บริษัท กลับมาก็ขึ้นห้องนอน หอบงานขึ้นไปทำข้างบนนั้นแหละ เอ็งจะถามอะไรเยอะแยะล่ะยัยหนูนี่”
“แหมป้า หนูก็อยากรู้ว่าเจ้านายของป้าน่ะเป็นยังไง”
“โอ๊ย นายท่านเป็นคนดีอยู่แล้วไม่ต้องสงสัยหรอก”
คนดี? คนดีแบบไหนเอาระเบิดไปวางที่งานคนอื่น ไม่พอนะ ยังเคยจับฉันมาเพื่อหวังปล้ำด้วย แต่เพียงเพราะฉันไม่มีนมเขาเลยหมดอารมณ์ไม่ทำอะไรฉันต่อ หน็อย...นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็เจ็บปวดใจเหลือเกิน หน้าอกฉันไม่ได้ใหญ่เบ้อเริ่มเหมือน
พริตตี้สมัยนี้นี่ ฉันก้มมองหน้าอกตัวเองด้วยความวิตกจริต
“มองไปนมก็ไม่ใหญ่ขึ้นหรอก!”
ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นพร้อมปรากฏร่างคนที่ฉันกำลังนึกถึงพอดี ตาคมของเขาจ้องมองมาที่ฉันไม่วางตา
“...”
“มาทำอะไรตรงนี้?”
“เอ่อ ฉันมาช่วยป้าพร ค่ะ”
เกือบลืมคำลงท้ายว่าค่ะซะแล้ว
“ไปทำอย่างอื่น วันนี้รดน้ำที่เรือนกล้วยไม้รึยัง?”
“ห้ะ นั่นหน้าที่ฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร หมามันทำแทนได้ไหมล่ะ”
“ทำไมไม่ซ่อมสปริงเกอร์ให้มันใช้งานได้ล่ะจะได้ไม่เปลืองกำลังคน ให้ฉันทำทุกวันก็ไม่ไหวหรอกนะคะ”
ก็จริงนี่ เรือนกล้วยไม้ใหญ่ขนาดนั้นใครจะไปทำทุกวี่ทุกวันไหว ลำพังกว่าจะเสร็จแต่ละวันก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนวันแล้วมั้ง แล้วฉันก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่นอกบ้านนานๆด้วย อยากทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะมันต้องมีหลักฐานอะไรให้ฉันเก็บแน่
“เธอเป็นใคร คนใช้ไม่ใช่เหรอ?”
เขาทำเสียงเข้มและใช้สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยใบหน้าขึงขัง สองเท้าก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าฉันด้วยระยะประชิด แล้วบังเอิญฉันไม่ใช่คนกลัวใครที่ตกอยู่ในสายตาดุดันแบบนี้แล้วจะก้มหน้ามองแต่ปลายเท้าด้วยน่ะสิ ในเมื่อเขาจ้องหน้าฉัน ฉันก็ช้อนตามองหน้าเขาตอบเช่นกัน
“ค่ะ ฉันเป็นคนใช้ค่ะ”
“ฉันเป็นเจ้านาย สั่งให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำ อีกอย่าง เรียกฉันว่านายท่านเหมือนคนอื่นด้วย”
“แต่การซ่อมสปริงเกอร์มันง่ายกว่าจริงๆนี่ ฉันเอาเวลาตรงนั้นมาทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะเลย”
“ดื้อรั้นแบบนี้ ระวังจะจบไม่สวย”
นี่ขู่ฉันเหรอ? เหอะ นายจะทำอะไรฉันได้นายภคิน ฉันน่ะเป็นตำรวจ ส่วนนายน่ะมีความผิดติดตัวนะ เท่าที่รู้มาก็ตั้งใจวางระเบิดแล้วเรื่องหนึ่ง เชื่อว่าต้องมีเรื่องอื่นให้ฉันได้สืบค้นอีกแน่ คนร้ายอย่างนายมีสิทธิขู่ตำรวจแบบนี้เหรอ?
“เอ่อ ฉันไม่ได้ดื้อนะ แค่อยากอธิบาย”
“ฉันไม่อยากฟังเธออธิบาย”
“ค่ะๆนายท่านเจ้าขา เดี๋ยวช่วยป้าพรเสร็จจะรีบไปที่เรือนกล้วยไม้นะเจ้าคะ”
“ประชดเหรอ!!”
อั่ก
มือใหญ่คว้าเข้าที่คอเสื้อของฉันแล้วกระชากเข้าหาตัวทำให้ร่างฉันลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยก่อนจะเข้ามาแนบกับตัวเขาตามแรงที่เขากระทำ บ้าจริง พูดแค่นี้ทำไมต้องทำรุนแรงด้วยล่ะ ไอ้อันธพาลเอ๊ย!!
“ไม่ได้ประชดค่ะ ฉันก็แค่บอก”
ฉันได้ยินเสียงเขาขบฟันดังกรอดลอดไรฟันออกมา ทว่าฉันก็ยังคงจ้องมองหน้าเขาไม่ละสายตาด้วยอารมณ์ที่ไม่ชอบใจเหมือนกัน จนนึกได้ว่าฉันควรทำดีกับเขาให้มากๆ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันอาจจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและจะกลับออกไปโดยไร้หลักฐาน ไม่ได้ๆ ฉันทำลายความตั้งใจของตัวเองไม่ได้
“อวดดี!”
“ขอโทษค่ะนายท่าน ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่ก้าวร้าวแบบนี้อีกค่ะ”
จำใจต้องกัดฟันพูดขอโทษออกไปทั้งที่ฉันยังหาความผิดของตัวเองไม่เจอด้วยซ้ำ สองมือยกขึ้นพนมไหว้ขอโทษเขาพร้อมทั้งดัดแปลงใบหน้าให้เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ให้เหมือนที่สุด
“ว้ายตายแล้ว มีเรื่องอะไรกันคะนายท่าน ยัยหนูทำอะไรให้ไม่พอใจบอกป้าค่ะเดี๋ยวป้าจัดการให้”
เมื่อป้าพรออกมาเห็นพอดีเขาจึงยอมปล่อยฉันลง อย่าเรียกปล่อยเลย เรียก
ว่าผลักดีกว่า ร่างฉันทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างน่าอดสู
“สั่งสอนเด็กคนนี้ให้ดี อย่าให้มาอวดดีแบบนี้ ต่อปากต่อคำเก่งนัก เหอะ ให้ทำงานให้หนักกว่าคนอื่น วันนึงกินข้าวได้แค่มื้อเดียว!!”
เขาชี้หน้าฉันพร้อมทั้งเอ่ยประโยคไร้สาระนั่นเสียงดังลั่นบ้าน
“ได้ค่ะนายท่าน ขอบคุณที่ไว้ชีวิตยัยหนูมัน เดี๋ยวป้าจะสั่งสอนตามที่นายท่าน
บอกนะคะ”
“ป้าพร แต่หนูไม่..”
“เห็นไหม ดู!! พูดขนาดนี้ยังไม่สลด!!”
ตุ้บ
เขาพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะใช้ปลายเท้าถีบเข้าที่หน้าอกฉันจนฉันหงายท้องนอนราบลงกับพื้น อ่า เจ็บหน้าอกชะมัด แล้วนี่เขาเป็นบ้าอะไรของเขาเนี่ย!! มาถีบฉันทำไม?
“ใจเย็นๆนะคะนายท่าน เดี๋ยวป้าจัดการสั่งสอนให้ค่ะ ครั้งหน้าจะให้ยัยหนูสงบปากสงบคำกว่านี้”
“ถ้าเธอยังดื้ออีก ฉันจะเป็นคนสั่งสอนเธอเอง อีกอย่าง ฉันคงไม่เลี้ยงเธอต่อหากยังทำนิสัยแย่ๆแบบนี้ในบ้านฉัน”
ฉันล่ะอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าเขากลับแต่ลำพังทำได้เพียงหยัดตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ริมฝีปากเม้มแน่นตึงไม่ตอบอะไรเขากลับไปทั้งนั้น ในหัวทั้งโกรธทั้งเกลียดการกระทำป่าเถื่อนแบบนี้ที่สุด สบถด่าเขาในใจเป็นร้อยเป็นพันคำแต่ก็ไม่คิดจะพูดมันออกมา กลัวจะทำให้คนบ้าอย่างเขาบันดาลโทสะขึ้นมาอีกแล้วฉันจะเจ็บตัว
ต่อให้เกลียดแค่ไหน แต่ตอนนี้ต้องรู้จักเอาตัวเองให้รอดก่อน ฉันอดทนเก่ง ความโกรธแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก
“วันนี้ทำไมนายท่านกลับบ้านไวจังคะ ให้ป้าเตรียมอาหารให้เลยไหม”
“ช่วงนี้จะเอางานมาทำที่บ้านหลายวัน ยังไงช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินด้วยนะ”
ทีคุยกับฉันล่ะอย่างกับจะกินหัว ทีคุยกับคนอื่นน้ำเสียงคนละอย่างเลย
นายภคินเดินผ่านตัวฉันโดยไม่ลืมที่จะใช้เท้าสะกิดที่ต้นขาด้วยความเกลียดชังก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะถึงได้ทำกิริยาต่ำๆแบบนี้กับคนอื่นได้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดถึงขนาดที่เขาต้องทำตัวเหยียดหยามฉันขนาดนี้สักหน่อย คนมันไม่ดีอะเนอะเลยคิดจะทำเรื่องดีๆกับคนอื่นเขาไม่ได้ อายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกเหรอ
“เป็นไงล่ะ เจอนายท่านดุเลย”
ป้าพรเข้ามาพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นยืน
“นี่แค่ดุเหรอป้า? ปกติเขาทำนิสัยแบบนี้กับคนอื่นด้วยไหม หรือเพราะบ้านนี้ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาถึงยังอยู่กันได้มาหลายปี หนูเป็นคนแรกเหรอที่กล้า?”
“ก็..คนก่อนที่เถียงแบบนี้ตอนนี้ก็ยังหาศพไม่เจอเลย”
ว่าไงนะ? เห้ย นี่ฉันได้ข้อมูลคดีฆ่าแล้วอำพรางศพอีกคดีแล้วนะ คิดได้ดังนั้นฉันจึงรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาทันที
“คนนั้นเป็นใคร แล้วนายท่านของป้าเขามีสิทธิอะไรทำแบบนั้น ป้ารู้อะไรเกี่ยวกับการสั่งฆ่าของเขาไหม?”
“เอ็งจะถามเอาอะไร เรื่องผ่านมาแล้วป้าไม่พูดหรอก”
เฮ้อ...คนที่นี่ทำไมซื่อสัตย์กับเขานัก ทำไมถึงยอมตกอยู่ใต้อาณัติของเขาทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่ใช่คนดี ฉันรู้ว่าคนในบ้านนี้ต้องรู้อะไรดีๆมาเยอะเพราะอยู่ที่นี่มาหลายปีแต่ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องเลวร้ายออกมา ช่างเถอะ เอาไว้ฉันจะค่อยๆตีสนิทกับทุกคนแล้วสืบทุกอย่างให้ลุล่วงพร้อมกับหลักฐานสำคัญที่ฉันจะได้ติดมือไปตอนฉันออกไปจากที่นี่
“แล้วนี่เขาเจอหนูจะถีบหนูหงายท้องอีกไหมเนี่ย เจ็บจริงๆเลย”
“ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ ก็ง้อนายท่านเขาซะ”
“ง้อ? หนูง้อใครไม่เป็นหรอก ทำไมล่ะ ถ้าหนูไม่ง้อแล้วปล่อยให้เขาหายโกรธเองไม่ได้เหรอ เขาจะไล่หนูออกรึไงป้า”
“ถ้านายท่านไม่บอกให้ออก ก็ไม่มีใครออกจากบ้านหลังนี้ได้หรอก อย่าดื้อนักเลยมัดไหม ป้าชักจะเหนื่อยกับเอ็งแล้ว แม่บ้านคนอื่นก็ไม่มีใครอยากยุ่งกับเอ็งเพราะเอ็งเป็นแบบนี้นี่แหละ คนอื่นก็กลัวจะซวยไปด้วยถ้าแกยังดื้อกับนายท่านอีก”
“เฮ้อ...เอาไงเอากัน ถ้าง้อเขาแล้วทำให้หนูอยู่ที่นี่นานขึ้นอะนะ”
ง้อทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย อยู่ในสภาวะจำยอมแบบนี้น่าอึดอัดจัง แล้วคนแบบนั้นจะง้อยังไงล่ะ
“งั้นยกชาร้อนๆขึ้นไปเสิร์ฟให้ที่ห้องนอนนะ แล้วยืนอยู่แถวนั้นบอกว่าสำนึกผิดแล้ว อยากรับใช้อยู่ตรงนี้เผื่อเขาต้องการใช้ให้ไปหยิบอะไรจะได้ทำให้ทันที ทำน้ำเสียงให้อ่อนหวานหน่อย นายท่านชอบผู้หญิงแบบนั้น อ้อนน่ะทำเป็นใช่ไหม? แล้วอย่าลืมขอโทษนายท่านด้วยล่ะ สัญญาออกไปเลยว่าจะไม่พูดขัดใจอีก พูดแล้วก็ทำให้ได้ คนบ้านนี้ต้องรักษาคำพูดตัวเองนะ”
ยุ่งยากจังเลย...
“จำเป็นต้องง้อเดี๋ยวนี้เลยเหรอป้า อารมณ์ตอนนี้ยังไม่ดีหรอก ขืนเข้าไปตอนนี้มีหวังโดนถีบออกมาอีกแหละ”
“ไม่หรอก อ้อนเข้าไว้ เชื่อป้า ป้าทำมาแล้ว”
“ห้ะ!”
ป้าพรหันมาขยิบตาให้ฉันแล้วเดินนำเข้าห้องครัวไปปล่อยให้ฉันเดินตามด้วยความมึนงง นี่ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าคนอายุปูนนี้จะง้อเด็กหนุ่มเลือดร้อนอย่างเขาได้ยังไง แล้วนายภคินนั่นนอกจากจะไล่จับนมป้าแม่บ้านแล้วยังได้รับการง้อจากบรรดาป้าๆพวกนี้อีกเหรอ เกินไปหน่อยไหม นิสัยเสียนี่เป็นมาตั้งนานแล้วล่ะสิ
ฮึ้บ!! อดทนไว้มัดไหม เพื่อหลักฐาน เพื่องาน เพื่อตัวเอง เพื่อพ่อ!!
ขอสัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่วินาทีนี้ฉันจะกลั้นใจทำดีกับเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าการยอมเสียศักดิ์ศรีแล้วมันแลกมาด้วยสิ่งที่ฉันต้องการฉันก็จะทำ ลองคิดหักลบกันแล้วสิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
END TALK
PAKIN TALK
ผมเพิ่งรับสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในบ้านเมื่อสามวันก่อน เป็นมนุษย์เพศหญิงที่หยิ่งจองหองและอวดดี หน้าตาพอใช้ได้ หุ่นกำลังสมส่วนแต่ว่าหน้าอกแบนไปหน่อย ที่จริงบ้านผมไม่มีนโยบายรับใครเพิ่มเพราะแค่นี้คนก็เยอะมากพออยู่แล้ว อีกอย่างช่วงนี้น้องชายผมไม่อยู่บ้าน การดูแลและงานต่างๆในบ้านจึงลดลงเพราะเหลือแต่ผมคนเดียว ที่รับยัยนั่นมาผมก็มีเหตุผลของผมน่ะ อย่างน้อยก็มีเด็กสาววัยสะพรั่งมาเดินเพ่นพ่านในบ้านให้เจริญหูเจริญตาบ้าง
แต่ใครจะคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆจะฤทธิ์เดชเยอะ กล้าตีฝีปากกับผมไม่เว้นแต่ละวัน บอกอะไรก็เถียง สั่งอะไรก็ขัดใจ สามวันมานี้แม้ว่าผมกับเธอจะเจอกันไม่บ่อยแต่พอเจอแต่ละทีก็มีเรื่องให้ผมหงุดหงิดใจทุกครั้ง ด่าก็แล้ว จูบก็แล้ว จนเมื่อกี้ใช้กำลังก็แล้ว หากยังกล้าลองดีกับผมอีกผมก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของชีวิตเธอนะ
ตึก ตึก ตึก
ผมเดินขึ้นมาบนห้องนอนของผมด้วยความเหนื่อยอ่อน หลังจากที่บริษัทเพิ่งแก้ปัญหาจบไปผมจึงปล่อยให้ภภีมน้องชายผมดูแลต่อ ส่วนผมขอทำงานอยู่ที่บ้านแทน การเป็นนักธุรกิจมันก็ไม่มีเวลาแบบนี้แหละ โหมงานหนักเพื่อแลกกับการให้งานออกมาดี เมื่องานออกมาดีผลตอบแทนก็ดี พูดตรงๆว่าตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้น
ป๊าก็เริ่มให้ผมฝึกทำงาน แล้วตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมยังไม่เคยได้หยุดพักเลย ผมมันบ้างานเองแหละ มันอาจจะเป็นสิ่งเดียวในชีวิตผมที่ผมทำมันได้ดีที่สุดและคนยอมรับผมในจุดที่ผมยืนที่สุด
แต่ไอ้ธุรกิจที่ว่าผมก็ไม่ได้บอกนะว่าเป็นธุรกิจสีดำหรือสีขาว หึๆ
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
เสียงเคาะประตูสองครั้งเป็นสัญญาณบอกว่าคนที่กำลังมาเยือนนั้นจะมาคุยเรื่องงาน แล้วจะเป็นใครได้นอกจากบอดี้การ์ดคนสนิทของผมเอง ไอ้ไม้ ผู้ชายตัวล่ำที่คอยติดตามผมไปไหนมาไหนด้วยทุกที่
“นายท่าน ผมเอางานที่นายท่านสั่งมาให้ครับ ลองเช็กดูก่อนนะครับว่าครบไหม”
“อือ เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละเดี๋ยวกูไปดู”
ผมบอกมันแล้วทิ้งตัวลงนอนเอนหลังบนเตียง
“จะนอนทั้งอย่างนั้นเหรอครับ ถอดสูทตัวนอกออกก่อนดีกว่านะครับจะได้สบายตัว”
“กูเหนื่อย ขี้เกียจด้วย งีบแป๊บเดียวเดี๋ยวกูก็ตื่น”
เปลือกตาหลับลงแต่หูกลับได้ยินเสียงกุกกักอยู่บนโต๊ะทำงานตรงข้ามเตียง ไอ้ไม้มันคงเอาบรรดาแฟ้มงานไปวางไว้บนโต๊ะตามคำสั่งของผม โดยปกติจะไม่เคยมีใครเห็นผมสภาพนี้เลยนอกจากมัน และเพราะมีมันอยู่นี่แหละผมถึงกล้าหลับตาลงโดยไม่ห่วงว่าใครจะมาปองร้ายผม เราอยู่ด้วยกันมานาน ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันหลายปี ลูกน้องผมหลายคนที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นเราจะสนิทกันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง เรียกว่าไว้ใจกันเหมือนคนในครอบครัวเลยแหละ เพียงแต่ต่อหน้าคนอื่นจะไม่มีใครแสดงความสนิทสนมออกมานอกเสียจากจะอยู่ด้วยกันโดยไม่มีคนอื่น
“มานี่เดี๋ยวผมถอดสูทออกให้ แล้วก็ขยับขึ้นไปนอนบนหมอนดีๆครับ นายท่าน
จะตื่นกี่โมงผมจะได้ขึ้นมาปลุก”
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนผมก่อนจะดันให้นอนตะแคงข้างหันหลังไปให้มัน แขนข้างซ้ายถูกยกขึ้นเพื่อให้มันจัดการถอดเสื้อสูทออกจากแขนได้สะดวก
“สักสองชั่วโมง ไม่เอาๆ สักสามชั่วโมงแล้วกัน”
“ได้ครับนายท่าน”
เคร้ง!
เสียงของหล่นแตกทำให้ผมกับไอ้ไม้รีบหันไปดู ปรากฏว่าเป็นยัยแม่บ้านคนใหม่ที่ผมเพิ่งมีเรื่องด้วยเมื่อกี้กำลังยืนมองผมตาค้าง นิ้วเรียวชี้มาที่ผม ริมฝีปากบางทำท่าจะขยับพูดอะไรออกมาสักอย่าง
“นายท่านเจ้าขา นี่นายท่านเป็นเกย์หรือเจ้าคะ!!?”
ห้ะ? อะไรของเธอวะ
ผมก้มมองสภาพตัวเองที่นอนหันหลังให้ผู้ชายตัวล่ำบึกอย่างไอ้ไม้ถอดเสื้อสูทให้อยู่ก็ถึงกับอ๋อ เออ ผมตกอยู่ในสภาพน่าคิดอย่างที่เธอเข้าใจจริงๆแหละ แถมดูท่าผมจะเป็นฝ่ายรับแล้วไอ้ไม้เป็นฝ่ายรุกซะด้วย เวรฉิบ!!
“เกย์บ้าบออะไรของเธอ เลิกจ้องฉันสักทีสิโว้ย!!”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินด้วยว่าพวกคุณจะทำอะไรกันถึงสามชั่วโมง คุณพระ! นายท่าน
เจ้าขา ฉันขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะเจ้าคะ”
เธอโค้งตัวคำนับให้ผมอยู่หลายทีแล้วก็วิ่งออกจากห้องนี้ไปเลยปล่อยให้ผมกับไอ้ไม้นิ่งค้างอยู่ท่าเดิม ยัยบ้านี่สร้างปัญหาใหม่ให้ผมอีกแล้วสิ ไม่ใช่ไปป่าวประกาศให้แม่บ้านคนอื่นรู้หรอกนะว่าเข้ามาเห็นผมโดนไอ้ไม้ปู้ยี่ปู้ยำแบบนี้อยู่น่ะ
“นายท่าน ฆ่าปิดปากเธอเลยดีไหมครับ”
“ไอ้ห่า ถ้าฆ่าก็เหมือนยอมรับในสิ่งที่เธอคิดสิวะ ช่างเถอะ ไว้ค่อยสั่งสอนทีหลัง มึงก็รีบๆถอดเสื้อกูให้เสร็จซะ”
“ครับนายท่าน”
ถ้าเธอเอาเรื่องเข้าใจผิดนี่ไปพูดให้ใครฟังแม้แต่คนเดียว ฉันจะตัดลิ้นเธอซะ
ให้รู้แล้วรู้รอดเลยยัยแม่บ้านคนใหม่!!